posttoday

ในหลวง ในดวงใจ ประมวล ทุ่งปรือ

24 ตุลาคม 2560

ในวัย 43 ปี ประมวล ทุ่งปรือ ศิลปินอิสระ ผู้ทำงานวาดรูปและคนไทยคนหนึ่ง ที่กำลังเผชิญหน้ากับความสูญเสีย เขายังเป็นสมาชิกกลุ่มศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติแห่งประเทศไทย

เรื่อง วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล

ในวัย 43 ปี ประมวล ทุ่งปรือ ศิลปินอิสระ ผู้ทำงานวาดรูปและคนไทยคนหนึ่ง ที่กำลังเผชิญหน้ากับความสูญเสีย เขายังเป็นสมาชิกกลุ่มศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติแห่งประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างจัดแสดงภาพเขียนในหลวงรัชกาลที่ 9 "พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย" ถ่ายทอดความรู้สึกจงรักภักดี ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

"พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย" (King Bhumibol The Great) ของสมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติฯ จัดแสดงผลงานของศิลปินกิตติมศักดิ์ ศิลปินแห่งชาติ และศิลปินที่มีชื่อเสียงของประเทศ 250 คน ผลงานกว่า 500 ชิ้น ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

ภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของประมวลจำนวน 2 ภาพ จัดแสดงอยู่ที่นี่

"ธ เป็นพลังของแผ่นดิน และในหลวง ร.9 ในดวงใจ คือ 2 ภาพที่ได้รับเกียรติคัดเลือกให้จัดแสดงอยู่ที่หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าฯ ช่วงเดือน ต.ค.นี้"

ในฐานะศิลปิน ประมวล เล่าว่า "ในหลวง" ทรงเป็นความงดงามในทุกมิติ พระองค์ทรงเป็นจิตวิญญาณแห่งชาติ เป็นศูนย์รวมจิตใจ และเป็นสิ่งเดียวที่สามารถผนึกรวมชาวไทยเข้าไว้ด้วยกัน ในฐานะพสกนิกร คงกล่าวได้ว่า พวกเราชาวไทยต่างโชคดีที่มีช่วงเวลาอันงดงาม คู่ขนานไปกับ รัชสมัยของพระองค์

"คือความเพียร ความลุ่มลึก ความสุขุมคัมภีรภาพ คือความงดงามในทุกมิติ คือชีวิตที่เป็นแบบอย่างได้ในทุกด้าน โดยทรงเป็นต้นแบบแห่งความสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง" ประมวล กล่าว

ปัจจุบันประมวลวาดภาพแนวพุทธปรัชญา ภาพส่วนใหญ่ของเขาสะท้อนความงามแห่งสัจจะและวิถีชีวิต รูปแบบงานศิลปะเป็นแนวเอ็กโซติก ที่เรียบง่าย ทรงพลัง ดูแปลก ทว่าลุ่มลึก ขณะเดียวกันก็สื่อสารอารมณ์ความรู้สึก ส่วนภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เริ่มเขียนอย่างจริงจังในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

"ขณะที่มือวาดภาพไปนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงโมเมนต์ หรือขณะที่เหตุการณ์นั้นกำลังเกิดขึ้นจริงๆ ได้สัมผัส ได้รับรู้ ถึงพลังและคุณธรรมของพระองค์ท่าน ทำให้เรารัก ความรู้สึกนี้เกินกว่าที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดหรือตัวอักษร"

ประมวลเป็นชาว จ.สตูล บิดามารดาชื่อหยิ้นและบุญรวย ทุ่งปรือ เขาเป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 5 คน วัยเพียงประถมศึกษาปีที่ 2 ก็รู้ตัวแล้วว่าชอบวาดรูป วิชาวาดเขียนชั่วโมงแรกของเขา คือการวาดรูปพี่สาวที่กำลังก่อไฟหุงข้าวด้วยพัดใบลาน ภาพนี้ถูกครูนำไปแสดง และได้รับคำชมว่า สามารถเล่าเรื่องจากภาพได้อย่างลึกซึ้ง

ขึ้นชั้นมัธยมได้เรียนศิลปะกับครูศิลปะ "สมศักดิ์ สอนเพชร" ครูที่สั่งการบ้านให้เขาเขียนรูปด้วยดินสอวันละ 1 รูป ตื่นเช้าขึ้นมาก็นำภาพวาดมาให้ครูตรวจ "การบ้าน" ทุกเช้า ภาพที่เขียนมีตั้งแต่แคข่อย (ต้นแคนา) ที่หน้าบ้าน ภาพทิวทัศน์และธรรมชาติไร่นาต่างๆ ครูให้กำลังใจ วิพากษ์วิจารณ์ติชมฝีมือลูกศิษย์

ประมวล จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วเข้าเรียนต่อที่วิทยาลัยศิลปหัตถกรรม นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นสถาบันด้านศิลปะเพียงแห่งเดียวของภาคใต้ เริ่มศึกษาศิลปะอย่างจริงจังในช่วงนี้ รวมทั้งส่งผลงานเข้าประกวดเป็นระยะๆ เขาได้รับรางวัลจากการประกวดไม่น้อย ทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศ

