posttoday

ดร.องอาจ สิงห์ลำพอง บริหารดิจิทัลทีวี ต้องมีวิสัยทัศน์

14 ตุลาคม 2560

ถ้าพูดถึง ดร.องอาจ สิงห์ลำพอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ดิจิทัลทีวี

โดย  ภาดนุ ภาพ : กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร

 ถ้าพูดถึง ดร.องอาจ สิงห์ลำพอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ดิจิทัลทีวี เชื่อว่าคนที่อยู่ในแวดวงทีวีต้องรู้จักผู้บริหารหนุ่มวิสัยทัศน์กว้างไกล ไฟแรงในเรื่องการครีเอทคอนเทนต์ใหม่ๆ กันเป็นอย่างดี จนทำให้ตอนนี้ช่อง 8 ติดอันดับท็อป 5 ดิจิทัลทีวีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ดร.องอาจ สิงห์ลำพอง บริหารดิจิทัลทีวี ต้องมีวิสัยทัศน์

 “หน้าที่หลักๆ ของผมในการเป็นผู้บริหาร คือดูแลสถานีในเครืออาร์เอส ซึ่งมีทั้งช่อง 8 ดิจิทัลทีวี ช่องสบายดีทีวี ช่องเพลินทีวี และช่อง You Channel โดยก่อนหน้าที่จะมาเป็นผู้บริหารให้กับดิจิทัลทีวี ผมเคยทำงานสายโปรดักชั่นให้กับอาร์เอสมาก่อน ซึ่งช่วงนั้นจะเน้นธุรกิจเพลงเป็นหลัก ที่ผ่านมาผมเคยกำกับมิวสิควิดีโอให้กับ ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง เป็นคนแรกๆ เลย เรียกว่าช่วงนั้นทัชเป็นศิลปินที่โด่งดังมาก เป็นเสมือนไอดอลของวัยรุ่นในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ แล้วยังเคยกำกับมิวสิควิดีโอให้กับ เต๋า สมชาย หนุ่ม ศรราม คนสุดท้ายนี่น่าจะเป็น เจมส์ เรืองศักดิ์

 ต่อมาผมมีโอกาสได้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ‘แตก 4’ และเรื่อง ‘ชู้’ ตอนนั้นยังคงดูแลบริษัทในเครืออาร์เอสอยู่ แต่ก็มีโอกาสได้ไปกำกับละครให้กับช่อง 3 และช่อง 7 บ้าง จำได้เลยว่าละครที่พีกสุดจะมีเรื่อง ‘รักประกาศิต’ ที่หนุ่ม ศรราม เล่นกับ นิ้ง กุลสตรี และเรื่อง ‘แม่โขง’ ละครแนวแอ็กชั่นที่ พีท ทองเจือ เป็นพระเอก หลังจากกำกับละครมาหลายเรื่อง ผมก็กลับมาดูแลธุรกิจภาพยนตร์ให้อาร์เอสอีกที แต่ไม่ได้เป็นผู้กำกับแล้วนะ คราวนี้มาสายบริหาร โดยดูแลอาร์เอสฟิล์ม จนกระทั่งกระแสภาพยนตร์เริ่มซาเมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมา บริษัทจึงเปลี่ยนโครงสร้างครั้งใหญ่มาโฟกัสด้านทีวี เพราะเราเป็นคอนเทนต์โพรไวเดอร์มาตั้งนาน จึงถือโอกาสเป็นเจ้าของช่องเองซะเลย”

 ดร.องอาจ บอกว่า ในช่วงที่ทีวีดาวเทียมเริ่มเป็นที่นิยม บริษัทได้เปิดช่องของตัวเองขึ้นมา โดยยึดหลักในการบริหารงานให้ตัวช่องเดินด้วยละครแนวชิงรักหักสวาทเป็นหลัก จนกลุ่มเป้าหมายของช่องคือคนดูในต่างจังหวัด (กลุ่มแมส) ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าละครแซ่บมาก

 “การทำละครแนวนี้ เราทำ 2-3 ปี ก็ประสบความสำเร็จได้ ละครที่ออกอากาศไปกลายเป็นที่รู้จักของคนดู ทำให้เราเป็นผู้นำทางด้านละครแนวนี้ เช่น ละครเรื่อง ‘ทองประกายแสด’ ที่พิงกี้ สาวิกา แสดงนำ คนก็เริ่มติดตามดู และให้ความสนใจอย่างมาก คือเมื่อก่อนอาจมีข้อเปรียบเทียบระหว่างทีวีช่องดาวเทียมและทีวีช่องหลักอยู่บ้าง แต่เราก็พยายามทำละครที่ดีเรื่อยมา

