posttoday

ธีร์รัฐ ว่องวัฒนะสิน กลับมา…เข้าใจโลก(แฟชั่น)มากขึ้น

15 ตุลาคม 2560

ไม่มีทางหันหลังเลิกราจากวงการแฟชั่นแน่ๆ สำหรับคนร่ำเรียนจบสถาบันอันดับหนึ่ง

โดย ปอย ภาพ : กิจจา อภิชนรจเรข

ไม่มีทางหันหลังเลิกราจากวงการแฟชั่นแน่ๆ สำหรับคนร่ำเรียนจบสถาบันอันดับหนึ่ง เซ็นทรัล เซนต์ มาร์ตินส์ วิค-ธีร์รัฐ ว่องวัฒนะสิน เมื่อเรียนจบจากสถาบันแฟชั่นระดับสูงในประเทศอังกฤษ จึงก่อตั้งเสื้อผ้าแบรนด์ไทยในชื่อของตัวเอง “วิคธีร์รัฐ” (Vickteerut) วงการแฟชั่นไทยไม่ปฏิเสธผลงาน เทใจยอมรับฝีมือดีไซเนอร์มาแรงคนนี้

ความสำเร็จเริ่มต้นขึ้นงดงาม สร้างแบรนด์เครื่องแต่งกายคุณภาพได้เป็นที่ยอมรับ ทั้งดารา และเซเลบริตี้ไทยหลายๆ คน เลือกหยิบชุดของ “วิค-ธีร์รัฐ” มาเป็นชุดเก่งใส่ออกงาน อีกแรงบันดาลใจจึงตามมาติดๆ เปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้าสำหรับบุรุษและสตรี “วิคส์” (Vick’s) เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแบรนด์

หากในวันนี้ เขากลายเป็น “อดีตเจ้าของ” ทั้งสองแบรนด์ไปเสียแล้ว และเริ่มต้นเลือกกลับมาทำงานสร้างแบรนด์เสื้อผ้าใหม่อีกครั้ง ในปีนี้ กับการสร้างสรรค์แบรนด์ V Activewear ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นการกลับมา แบบถูกที่ ถูกเวลา ผูกกระแสการออกกำลังกาย เทรนด์ฮิตสุดๆ หนุ่มสาวยุคนี้ล้วนเลือกจัดการชีวิตเพื่อให้มีเวลาดูแลตัวเองในฟิตเนสมากขึ้น

ธีร์รัฐ ยอมรับว่าไม่ชอบเคร่งเครียดกับเรื่องตัวเลข งานแบบนั้นเคยทำแล้วรู้ว่าไม่ใช่การผลิตงานดี มีความสุข หลังจากมีปัญหาในเรื่องของการบริหารจัดการธุรกิจ จึงขอตัดขาดหยุดงานแฟชั่น และส่งไม้ต่อให้หุ้นส่วน อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์ ดูแลโดยลำพัง

ชีวิตเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

ธีร์รัฐ ว่องวัฒนะสิน กลับมา…เข้าใจโลก(แฟชั่น)มากขึ้น

“...ชีวิตก็คือความไม่แน่นอน” ประโยคสั้นๆ เริ่มต้นการสนทนา ด้วยความที่ ธีร์รัฐ เป็นคนบุคลิกเรียบง่าย ไม่ชอบสังคมสุงสิงกับใครๆ ให้มากความ ส่งผลให้พูดน้อยๆ แต่ก็อธิบายได้ใจความว่า การหันหลังให้แบรนด์ที่สร้างปลุกปั้นมากับมือ ก็เพราะความสนใจในแฟชั่นของเขาเปลี่ยนไปแล้ว ความสนุกของงานดีไซน์นาทีนี้ ไม่ได้อยู่เพียงแค่เสื้อผ้าสวยงาม หรืออยู่กับความหรูหราแค่นั้น

“ผมสนใจเรื่องเทคโนโลยีผ้าชนิดใหม่ๆ แล้วคำตอบนี้มันก็ผสมอยู่ในเสื้อผ้ากลุ่มสปอร์ตแวร์ เช่น เนื้อผ้าผสมยูวี เวลาไปสั่งผ้าพวกนี้ ผมสามารถนั่งคุยกับคนนำเข้า หรือเจ้าของโรงงานผลิตได้ทั้งวัน แต่กับลูกค้าวิคธีร์รัฐไม่เข้าใจ (บอกพลางยิ้มน้อยๆ) จะสั่งแต่ผ้าเนื้อเดิม แบบเดิม ซึ่งผมก็ไม่ชอบทำงานที่ทำแล้ว ทำซ้ำอีก ผมชอบเรื่องอินโนเวชั่น ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้สนุกกว่าครับ

