posttoday

‘มีความสุขกับทุกก้าวเดิน’ เอรียา จุฑานุกาล

12 ตุลาคม 2560

เดือน ก.พ.ปีหน้านี้ คนไทยจะได้เห็นฟอร์มการเล่นของนักกอล์ฟหญิงเกือบทุกมุมโลกมารวมกันที่เมืองไทย


เดือน ก.พ.ปีหน้านี้ คนไทยจะได้เห็นฟอร์มการเล่นของนักกอล์ฟหญิงเกือบทุกมุมโลกมารวมกันที่เมืองไทย พร้อมทั้งได้ชมฝีไม้ลายมือของนักกอล์ฟหญิงมือหนึ่งของคนไทยอย่าง โม-โมรียา และเม-เอรียา จุฑานุกาล ในการแข่งขันกอล์ฟอาชีพสตรีในประเทศไทย “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2018” เป็นหนึ่งในการแข่งขันกีฬาประจำปีที่หลายคนตั้งตารอ

การแข่งขันในปีนี้ เช่นเคยที่มีชื่อของโปรกอล์ฟหญิงดาวรุ่งชื่อดังระดับโลกอย่าง เม-เอรียา จุฑานุกาล ร่วมการแข่งขันกับนักกอล์ฟหญิงระดับโลก 60 คน จากแอลพีจีเอทัวร์ ตอบรับเข้าร่วมการแข่งขันด้วย ซึ่งมีตารางการแข่งขันวันที่ 22-25 ก.พ. 2561 ณ สยามคันทรีคลับ พัทยา โอลด์คอร์ส โพสต์ทูเดย์ได้จับเข่าสัมภาษณ์โปรเม-เอรียา ในฐานะที่เคยสร้างประวัติศาสตร์วงการกีฬาและกอล์ฟของไทยด้วยการคว้าแชมป์ แมนูไลฟ์ แอลพีจีเอ คลาสสิก ที่ประเทศแคนาดา คว้าตำแหน่งนักกอล์ฟหญิงอันดับ 1 ของโลกมาแล้ว

ในวัย 21 ปี ปัจจุบันโปรเมเป็นนักกอล์ฟหญิงอันดับ 5 ซึ่งโปรเมเคยได้เข้าร่วมการแข่งขันในรายการนี้มาแล้ว 9 ครั้งตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา เริ่มร่วมแข่งขันครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ ในประเภทนักกอล์ฟสมัครเล่น

แรงบันดาลใจที่ทำให้โปรเมอยากทำผลงานให้ดี เพราะมีสิ่งหนึ่งที่เธอยึดเหนี่ยวมาตลอด คือ อยากมีอาชีพที่เลี้ยงดูพ่อแม่ได้ พอวันที่เธอเริ่มเล่นกอล์ฟอาชีพดีขึ้น ไม่ใช่มาจากสิ่งใดเลย แต่มาจากเธออยากเล่นกอล์ฟอย่างมีความสุข

 

 

‘มีความสุขกับทุกก้าวเดิน’ เอรียา จุฑานุกาล

 

โปรเมเคยได้เป็นมือวางอันดับ 1 ของโลกมาแล้ว หากถามเรื่องแรงกิ้ง โปรเมบอกว่า เธอไม่กังวลเรื่องเกี่ยวกับการจัดอันดับมากนัก เพราะเธอคิดว่า เธอทำสิ่งที่เธอสามารถทำได้ ทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้ เธอเป็นคนไม่คิดมากและไม่ยึดติด เพราะหากคิดมาก ทุกอย่างจะกลายเป็นความกดดัน และความสุขจากการเล่นกอล์ฟก็คงไม่มี ซึ่งความสุขเป็นสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุด

“เมคิดว่า จริงๆ น้องทุกคนมีศักยภาพพอที่จะประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะด้านไหนก็ตาม แต่อยากให้น้องๆ มีเป้าหมายที่ชัดเจน เพราะถ้าเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน ตื่นขึ้นมาทุกวัน หากเรามีเป้าหมายชัดเจนเราจะรู้ว่าเราตื่นขึ้นมาเพื่ออะไร และทำอะไร เป้าหมายของเมคือ แม้ช่วงนี้เล่นไม่ได้ดีมากนัก แม้อยากจะเล่นให้ได้ดีเหมือนกัน ซึ่งเมก็กำลังเวิร์กออนในหลายๆ อย่าง อยากหาแชมป์ใหม่ให้ตัวเองให้ได้เร็วๆ นี้”