ดร.องอาจ สิงห์ลำพอง บริหารดิจิทัลทีวี ต้องมีวิสัยทัศน์

 จนมาถึงช่วงที่เปิดประมูลดิจิทัลทีวี บริษัทก็ประมูลดิจิทัลทีวีช่อง 8 มาได้ แล้วจึงเปลี่ยนจากช่อง 8 ดาวเทียม มาเป็นช่อง 8 ดิจิทัลทีวี โดยใช้ชื่อเดิม แต่ว่าเปลี่ยนโลโก้ใหม่ เราโชคดีที่มีฐานแฟนเดิมๆ ค่อนข้างเยอะ แถมยังได้กลุ่มใหม่และกลุ่มคนเมืองเพิ่มขึ้นด้วย เรียกว่าการต่อสู้ของทุกช่องค่อนข้างจะดุเดือด เราจึงพยายามทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด จนทุกวันนี้ช่อง 8 เป็นช่องดิจิทัลทีวีที่ติดอันดับท็อป 5 เรียบร้อยแล้ว

 มีหลายคนพูดว่าละครช่อง 8 ถูกจริตคนไทย ถ้าเป็นคำชื่นชมเราก็ขอน้อมรับไว้ นึกถึงละครแนวแบบนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนนั้นมี 7-8 ช่องทำละครแนวเดียวกัน คู่แข่งใกล้เคียงกันมาก เราก็ไม่ได้นิยามตัวเองว่าเป็นละครแซ่บนะครับ แต่คนอื่นจะนิยามว่าเราเป็นแบบนั้นก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าเรานิยามตัวเองว่าเป็นละครทางเลือกใหม่ ปัจจุบันเราก็ทำละครหลากหลายแนว เนื่องจากธุรกิจนี้เราจะเลือกละครแนวทางเดียวไม่ได้ เพราะคนดูจะเบื่อ

 ขอยกตัวอย่างละครเรื่อง ‘ทรายย้อมสี’ ที่แตงโม นิดา แสดงนำ ที่จบไปแล้วก็ได้ฟีดแบ็กที่ดีมาก ซึ่งเนื้อเรื่องเป็นบทประพันธ์ของ กฤษณา อโศกสิน นักเขียนที่ละเมียดละไมเรื่องชีวิตคนเมือง ทำให้เราเห็นภาพละครช่อง 8 ชัดขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง เพราะเรามีการทดลองตลาด จนได้เรตติ้งตามเป้าหมาย คนเริ่มพูดถึงช่อง 8 ในมุมโปรดักชั่นกันมากขึ้น เพราะเราเลือกใช้กล้องที่ดีมีความคมชัด ลงทุนค่อนข้างสูง บทนักแสดงเรายังไม่ทิ้งลายเซ็น ซึ่งทรายย้อมสีก็ได้รับฟีดแบ็กที่ดีมากๆ เป็นละครที่คนเมืองดูได้ ทำให้มีแฟนละครเยอะขึ้น รวมทั้งกลุ่มเอเยนซีด้วย”

 ดร.องอาจ บอกว่า คาแรกเตอร์ของนักแสดงก็มีผลในการดึงดูดคนเมือง รวมทั้งเนื้อเรื่องที่มีความเป็นคนเมือง เพราะนางเอกทำงานในบริษัทเอเยนซี แล้ววิธีการสื่อสาร การพูดจาของตัวละครก็มีความคมอยู่ เป็นคำพูดที่ใช้ความคิด จะไม่หยาบ แต่บางไดอะล็อกก็กระแทกกระทั้นเผ็ดร้อนอยู่ในตัว

ดร.องอาจ สิงห์ลำพอง บริหารดิจิทัลทีวี ต้องมีวิสัยทัศน์

 “ตรงนี้คือจุดยากนะ เพราะการบาลานซ์สังคมคนเมืองกับชาวบ้านให้ออกมาเป็นแมส ที่คนทั่วไป หมอ สจวร์ต อาจารย์เข้าใจ ไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนกลับบ้านผมมักจะเช็กว่าคุณแม่เปิดไฟดูละครช่อง 8 อยู่ไหม ปรากฏว่าท่านยังดู เพราะพอรับได้ และกลุ่มเพื่อนในเฟซบุ๊กซึ่งเป็นคนเมืองก็เริ่มมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้ คนต่างจังหวัดก็ชอบ จึงถือเป็นการเปิดตัวที่ดีของทรายย้อมสีเลยก็ว่าได้