“ช่วงงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผมเป็นจิตอาสาเย็บผ้าทองย่นประดับพระเมรุมาศในพระราชพิธี รับงานมาให้ลูกน้องที่ร้านช่วยกันเย็บในเวลาที่จำกัด งานมีความยากเป็นงานศิลปะไทยโบราณ ผมอยากทำงานถวายในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้งดงามที่สุด แล้วก็เป็นงานที่เราไม่เคยทำอีกด้วย ทำให้รู้สึกทุ่มเทดีกว่างานแบบเดิมๆ ด้วยครับ”  ธีร์รัฐ เกริ่นถึงเส้นทางใหม่ที่กำลังเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

วี แอคทีฟแวร์ มีเป้าหมายการออกแบบเสื้อผ้าคือ ผลิตเสื้อผ้าสวมใส่สบาย เลือกมาใช้ได้ครอบคลุมกีฬาทุกชนิด และคงความเป็นผู้หญิงเรียบโก้ในแบบ “วิคธีร์รัฐ” แนวคิดผ่านผลงานดีไซน์ไว้คงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

หากสิ่งที่เปลี่ยนไปแบบไม่เหลือเค้าเดิมเลย ธีร์รัฐ กล่าวว่า การทำงานในวันนี้ไม่ต้องตะบี้ตะบันทำงาน เพื่อให้ได้ยอดขายหล่อเลี้ยงธุรกิจให้รอดเหมือนในวันก่อนๆ การสร้างสรรค์คอลเลกชั่นใหม่ ก็ไม่จำเป็นต้องกำหนดเคร่งเครียด ว่าจะต้องมีการนำเสนอจำนวนเสื้อผ้าเท่านั้นเท่านี้ชุด การทำงานวันนี้จะทำออกมามาก-น้อย กี่แบบก็แล้วแต่ไฟที่มี

“คอลเลกชั่นแรกทำแค่ 10 ลุคเท่านั้นเองครับ  ไม่ต้องมีการนำเสนอเป็นซีซั่น เพราะไม่ว่าอากาศร้อน ฝน หนาว เสื้อผ้ากีฬาก็คงออกแบบโดยไม่เปลี่ยนหน้าตาไปมาก ไม่ต้องวิ่งไล่เทรนด์ คิดออกเมื่อไร หรืออยากทำก็ทยอยทำออกมาเท่านั้น ใน 1 เดือนผมดีไซน์ออกมา 3-4 ลุค

“ชีวิตมันง่ายขึ้นเลยครับ ไม่เครียด เพราะไม่มีไทมิ่งกดดันเรา ว่าต้องทำ 80 ลุคให้เสร็จภายใน 2 เดือนแบบเก่าอีกแล้ว

“ทำให้มีเวลามากขึ้นด้วย และได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ผมเรียนโยคะมา 4 ปีแล้ว แล้วเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาก็เริ่มหัด Ashtanga Yoga มุ่งในระดับอินสตรัคเตอร์ ผมชอบโยคะแบบนี้เพราะเราเป็นพวกบ้าพลัง ไฮเปอร์ ก็เหมาะกับการฝึกมีท่าทางที่เรียงลำดับอย่างชัดเจน ถ้าเราทำท่าแรกไม่ได้ ก็ไม่สามารถทำท่าต่อไปได้ กลายเป็นความท้าทายที่สุดอย่างหนึ่ง

“การทำซ้ำๆ ทำให้เราเป็นคนละเอียดขึ้น และฝึกสมาธิได้ดีมาก จิตใจมีความสัมพันธ์ไปกับร่างกาย แต่ละท่าต้องโฟกัสไปที่กล้ามเนื้อขา แขน ท่าต้องทำให้ถูกต้องก่อนครับ จึงจะทำท่าต่อไปได้ เราจึงรู้ตัวเลยนะครับว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้น มันถูกหรือผิด โยคะทำให้ปลดปล่อยพลัง แล้วได้สุขภาพอีกด้วย”