ย้อนกลับไปในช่วงที่เธอก้าวขึ้นอันดับหนึ่งแชมป์กอล์ฟหญิงใหม่ๆ เอรียาบอกว่าชีวิตในช่วงนั้นเปลี่ยนไปเยอะมาก ถือเป็นช่วงชีวิตที่มีค่า เพราะมีคนชื่นชอบเธอ แต่ความคิดและตัวตนของเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนจากน้องเมคนเดิม

“ช่วงนั้นอาจจะมีคนรู้จักมากขึ้น คนติดตามหรือเป็นกำลังใจให้เรามากขึ้น เมเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นมากขึ้น แต่เมก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิม ความสุขเมเหมือนเดิมไม่ว่าจะก่อนได้แชมป์หรือหลังได้แชมป์ก็ตาม ด้วยเมเป็นนักกีฬาที่ไม่ใช่ดารา เมจะมีแค่คนที่มาดูเราที่สนามกอล์ฟ ในแง่สื่อต่างชาติที่ให้ความสนใจในตัวเมมากขึ้น ต่างชาติบางประเทศที่เครซี่กอล์ฟมากๆ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น ก็แสดงความชื่นชอบมากขึ้น”

ที่เมก้าวมาถึงทุกวันนี้ได้ เธอมีพ่อและแม่เป็นแรงบันดาลใจ และกำลังใจที่สำคัญ ทำให้เธอก้าวขึ้นสู่การเป็นนักกอล์ฟที่ประสบความสำเร็จมากคนหนึ่ง ด้วยความกล้าโดยไม่มีความกลัวภายในครอบครัวที่จะไม่รั้งรอให้เธอก้าวสู่ความสำเร็จ

“ตั้งแต่เมเป็นเด็ก เมเป็นเด็กที่พ่อจะเป็นคนที่มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนที่สุด พ่อเป็นคนที่ไม่เคยหยุดทำ ถ้าเป้าหมายของเขายังไม่สำเร็จ ตั้งแต่เด็กบ้านเมไม่มีความกลัวอะไรเลย ไม่เคยกลัวว่า ชีวิตถ้าเป็นตรงนี้ไม่ได้แล้ว วิตจะเป็นอย่างไร

พ่อไม่เคยมีแผนสำรองว่า โอเค ลูกโตขึ้นเทิร์นโปร เล่นอาชีพ เมเคยถามพ่อว่า ถ้าหนูควอลิฟายแอลพีจีเอไม่ได้ล่ะ พ่อก็มองหน้าหนู แล้วพ่อก็ส่ายหน้าว่า ไม่ พ่อไม่เคยคิดว่าลูกจะควอลิฟายไม่ติด พ่อไม่เคยคิดแผนสำรอง พ่อคิดแค่ว่าจะทำอันนี้ ถ้าวันนี้ไม่สำเร็จ พรุ่งนี้ก็จะลองใหม่ให้มันสำเร็จ ถ้าพรุ่งนี้ไม่สำเร็จ อาทิตย์หน้าเขาจะลองใหม่ให้มันสำเร็จ แล้วเขาจะหาวิธีใหม่เรื่อยๆ เพราะฉะนั้นบ้านเราจะไม่มีแผนสำรอง เราคิดว่าเป้าหมายของเราคืออะไร แล้วทำมันให้สำเร็จทุกอย่างเท่านั้นเอง

กว่าจะมาถึงตรงจุดนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรือไม่มีอะไรที่ยากเกินไป เราทำได้อยู่แล้ว ทุกวันนี้เมเพิ่งรู้สึกว่า ตัวเองเพิ่งเริ่มก้าวเดิน เมอายุแค่ 21 ปี เมรู้สึกว่าชีวิตเมยังอีกยาวไกลมาก ตรงนี้นับเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในชีวิตเมเท่านั้นเอง ถ้าเป็นบันไดสิบขั้นเมคิดว่าเพิ่มเริ่มก้าวแค่ขั้นที่ 2 เท่านั้น มีอะไรอีกมากที่เมต้องเรียนรู้และเมรู้สึกว่า มันไม่ใช่เรื่องกอล์ฟที่ประสบความสำเร็จ ยังมีอีกหลายเรื่องมากที่คนเราประสบความสำเร็จได้

