posttoday

นิติรัฐ มุละดา เหนื่อยแต่ไม่ท้อ เพราะรักอาชีพนี้

20 ตุลาคม 2560

จี๋-นิติรัฐ มุละดา เชฟสาวจากร้านอาหารสเปนน้องใหม่ที่มีชื่อเก๋ๆ ว่า ริโค (Rico)


อานุภาพของความรัก บางครั้งก็ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ใครจะคาดเดา ไม่เฉพาะความรักระหว่างหญิงชาย แต่ยังหมายรวมถึงความรักในสิ่งที่ทำ ก็มีอานุภาพมากพอที่จะทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งกล้าที่จะใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อทำในสิ่งที่รัก โดยที่ไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

จี๋-นิติรัฐ มุละดา เชฟสาวจากร้านอาหารสเปนน้องใหม่ที่มีชื่อเก๋ๆ ว่า ริโค (Rico) คือ อีกหนึ่งคนที่มีฝัน ที่เส้นทางการเป็นเชฟอาจไม่ต่างจากเชฟหลายๆ คน คือ เริ่มจากแพสชั่น ความรักในการทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก แม้ในตอนแรกที่ยังไม่รู้จักตัวเองดีพอ จะเบนเข็มไปเอาดีในสายเศรษฐศาสตร์ วาดภาพตัวเองว่าจะเป็นสาวแบงก์ แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้น หลังจากได้โอกาสเข้ามาทำงานในวงการอาหารเต็มตัว อาชีพเชฟไม่เพียงทำให้เธอบอกตัวเองได้ทุกวัน เหนื่อยแต่สนุก แต่ยังทำให้เธอได้รับโอกาสครั้งสำคัญซึ่งเธอนิยามว่าเป็น “ที่สุดของชีวิต” เมื่อได้ทำอาหารถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และพระบรมวงศานุวงศ์

ก่อนที่จะเผยถึงเรื่องราวที่เป็นที่สุดของชีวิต จี๋เริ่มจากย้อนวันวานถึงที่มาของการก้าวสู่อาชีพเชฟว่า ชอบทำอาหารตั้งแต่เด็ก ชอบตามคุณยายเข้าครัว จากเป็นลูกมือค่อยๆ ขยับเป็นแม่ครัวเอง“พูดไปอาจดูเหลือเชื่อ แต่เป็นเรื่องจริง สมัยยังเป็นนักเรียน พอเลิกเรียน เราจะไปเดินจ่ายตลาด ซื้อของกลับมาทำอาหารเย็นรอคุณพ่อคุณแม่ ฝึกมาเรื่อยๆ จน ม.ปลาย เริ่มห่างๆ ไปบ้าง ตอนนั้นความคิดที่จะเป็นเชฟไม่เคยอยู่ในหัวเลย พอตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยตัดสินใจเลือกสอบเข้าเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เพราะคิดว่าเศรษฐศาสตร์เป็นพื้นฐานความรู้ที่น่าจะนำไปต่อยอดได้ทุกอาชีพ ซึ่งทุกวันนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าคิดไม่ผิด เพราะต่อให้เป็นเชฟก็ต้องมีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ในการบริหารจัดการ”

 

นิติรัฐ มุละดา เหนื่อยแต่ไม่ท้อ เพราะรักอาชีพนี้

 

 

หลังจากเรียนจบ เส้นทางที่เหมือนจะถูกกำหนดให้ทำงานในสายที่เรียนกลับหักเห เพราะช่วงที่รอรับปริญญา จี๋ตัดสินใจไปลงเรียนคอร์สทำอาหารที่กอร์ดอง เบลอ ดุสิตธานี จากเรียนเล่นๆ กลายเป็นเรียนจนจบคอร์ส ได้รับประกาศนียบัตร เส้นทางแห่งโอกาสมากมายก็เริ่มทอดสะพานมาหา

“หลังจากเรียนจบ 1 ปี ก็ได้รับโอกาสให้ไปลองฝึกงานที่ร้านโฟร์ การ์ซองส์ (4 Garcons) ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง และยังได้รับโอกาสสำคัญที่เรียกว่าเป็นบุญของชีวิตเหลือเกิน คือ ได้ทำอาหารถวายในหลวงรัชกาลที่ 9 ช่วงที่ทรงประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ประมาณเดือนกว่า