ฟังๆ แล้วก็ไม่น่าจะแตกต่างกับหลักการฝึกปฏิบัติธรรม คนในแวดวงแฟชั่นรู้กันแล้วว่า ธีร์รัฐ หายหน้าหายตาไปจากอาชีพดีไซเนอร์พักใหญ่ โดยไปบวชเรียนในวัดป่ายาวนานถึง 2 พรรษาเลยทีเดียว พรรษาแรกจำวัดที่ จ.ระนอง อยู่ยาวต่อเนื่องพรรษาสองที่ จ.นครราชสีมา ส่วนสาเหตุเลือกไปบวชเรียนก็เป็นที่ทราบโดยทั่วกัน ด้วยว่าเป็นการสูญเสียเพื่อนรัก (ทรงสุมล โปษยานนท์) เสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน

กอปรกับไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าธุรกิจไว้ หลายปัญหาประเดประดังโจมตี หุ้นส่วนคนสำคัญ แป้ง-อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์ ก็ป่วยด้วยโรคมะเร็งที่ต่อมน้ำเหลือง คนสำคัญรอบๆ ตัวทำให้กระทบกระเทือนใจครั้งใหญ่ของชีวิต

ธีร์รัฐ ว่องวัฒนะสิน กลับมา…เข้าใจโลก(แฟชั่น)มากขึ้น

“บอกเลยครับความรู้สึกตอนนั้น ไม่อยากพูดคุยกับใคร (บอกพลางยิ้ม) ก่อนเพื่อนคนนี้เสียชีวิต เราคุยกันทุกๆ วัน ก่อนนอนก็ต้องคุยโทรศัพท์ปรึกษากัน คุยได้ทุกๆ เรื่องเลยครับ แล้วเป็นแบบนี้ร่วมสิบปี คบกันก่อนผมไปเรียนอังกฤษ เรียนจบกลับมาก็ยังคบกันสนิทยิ่งกว่าเดิม เรียกว่าต้องเจอกันทุกวัน

“เป็นการจากไปกะทันหัน หลับไปไม่ตื่น ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ป่วยด้วยโรคไขมันในเส้นเลือด ไปหาหมอประจำอยู่แล้วครับ และด้วยนิสัยที่รักและมีความสุขกับการกินของอร่อยๆ ก็ต้องอยู่ในการดูแลของหมอมาโดยตลอด แต่มีการละเลยเรื่องสุขภาพ ทำให้ปิดสวิตช์หลับไปเลย

“ทุกสิ่งในชีวิตล้วนคือความไม่แน่นอน ใครจะคาดฝันนะครับว่า เมื่อคืนเรายังเซย์ฮัลโลคุยกันก่อนนอนตามปกติที่เราต้องทำทุกๆ วัน แต่พอรุ่งเช้าขึ้นมาอีกวัน เพื่อนไม่อยู่แล้วโดยที่เราไม่ได้เตรียมใจไว้เลย ผมเคยสูญเสียคนที่รักนะครับ ก่อนนั้นคุณย่าก็จากไป แต่ก็ด้วยโรคชราเราเตรียมใจรับไว้แล้วว่าเป็นสิ่งธรรมชาติ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ มันเหมือนกับมีของสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตสูญหายไป

“ไม่ใช่แค่คุยโทรศัพท์ก่อนนอนนะครับ ตื่นเช้าก็ต้องกดโทรคุยกันแล้ว เขารับรู้ทุกๆ เรื่องของเรา มีปัญหาเพื่อนก็คือคนแรกที่รับรู้ หลังงานศพ ก็เลยรู้สึกเคว้ง ตื่นเช้าขึ้นมาแบบงงๆ ไม่รู้จะทำอะไร อาจเป็นอาการช็อกอีกแบบหนึ่ง กระทั่งพี่ชาย (วีร์กฤติ ว่องวัฒนะสิน) เห็นเราแล้วก็ไม่ไหวเหมือนกัน ก็ถามจะบวชไหม ผมตอบเลยว่าบวช

“เลือกไปวัดต่างจังหวัด ไม่อยากเจอคน ไม่อยากให้คนที่เรารู้จักมาหาเราเลย วัดที่จำพรรษาก็ไม่ใช่วัดในเมือง แต่ผมก็ไม่ลำบากอะไรเลยนะครับ นิสัยเราก็ชอบท่องเที่ยวตามป่าตามเขาอยู่แล้ว ไม่ค่อยชอบเลือกไปเที่ยวไปช็อปปิ้งหรูๆ พอมาบวชใช้ชีวิตแบบนี้ก็ปรับตัวได้ไม่ลำบาก