 หรืออย่างเรื่อง ‘เพลิงรักไฟมาร’ บทประพันธ์ของบุศยมาศ ที่ได้ ไนกี้ นิธิดล แคทรียา อิงลิช และมด ณัฐปภัสร์ แสดงนำ ก็จะมีความดราม่ามากกว่าทรายย้อมสี เพราะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของคนในครอบครัว นอกจากนี้ก็จะมีละครแนวผีๆ บ้าง หรือละครแนวพีเรียดบ้างปะปนกันไป

 แล้วยังมีซีรี่ส์จากต่างประเทศอย่างซีรี่ส์อินเดียที่ได้รับการตอบรับแบบถล่มทลาย ทุบสถิติเรตติ้งสูงสุดทีวีอาร์ถึง 5.1 มาแล้วอย่างเรื่อง ‘สีดาราม ศึกรักมหาลงกา’ ตอนแรกที่ทำโปรเจกต์นี้เราก็เก็บไว้ในลิ้นชักมา 3 เดือน แล้วคิดว่ามันใช่ไหม เราจึงทำรีเสิร์ช แต่คนดูเขาก็สงสัยว่าต้องวิ่งข้ามภูเขา หรือวิ่งรอบต้นไม้ไหม แต่ในมุมมองเราดูคอนเทนต์แล้วมันใช่ มันได้ เพราะชื่อภาษาอังกฤษสีดารามโปรดักชั่นนี้ใช้ได้

 คือผมจะไม่เลือกเรื่องที่เป็นปัจจุบันนะ เพราะเรารู้สึกว่าไกลตัวคนไทย แต่ในเรื่องที่เป็นพีเรียด ก็ต้องเป็นเรื่องที่คนไทยเข้าใจด้วย ซึ่งสีดารามมาจาก ‘รามายณะ’ ซึ่งก็มาจากรามเกียรติ์ ที่คนไทยรู้จักกันดี เราเลือกเนื้อเรื่องที่มีอภินิหาร พร้อมทั้งทำเพลงประกอบละครขึ้นมาใหม่ แต่งใหม่ แล้วให้ ปาน ธนพร มาร้อง และยังทำสกอร์หรือเพลงประกอบดนตรีใหม่ด้วย เรียกว่าสกอร์เพลงแขกดั้งเดิมที่ดนตรีมันดูเยอะๆ นี่ทิ้งหมด คือทำให้ธีมของสกอร์เพลงมันดูเป็นสากลมากขึ้น”

 ดร.องอาจ เสริมว่า สำหรับเนื้อเรื่องบางส่วนที่ยืดยาวมากเกินความจำเป็น หลายตอนก็ถูกตัดทิ้งจาก 150 ตอน ให้เหลือ 105 ตอนเท่านั้น เพราะอยากทำให้คนดูรู้สึกว่าไม่น่าเบื่อ ตอนนี้สีดารามฉายจบไปแล้ว และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในเรื่องเรตติ้งที่ขึ้นมาสูงสุดถึง 5 กว่าๆ ทำให้ได้โฆษณาเข้ามาอย่างถล่มทลาย

 “ใครที่สงสัยว่าช่องต่างๆ เขาวัดเรตติ้งกันอย่างไร ก็ขออธิบายว่าเขาจะวัดตามช่วงเวลาที่มีคนดูซีรี่ส์เรื่องนั้น เช่น ถ้าช่วงนั้นมีคนดูสีดารามอยู่ 5 ล้านคน จากคนไทยทั้งหมด 60 กว่าล้านคน แค่ช่อง 8 ของเรามีคนดูถึง 5 ล้านคนก็ถือว่าเยอะมากแล้ว เป็นคอนเทนต์หนึ่งที่วางใจได้เลย การที่เราตัดสินใจเลือกซีรี่ส์อินเดียมาฉาย เราวัดจากตัวเราเป็นหลัก อันนี้โอเคในเรื่องหน้าตานักแสดง ชุดที่ใส่ สกอร์ไม่โบราณ

 เพิ่งรู้ว่าพอเปลี่ยนไปดูซีรี่ส์อินเดียของช่องอื่นแล้ว เขาไม่ได้ทำแบบเรา แต่เราแม้แต่เสียงคนพากย์ก็ต้องเลือก ว่าใครจะพากย์เป็นสีดา ใครพากย์เป็นพระราม แล้วยิ่งพอใส่เพลงประกอบที่ร้องโดย ปาน ธนพร เข้าไป คนดูก็ยิ่งอินเข้าไปใหญ่ พูดง่ายๆ ว่าคอนเทนต์เราดี โปรดักชั่นเราดี มีการคอนทินิวเนื้อเรื่องตลอดเวลา จึงทำให้ประสบความสำเร็จได้