"นั่งรถไฟมาสอบเอนทรานซ์กับเพื่อน ผมสอบเข้าคณะจิตรกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร การเรียนศิลปะที่นี่ท้าทายผมมาก แต่ก็ไม่มากเท่ากับที่คิดว่า เราจะประกอบอาชีพได้อย่างไร"

จบแล้วทำงานเป็นคอมพิวเตอร์กราฟฟิกในบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง ด้วยความรู้สึกลึกๆ ว่า "ยังเขียนภาพไม่อิ่ม" และก็แปลกที่ในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ประมวลไม่มีผลงานที่ได้รับรางวัลในเวทีประกวดอีกแม้แต่ชิ้นเดียว ความรู้สึกอยากเขียนรูปวาดรูป และ "เขียนรูปยังไม่อิ่ม" รบกวนประมวลอยู่ลึกๆ ไม่แปลกใจที่ในอีก 3 ปีต่อมาเขาลาออกจากงานประจำ และดำรงชีวิตอยู่ด้วยการเขียนรูปตั้งแต่นั้น

บุคคลต้นแบบในวิชาชีพ ประมวลยึดถือศิลปินรุ่นพี่ สุวัฒน์ วรรณมณี ซึ่งให้ไฟในการมุมานะ แบบอย่างในการเขียนรูป ชีวิตแม้ยากลำบากแต่เมื่อมั่นคงกับการเขียนรูป มั่นคงกับศิลปะ ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ อีกคนหนึ่งคือ ยุทธ สุริพงษ์ ศิลปินผู้วาดรูปเหมือนกำลังเต้นรำอยู่หน้าเฟรม

5 ปีก่อน ประมวลเริ่มสนใจพระพุทธศาสนา พร้อมๆ กับที่เปลี่ยนแนววาดภาพจากแนวธรรมชาติ สู่แนวพุทธปรัชญา ภาพโฟกัสที่ใบหน้าของผู้คน โดยมีลวดลายต่างๆ แฝงอยู่เป็นเนื้อเดียวกับ ใบหน้านั้นๆ ดูช่างแปลกตา ขณะเดียวกันก็ท้าทายผู้เสพงานให้ตีความที่ซับซ้อนอยู่

เทคนิคและลายเส้นที่ทับซ้อนอยู่ในตัวหน้า ประมวลหยิบประยุกต์มาจากวัดไชยศรี ที่ จ.ขอนแก่น จากครั้งหนึ่งเมื่อได้ร่วมเดินทางไปกับกลุ่มจิตรกรไทย และได้เห็นจิตรกรรมรอบโบสถ์เก่า แม้ลวดลายที่วาดโดยชาวบ้านในพื้นที่จะไม่ถูกต้องตามหลักอนาโตมี แต่ถูกใจประมวลอย่างจัง ด้วยความดิบที่แตก ขรุขระ รวมทั้งบิดเบี้ยว หากสวยงามน่าประทับใจ

"ผมเริ่มสนุกกับวิธีการนี้ ช่วงหลังมีการใส่ทรายเข้าไปในเนื้อสี เพื่อเพิ่มเทกซ์เจอร์ ก็ถักทอมาเรื่อย เวลาทำงานจะเปิดเทปเสียงเทศนาธรรมของครูบาอาจารย์ ดื่มด่ำด้วย วาดภาพและปฏิบัติธรรมไปด้วย"

สุดท้าย ประมวล กล่าวว่า เมื่อกล่าวถึงในหลวง รัชกาลที่ 9 เชื่อว่าชาวไทยทุกคนในยามนี้ จะร่วมรับรู้ถึงความงดงามของพระองค์ท่าน ขณะเดียวกันก็ได้ร่วมอยู่ด้วยกันในมิติของกาลเวลาอันงดงาม...รัชสมัยของพระองค์ ได้เรียนรู้คำสอนของพ่อ โดยเฉพาะหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และความรู้รักสามัคคีของคนในชาติ

"สำหรับผมแล้ว หัวใจหลักเรื่องความ พอเพียง ประกอบอยู่ด้วยความลึกและความกว้าง ทุกคนเข้าใจความพอเพียงในกรอบของตัว ซึ่งไม่เหมือนกันได้ แต่ก็มีความสุขด้วยหลักการเดียวกันนี้ได้ หากยึดมั่นและเดินตามรอยพระบาท" ประมวล กล่าว

ภาพในหลวง รัชกาลที่ 9 วาดโดย ประมวล ทุ่งปรือ จัดแสดงในช่วงคู่ขนานกับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ประกอบด้วย นิทรรศการศิลปะ "Still on My Mind" ในดวงใจนิรันดร์ จัดแสดงที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ วันนี้-31 ต.ค.

นิทรรศการ Mind จัดแสดงที่ห้อง function ชั้น 11 โรงแรมสยาม แอท สยาม ดีไซน์โฮเทล กรุงเทพ วันนี้-31 ต.ค.และสุดท้ายนิทรรศการ "อาลัยองค์อริยราชัน" ที่ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์และซีคอนสแควร์ บางแค วันนี้-29 ต.ค. สนใจเยี่ยมชมผลงานของประมวล ดูได้ที่เพจเฟซบุ๊ก pramaulpainting และ pramaulprue n