“คุณแม่ (บุญพร้อม ชินพิลาศ) ก็คือส่วนสำคัญ แม่เลี้ยงลูกให้ช่วยเหลือตัวเอง ผมจบ ป.6 กรุงเทพคริสเตียน แม่ให้ไปเรียนไฮสกูลที่ออสเตรเลีย ก็ไปเองแม่ไม่ไปส่ง สิ่งเหล่านี้หล่อหลอมให้รับผิดชอบตัวเองได้ หลายคนอาจมองคุณหนูไปบวชอยู่ป่า อยู่ได้อย่างไร แต่นี่คือชีวิตสบาย สงบ ก็เลยบวชได้ยาวไปต่อพรรษาที่สอง วัดในป่า อ.ปากช่อง ที่แทบไม่ต้องปรับตัวมากมายเลยครับ

“ผมออกไปบิณฑบาตแล้วมีความสุขใจมาก คนต่างจังหวัดมีน้ำใสใจจริงที่ไม่ค่อยได้เจอในกรุงเทพฯ ศาสนาสอนให้การปล่อยวาง ถ้าสิ่งนี้ได้จากเราไปแล้ว ก็ไม่ยึดติด”

ธีร์รัฐ เล่าด้วยบุคลิกนิ่งๆ ที่คนรอบข้างคุ้นเคย และในช่วงวันสัมภาษณ์ก็บังเอิญครบรอบ 2 ปีที่เพื่อนรักจากไปพอดิบพอดี กาลเวลาช่วยได้ ไม่หลงเหลือความโศกเศร้าแล้วในเวลานี้

“แต่คงคิดถึงทุกวันนะครับ เมื่อลาสิกขาบท โยคะช่วยผมได้เยอะครับเมื่อกลับมาใช้ชีวิตปกติ ตอนบวชเรียนผมสนทนาธรรมกับพระอาจารย์ก็บอกว่า ถ้ากายใจสัมพันธ์ได้ในแบบมีสติกับการขยับ หลักการโยคะถ้าทำท่าก้ม คุณต้องหายใจออก คุณไม่สามารถหายใจเข้าได้เลยด้วยหลักอนาโตมี ร่างกายกับการหายใจห้องประสานกัน ซึ่งก็คือการทำสมาธิในแบบเคลื่อนไหว ไม่ต่างอะไรกับการเดินจงกรม

“ผมออกกำลังกายโยคะทุกวัน และเป็นส่วนหนึ่งในแรงบันดาลใจของงานดีไซน์ครั้งใหม่ด้วยครับ นิสัยคนกลุ่มนี้ที่บ้าออกกำลังกายแล้วมีวินัยในการออกกำลังกาย ผมรู้ว่าต้องการอะไร ไม่มีทางที่จะมีชุดฟิตเนส 2-3 ชุดหรอกครับ มีมากกว่านั้นแน่ๆ ถ้าไปทุกวัน ซักไม่ทัน แล้วมีคำว่าแฟชั่นเข้ามาเกี่ยวข้องอีกต่างหาก หรือเนื้อผ้าแบบนี้ใส่แล้วไม่เวิร์ก ตะเข็บแบบนี้ใส่แล้วรำคาญก็ต้องเลือกชุดใหม่ๆ คุณภาพดีที่สุด แล้วการที่ผมเล่นจริง ก็ช่วยทำงานให้ใช้ได้จริงขึ้น

“ผมเป็นครูสอนด้วย กลุ่มเล็กๆ เพียง 1-2 คน/คลาสเท่านั้น เพราะเคยมีประสบการณ์ไปโยคะคลาส 10 คน ไม่มีทางที่ครูจะโฟกัสเราได้เลย แล้วเราก็ไม่ได้อะไรกลับมา เราสอนให้นักเรียนได้ในสิ่งที่ควรจะได้” 

ชีวิตดำเนินต่อไป วันนี้ได้ทำสิ่งที่รัก

ธีร์รัฐ ว่องวัฒนะสิน กลับมา…เข้าใจโลก(แฟชั่น)มากขึ้น

ชีวิตเจอหลายเรื่อง ทั้งธุรกิจและเพื่อนรักเสียชีวิต และเจ็บป่วย ธีร์รัฐ บอกน้ำเสียงจริงจังทุกๆ เรื่องตกผลึกลงตัวดีแล้ว ตั้งแต่เรื่องธุรกิจ คนทำงานไม่ควรมีตัวเลขอยู่ในหัวเลย กดดันตัวเองเกินไป แล้วความฝันในอาชีพดีไซเนอร์ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่สร้างธุรกิจ 100-200 ล้านบาท เลือกทำเพียงออกแบบเสื้อผ้าให้คนใส่สวย และมีความสุขแค่นั้นเอง

