สานแนวคิดเจ้าสัว ‘เจริญ’ สร้าง SME ไทยให้แกร่ง อัศวิน เตชะเจริญวิกุล

โดย  รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ธุรกิจค้าปลีกในกลุ่มบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (บีเจซี) อัศวิน เตชะเจริญวิกุล ได้เล่าถึงที่มาของโครงการบิ๊กซี บิ๊ก ซัคเซส ธุรกิจไทย โตไปด้วยกัน (Big C SME Matching Day 2017) ซึ่งจัดเป็นปีแรก

 โดยได้เปิดโอกาสให้ผู้ดำเนินธุรกิจขนาดกลางและย่อม หรือเอสเอ็มอีของไทย ที่มีสินค้า มีความฝัน และมีความพร้อมที่จะเติบโตไปด้วยกันกับบิ๊กซี เกิดขึ้นจากนโยบายของ “เจริญ สิริวัฒนภักดี” ประธานคณะกรรมการ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ที่ต้องการตอบแทนสังคมไทย เพราะบิ๊กซีดำเนินธุรกิจอยู่ในเมืองไทยมาร่วม 24 ปี

 ทั้งนี้ วิสัยของบิ๊กซีเองก็มีความชัดเจนในการมุ่งมั่นการเป็นห้างคนไทยหัวใจ คือ ลูกค้า ในการดำเนินธุรกิจค้าปลีกเคียงคู่สังคมไทย

 ประกอบกับ เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ก็เป็นบริษัทดำเนินธุรกิจในไทยร่วม 135 ปี ดังนั้น สิ่งที่เจริญมองและตระหนักถึงความสำคัญของผู้ดำเนินธุรกิจขนาดกลางและย่อม หรือเอสเอ็มอี ที่เป็นแรงผลักดันให้เกิดความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

 เพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจจะไม่สามารถขยายตัวได้ เพียงเพราะมีบริษัทใหญ่ๆ ที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่เศรษฐกิจไทยจะมีรากฐานที่แข็งแกร่ง ต้องร่วมสร้างรายเล็กและรายกลางให้แข็งแกร่งก่อน

 “จากแนวทางที่วางไว้ เป็นโจทย์ที่ทำให้ผมต้องทำงานให้บรรลุเป้าหมาย คือ ทำให้ภาพรวมมีความสุข เมื่อถามถึงโครงการบิ๊กซี บิ๊ก ซัคเซส ธุรกิจไทย โตไปด้วยกัน เป็นการเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีที่มีความพร้อม นำสินค้ามาจำหน่ายในบิ๊กซีด้วยกัน 8 กลุ่ม อาทิ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มเสื้อผ้าแฟชั่น กลุ่มสินค้าของตกแต่งบ้าน และสตาร์ทอัพ” อัศวิน เริ่มต้นสาธยาย

 โดยหลักเกณฑ์ของผู้ประกอบที่เข้าร่วม อัศวินชี้ว่า สินค้าต้องมีคุณภาพดี มีคณะกรรมการอาหารและยารับรอง เอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ราคาคุ้มค่าและดึงดูดลูกค้า ซึ่งปัจจุบันบิ๊กซีส่งเสริมคู่ค้าที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกว่า 100 ราย โดยเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าเอสเอ็มอี รวมทั้งสิ้นกว่า 500 รายการ และยังมีการเพิ่มปริมาณอย่างต่อเนื่อง

 “ประเทศไทยเปรียบเสมือนเป็นครัวโลก เรามีสินค้าอาหารสดหลายอย่างที่มีคุณภาพ แต่ยังขาดการสนับสนุน เราจึงอยากสนับสนุนเกษตรกรไทยให้มีช่องทางการค้าที่มากขึ้นและไม่ถูกเอาเปรียบ ประกอบกับบิ๊กซีเองก็ต้องการผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มความหลากหลายของสินค้าอาหารสด

 ในส่วนของอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย และยังมองหาผู้ประกอบการอีกจำนวนมาก เพื่อมาตอบความต้องการของลูกค้า โดยบิ๊กซีจะเป็นพี่เลี้ยงได้เข้าไปให้คำแนะนำแนวทางการค้า การวางแผนเพื่อการเติบโตและช่วยควบคุมคุณภาพการผลิต” 

 นอกจากนี้ อัศวิน ขยายภาพต่อว่า บิ๊กซียังจับมือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ จัดโครงการเอสเอ็มอี แมตชิ่ง เมื่อ 3-5 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่บิ๊กซี สาขารังสิต 2 เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เจรจาจับคู่ธุรกิจกัน

“เพื่อช่วยแก้ปัญหาหลักของผู้ประกอบการไทย ที่ส่วนใหญ่ขายอยู่ในตลาดเดิมๆ และขาดโอกาสในการเข้าถึงช่องทางขายที่มีศักยภาพและช่วยให้กระจายสินค้าได้ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งภายในงานบิ๊กซีจะมอบสิทธิพิเศษให้เอสเอ็มอีไทยที่นำสินค้าเข้ามาจำหน่าย ด้วยการยกเว้นค่าแรกเข้าที่บิ๊กซี (ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด) โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการนี้ประมาณ 1,000 ราย และจะเป็นอีกหนึ่งกลไกที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของชาติ

 ผมเชื่อว่าการดึงผู้ประกอบการทั้งขนาดเล็กและขนาดกลางเข้ามาร่วมในครั้งนี้ เพราะเห็นว่าผู้ประกอบการที่มาจากรายเล็กๆ หากได้การฝึกฝนมาตั้งแต่เริ่มต้นขายสินค้าผ่านบิ๊กซี ย่อมรู้ปัญหา รู้อุปสรรคต่างๆ เมื่อไต่ขึ้นไปที่สูงแล้วมีอันตราย ก็ปรับตัวได้ทันท่วงที และเรียนรู้ที่จะก้าวต่อไป การทำธุรกิจจะต้องไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ หากหยุดเมื่อไหร่ก็เท่ากับถอย เพราะคนอื่นก็เดินหน้าอยู่ตลอด สำหรับบิ๊กซีเป็นเหมือนโรงเรียนที่ให้ผู้ประกอบการได้ทดลองนำสินค้าเข้ามาจำหน่าย”

 ทั้งนี้ เป้าหมายของบิ๊กซี อัศวิน ย้ำว่า ต้องการผลักดันบริษัทเล็กๆ ให้มีที่ยืนในบิ๊กซี และเติบโตไปพร้อมกัน นอกจากนี้ ยังมองถึงการผลักดันสินค้าเอสเอ็มอีให้เติบโตในตลาดต่างประเทศ

 “รวมทั้งเปิดโอกาสให้สินค้าโอท็อป สินค้าสิ่งที่บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย หรือสินค้าที่มีแหล่งผลิตในท้องถิ่น ได้มีโอกาสในการเรียนรู้ และพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการให้กว้างไกลและก้าวทันโลก ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง”

 อย่างไรก็ดี โครงการไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพียงแค่หาผู้ประกอบการ หรือพันธมิตรเจ้าใหม่เข้ามาขายของที่บิ๊กซีเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญ อัศวิน บอกว่าคือ “เราต้องการที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสินค้าไทย ซึ่งบิ๊กซีพร้อมช่วยพัฒนาศักยภาพของเอสเอ็มอีไทยอย่างต่อเนื่อง ให้เติบโตไปด้วยกันด้วยความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนคู่กับบิ๊กซี ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการสร้างผู้ประกอบการในทุกระดับ ให้มีศักยภาพในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งในกลไกสำคัญของการขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของประชาชนชาวไทยให้เป็นจริง”