ดร.องอาจ สิงห์ลำพอง บริหารดิจิทัลทีวี ต้องมีวิสัยทัศน์

 ผมมองว่าซีรี่ส์อินเดียยังมาอยู่นะ หลายช่องก็เริ่มฉายตามๆ กันแล้ว ซึ่งซีรี่ส์อินเดียมันโดนใจคนไทย ต้องยอมรับว่าคนอินเดียเขาฉลาดนะ เพราะสังคมของเขา ประวัติศาสตร์ของเขา สามารถฉีกตัวละครออกมาได้ วันนี้เขาพูดเรื่องสีดาราม อีกวันเขาอาจจะพูดเรื่องเทพองค์อื่นๆ ก็ได้ เพราะพราหมณ์ฮินดูเขามีเทพหลายองค์ จึงสามารถดึงไปทำเป็นสตอรี่แยกย่อยออกมาได้

 อย่างล่าสุดช่อง 8 ก็ได้ฉายซีรี่ส์อินเดียเรื่อง ‘หนุมาน สงครามมหาเทพ’ ต่อเนื่องในวันเวลาเดิมที่เคยฉายสีดาราม โดยเล่าเรื่องมาตั้งแต่กำเนิดของหนุมาน ว่ามีความเป็นมาอย่างไร ปูแบ็กกราวด์มาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ เล่าเรื่องหนุมานในวัยเด็ก พร้อมความแก่นแก้ว ซุกซน จนคนดูเริ่มชอบนักแสดงเด็กที่รับบทเป็น ‘มารุติ’ หรือหนุมานในวัยเด็กกันทั่วบ้านทั่วเมือง ตอนนี้เนื้อเรื่องก็กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้นทีเดียว พร้อมด้วยสเปเชียลเอฟเฟกต์ที่อลังการ แม้ฉายไปยังไม่ถึงครึ่งเรื่อง แต่เรตติ้งก็ยังคงสูงอยู่ บางคนที่ดูไม่ทันช่วงเย็นก็มักจะมาดูการฉายรีรันอีกครั้งในช่วงเที่ยงคืนของจันทร์-พฤหัสฯ ซึ่งเราคิดว่าเรามาถูกทางแล้วนะ ที่เลือกซีรี่ส์อินเดียเป็นซีรี่ส์ต่างประเทศของช่อง 8 ในช่วงเริ่มต้นนี้”

 ดร.องอาจ ทิ้งท้ายว่า ถ้าให้พูดถึงทัศนคติในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ อันดับแรกเลยก็คือ ต้องตระหนักไว้เสมอว่าคุณไม่สามารถทำงานให้ประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ทีมงานทุกคนหรือทีมเวิร์กนั้นคือสิ่งสำคัญที่สุด

 “สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าทีมจะดีได้ก็ต่อเมื่อมีผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และมีทิศทางที่ดีให้ลูกน้องหรือทีมได้เดินตามรอยไป อย่างช่อง 8 เอง เราก็มีบอร์ดบริหารที่ดี นั่นก็คือ เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ที่มักจะให้ทัศนคติที่ดีแก่ลูกน้องเสมอ เมื่อทีมสามารถถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นออกมาได้ แล้วเรายังมีการติดตามงานที่ดี เราไม่ปล่อยปละละเลย เราเกาะติดกับผลงานที่ออกมาทุกงาน ทุกอย่างจึงประสบความสำเร็จได้ ปัจจุบันช่อง 8 ก็มีครบ ทั้งรายการบันเทิง กีฬา ละคร และข่าว ซึ่งเป็นคอนเทนต์ส่วนหนึ่งที่เราสร้างสมมานาน อย่างรายการมวยเราก็ติดอันดับ 1 ในช่วงศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เรียกว่าเป็นพื้นที่ของเราเลยล่ะ อย่างข่าวเช้าเสาร์-อาทิตย์ นี่ก็ติดอันดับต้นๆ เลยล่ะ คือช่อง 8 นำเสนอข่าวยาวนานมาก ตั้งแต่ตี 5-9 โมงเช้า ต่อด้วยข่าวเศรษฐกิจอีก 40 นาที จึงนับเป็น 4 ชั่วโมงกว่าที่คนทั่วประเทศจะได้ดูครบถ้วน เพราะทุกวันนี้ข่าวกลายเป็นคอนเทนต์หลักไปแล้ว เราจึงนำเสนอเนื้อหาให้ดูเข้าใจง่าย ในอนาคตรับรองว่าช่อง 8 จะต้องมีรายการดีๆ ออกมานำเสนอให้แฟนๆ ได้ดูอีกแน่นอน”