“คอลเลกชั่นแรกชุดกีฬาผู้หญิง ใส่แล้วต้องเท่ครับ ผมจึงนำลายที่อยู่ในชุดสูท ลายพินสไตร์ปมาดีไซน์เป็นชุดกีฬา คอลเลกชั่นต่อมาชุดกีฬาผู้ชายกำลังจะตามมา ผมไม่เคยทำงานแบบมีตัวเลขอยู่ในแผนธุรกิจ ถามว่าจำเป็นไหม? (หัวเราะ) ไม่รู้สิครับ... เพราะทุกวันนี้
วี แอคทีฟแวร์ ผมทำแบบไม่ได้อยากรู้เรื่องตัวเลข มากไปกว่าจำนวน รู้แค่เดือนนี้ทำได้จำนวนเท่าไร โอเคแล้ว

“จากประสบการณ์จากแบรนด์วิคธีร์รัฐคือ การทำธุรกิจมีการตั้งเป้าแล้วแบบเสื้อผ้าที่ออกมา ขายไม่ได้ ก็เครียดกันแล้วครับและต้องเปลี่ยนแบบเพื่อให้ขายได้ ให้ลูกค้าชอบ ทำให้ทำงานเครียดจนไม่อยากทำงาน อีกปัญหาของการทำเสื้อผ้าแบรนด์ใหญ่ๆ คือการคิวซี-ตรวจสอบคุณภาพ ช่างเย็บผิดก็เหนื่อยใจแก้แบบกันใหม่ทั้งคอลเลกชั่น

“ผมปรับระบบใหม่ทั้งหมด ตัดปัญหาที่เจอทั้งหมด ช่องทางจำหน่ายคือขายตามสตูดิโอออกกำลังกาย และเว็บไซต์ และทุกอย่างใช้เอาต์ซอร์สทั้งหมด การทุกอย่างอยู่ที่ผมบริหารแบบออลอินวัน เรื่องตัวเลขธุรกิจไม่อยากบอกความลับเลย ก็ตั้งไว้เป็นก้อนคร่าวๆ (หัวเราะ) เดือนนี้ขายได้เท่าไรตามเป้าหรือไม่ ซึ่งการขายทางออนไลน์ระบบมีการสรุปยอดให้อยู่แล้ว ก็ไม่ยาก สต๊อกรีพอร์ต ตัวไหนหมดระบบก็มีการเตือน ผมถนัดในเทคโนโลยีแกดเจ็ตอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา จ้างบริษัททำเรื่องสต๊อก ผมแค่ดูรีพอร์ตแต่ละเดือนแค่นั้นเอง

อีกประสบการณ์หนึ่งคือ การมองภาพรวมมากกว่ามองเสื้อผ้าเป็นชิ้น เสื้อผ้ายุคนี้ต้องใช้ได้ในแบบมัลติฟังก์ชั่น คนซื้อเสื้อผ้า วี แอคทีฟแวร์ สนุกกับการมิกซ์แอนด์แมตช์ ใส่เสื้อตัวนี้ไปโยคะแล้ว ก็สามารถใส่ว่ายน้ำได้ด้วยวัสดุที่ใช้ผลิต คนยุคนี้ต้องการเสื้อผ้าที่ใส่ออกกำลังกาย แล้วไปใช้ชีวิตต่อได้หลายๆ อย่าง”

ธีร์รัฐ กล่าวว่า จึงมีเวลาคิดงานใหม่ๆ อีกเยอะแยะมากมาย กับการได้เห็นวัสดุเทคนิคใหม่ๆ ไฟในการทำงานก็ยิ่งคุโชน

“ของใช้ของคนออกกำลังกาย ไม่ใช่แค่คำว่าแฟชั่นครับ มีคำว่าฟังก์ชั่นเข้ามาด้วย เช่น ผ้าเช็ดตัวไมโครไฟเบอร์แห้งเร็ว วันๆ ผมก็สนุกกับเรื่องพวกนี้กับซัพพลายเออร์ สายรัดเสื่อโยคะ หมอนโยคะ แต่ก่อนนำจากต่างประเทศเข้ามาขาย ตอนนี้ผมทำออกมาขายเปรียบเทียบได้ ผมตั้งราคาไม่แพงเลยนะ เพราะต้นทุนการผลิตมีทั้งวัสดุเลือกใช้ทั้งในและต่างประเทศ