จำได้ว่า 10 โมงเช้าของทุกวันจะมีรถของสำนักพระราชวังมารับอาหารไป ครั้งที่จำไม่ลืมคือ ตอนที่ทำซุปคอนซอมเม่ (Consomme) โดยใช้เห็ดมอเรลไปถวาย ปรากฏว่าช่วงบ่าย พระองค์รับสั่งให้นางสนองพระโอษฐ์โทรมาชมว่าอร่อยมาก ไม่ได้เสวยมานานแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นคือดีใจมาก ในฐานะเชฟคนหนึ่ง ที่ไม่ได้อยู่ในโรงแรมดังๆ แต่ได้รับโอกาสแบบนี้ถือว่าที่สุดจริงๆ”

หลังจากทำงานอยู่ที่โฟร์ การ์ซองส์ จนเริ่มอิ่มตัว จี๋ตัดสินใจท้าทายตัวเองขึ้นอีกขั้น ด้วยการไปร่วมงานกับร้านอาหารวอเตอร์ ไลบรารี่ ประเดิมที่สาขาทองหล่อ ซึ่งเป็นร้านอาหารไฟน์ ไดนิ่ง แต่หลังจากทำได้ไม่นาน ร้านก็ถูกเวนคืนที่ดิน จึงปิดทำการไป เชฟสาวเลยผันตัวมาดูแลวอเตอร์ ไลบรารี่ สาขาต่างๆ แทน ทำได้ไม่นานก็ได้รับโอกาสให้ไปช่วยดูแลวอเตอร์ ไลบรารี่ ที่ไปเปิดกิจการที่ย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา แต่ผ่านไปเพียง 1 เดือน จี๋พบว่า ตัวเองอาจจะไม่เหมาะกับงานนี้ จึงตัดสินใจลาออก ผันตัวมาเป็นฟรีแลนซ์ รับเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้ที่สนใจเปิดร้านอาหารแทน

 

นิติรัฐ มุละดา เหนื่อยแต่ไม่ท้อ เพราะรักอาชีพนี้

 

 

“ช่วงที่มาเป็นฟรีแลนซ์ พอดีมีคนรู้จักจะเปิดบาร์ใหม่ เลยชวนเรามาหุ้น เราก็ตกลง และมารับหน้าที่เป็นจีเอ็มที่บาร์ จากที่ไม่รู้เรื่องเครื่องดื่ม ค็อกเทล ก็ได้เรียนรู้ทั้งหมด หลังจากเรียนรู้กับงานนี้อยู่ 1 ปี ก็ได้รับการทาบทามจากท็อปเชฟของเครือเซ็นทรัล ชวนให้มาร่วมงาน เลยตัดสินใจกลับมาทำงานประจำอีกครั้ง โดยโปรเจกต์ที่ได้รับมอบหมาย คือ ดูแลร้านอาหารสเปนน้องใหม่ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ช่วยคิดตั้งแต่คอนเซ็ปต์ และเมนู ซึ่งตอนนั้นเราเองก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องอาหารสเปนมากนัก อาศัยหาข้อมูล ทำการบ้าน”

จี๋ยอมรับว่า งานนี้ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายไม่น้อย แต่โชคดีที่เธอชอบค้นคว้าหาข้อมูล ถ้ามีเวลาว่างก็จะเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์ตามร้านอาหารชั้นนำทั่วโลก

“เราเชื่อว่า คนที่เป็นเชฟจะเก่งแต่ในครัวตัวเองไม่ได้ แต่ต้องออกไปเปิดโลก เพื่อศึกษาเปรียบเทียบว่าคนอื่นไปถึงไหนแล้ว ไปหาไอเดียและแรงบันดาลใจใหม่ๆ”

7 ปีมาแล้วที่จี๋เลือกเดินไปตามเส้นทางที่ตัวเองรัก มาถึงวันนี้ เธอค้นพบคำตอบของชีวิตแล้วว่า เธอมาไม่ผิดทาง ถึงจะเหนื่อยล้าจากการทำงานบ้าง แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่คิดว่าอยากจะเลิกทำอาชีพนี้

“ขอแค่ได้ทำในสิ่งที่รัก จะประสบความสำเร็จหรือไม่ไม่สำคัญ จากวันที่ตัดสินใจไปเรียนที่กอร์ดอง เบลอ เราก็ไม่เคยคิดว่าอาชีพเชฟจะทำได้จริง แต่สุดท้ายก็เป็นอาชีพที่เรารัก เราตั้งใจอยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานไปเรื่อย อยากร่วมงานกับเชฟเก่งๆ ความฝันสูงสุดจากนี้ นอกจากจะพยายามสร้างชื่อในฐานะเชฟหญิง แน่นอนว่าเราอยากมีร้านอาหารของตัวเอง แต่คงต้องหาสไตล์ของตัวเองให้เจอก่อนว่าอยากจะนำเสนออะไร” จี๋กล่าวทิ้งท้าย &O5532;