ผมมีหลักในการดำเนินชีวิตอย่างหนึ่ง คือ ถ้าเราไม่โปรเฟสชั่นแนลผมจะไม่ทำ เช่น การเป็นครูโยคะ หรือกลับมาออกแบบเสื้อผ้าออกกำลังกายครั้งนี้ เราก็ต้องใช้จริงด้วย

แนวคิดเปลี่ยนไปตามไลฟ์สไตล์อีกด้วยครับคือ ผมมองว่าเสื้อผ้าราคาหมื่นๆ บาท คือของที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตติดอีกต่อไปแล้ว กลายเป็นของฟุ่มเฟือย เหมือนโดนละลายพฤติกรรมหลังจากไปบวช ชีวิตที่เรียบง่ายกินอยู่กับธรรมชาติ อะไรเราก็กินได้ทุกอย่าง ตอนไปจำวัดที่ปากช่อง ชาวบ้านนำปลาร้าสับถวายพระก็ฉันได้นะ ไม่มีที่นอนแรกๆ ก็นอนไม่หลับ แต่ที่สุดแล้วคนเราก็ต้องง่วง ก็หลับได้ จนกลายเป็นความเคยชินแม้จะนอนบนพื้นแข็ง”

ส่วนเรื่องเพื่อนที่เคยเป็นคู่ธุรกิจ ธีร์รัฐ บอกอย่างยินดีกับ แป้ง อรประพันธ์ ที่หายจากมะเร็งร้าย สุขภาพแข็งแรง ธุรกิจสร้างแบรนด์ได้เติบโตในวงการแฟชั่นได้ต่อไป ไม่มีสะดุด

“ตอนที่แป้งไม่สบาย ไม่ตกใจนะครับ (บอกพร้อมมีรอยยิ้ม) เพราะแป้งเป็นคนเข้มแข็งมาก เธอไม่เคยแสดงอาการอ่อนแอให้ใครเห็น มีแต่สู้ คนรอบข้างไม่เคยเศร้าไปกับการป่วยเลย ผมก็เชื่อมั่นแป้งเป็นคนจิตใจดี เชื่อว่าเธอต้องหายแน่ๆ ตอนผมตัดสินใจไปบวช ก็อธิษฐานตั้งใจไม่กินสัตว์บกตลอดชีวิตเพื่อให้เธอหาย แล้วเธอก็หาย”

อีกเรื่องอดใจตั้งคำถามทิ้งท้ายไว้ไม่ได้ สำหรับหน้าร้าน วิคธีร์รัฐ ซึ่งก็ยังอยู่ที่พื้นที่บ้านทองหล่อของธีร์รัฐไม่เปลี่ยนแปลง ลูกค้าสาวสวยที่เดินเข้ามาช็อปปิ้งเสื้อผ้าคึกคัก แต่วันนี้(อาจ)ไม่ได้คุ้นหน้า และไม่ได้เข้ามาทักทายเจ้าของชื่อแบรนด์นี้อีกแล้ว

“ไม่รู้สึกอะไรเลย (หัวเราะ) คนเดินเข้ามาในร้านชื่อเราก็อาจไม่รู้จักเรา ซึ่งก็เป็นไปได้อยู่แล้ว อย่าไปคิดชื่อนี้เราก่อตั้งมา แม้ว่าแบรนด์ยังใช้ชื่อเรา ผมไม่ได้ยึดอะไรในชีวิตอีกแล้ว การยึดติดทำให้ให้เราเกิดจิตใต้สำนึกว่า สิ่งนั้นสิ่งนี้คือของเรา เมื่อสูญเสียไปเราจึงรู้สึกเสียใจมาก ซึ่งแนวคิดนี้คือหลักการนำมาใช้ได้ทุกๆ เรื่องในชีวิตเลยครับ”

ธีร์รัฐ บอกทิ้งท้ายได้อย่างลงตัวแล้ว กับความคิดที่มั่นคง นิ่งตกผลึก พร้อมก้าวเดินต่อไปในวงการแฟชั่นไทยที่ต้องได้เห็นผลงานของเขาอีกยาวๆ แน่นอน