พ่อแม่ถือเป็นกำลังใจและแรงผลักดันที่ดีสุดในการใช้ชีวิต คนเราทุกคนอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ใช่แค่เราอยากมีเงินใช้เยอะขึ้น แต่เราอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น อยากดูแลคนที่เรารัก พ่อแม่ช่วยเยอะนะคะ อย่างตอนที่เทิร์นโปรเมออกเดินทางกับคุณแม่เยอะ มีสามคน โม เม และแม่ เมเริ่มเทิร์นโปรมา 4 ปี แม่จะให้เราจัดการชีวิตของตัวเอง แม่ให้ดูทุกอย่างเอง เพราะแม่อยากให้หนูโต เหมือนท่านอยากให้เราตัดสินใจเองทุกอย่าง เพราะย้อนกลับไปตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ตัดสินใจให้เรา แต่พอเราโตแล้ว เราต้องเริ่มรู้แล้วที่เราเรียนผิดเราเรียนรู้ด้วยตัวเอง แล้ววันหนึ่งเมจะรู้ว่าที่ถูกคืออะไร

 

‘มีความสุขกับทุกก้าวเดิน’ เอรียา จุฑานุกาล  

 

เมโชคดีที่สุดที่ได้ครอบครัวแบบนี้ มันไม่ใช่การได้แชมป์หรือการได้เงิน แต่ความที่เมมีพี่ที่เข้าใจเมทุกเรื่อง ซัพพอร์ตเมทุกทาง มีแม่ที่ยอมเหนื่อยที่ยอมแทรเวิลกับเมมา 5 ปีแล้ว มันโชคดีและเป็นสิ่งที่ภูมิใจที่สุดในชีวิต”

ในชีวิตการแข่งขัน การแพ้ชนะเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก เพราะการแข่งขันย่อมมีแพ้ชนะ หากฝึกซ้อมมาอย่างหนักแต่ด้วยสภาพอากาศ ภูมิประเทศทำให้ผลการแข่งขันไม่เป็นตามที่ฝึกซ้อมไว้ เมมีวิธีจัดการกับสมาธิและอารมณ์ก็คือ การทำให้ตัวเองไม่เครียด ถ้าอะไรที่เมไม่สามารถควบคุมได้ เช่น สภาพอากาศหรือสิ่งที่อยู่รอบข้าง หรืออยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเธอเอง เธอจะไม่เครียดในทุกอย่างของการใช้ชีวิต

“อย่างอาการบาดเจ็บมันเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งเมควบคุมไม่ได้ เมก็จะอยู่กับมัน ทำอย่างไรให้ผ่านไปได้ ทำอย่างไรให้ดีขึ้นแค่นั้นเอง กว่าจะคิดแบบนี้ได้เป็นเพราะพอโตมา เมเริ่มแข่ง เจอคนเยอะขึ้น เมเริ่มมองทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพ่อแม่หล่อหลอมให้เมเป็นคนคิดแบบนี้ พอเมเจออะไรมากขึ้น หนูจะคิดอยู่เสมอว่า ไม่มีใครไม่ตาย ดังนั้นเมคิดว่า เมจะเครียดไปทำไม เราจะทะเลาะกันไปทำไมเมื่อวันหนึ่งเมก็ต้องตาย พี่ก็ต้องตาย เราจะทะเลาะกันเรื่องไม่เป็นเรื่องเพราะอะไร เราจะเครียดไปกับทุกเรื่องทำไม เราแค่มีความสุขในทุกๆ พาร์ตของชีวิตเราแค่นั้นเอง”

คำพูดหนึ่งบอกว่า การที่เราจะได้แชมป์ว่ายากแล้ว แต่การรักษาแชมป์ให้ได้เป็นเรื่องที่ยากกว่า

“ในวันที่เมขึ้นไป เมมีความสุข แต่มันมีความกดดัน มันไม่มีความสุขเหมือนวันที่เราเคยเป็น สิ่งที่ดีคือการที่ทำให้เรายังมีความสุข เวลาอยู่ตรงนั้นเมคิดว่ามันสำคัญกว่าการรักษาแชมป์เอาไว้ได้อีกนะคะ ซึ่งเป้าหมายที่เมยังมองหาอยู่ เมทัวร์มาสามปี มันยังมีอะไรที่เมต้องเรียนรู้อีกเยอะมาก ตอนนี้อยากหาแชมป์ต่อไปของเมให้เร็วที่สุด เมอยากบอกน้องๆ ว่า วันที่เมรู้สึกแย่ที่สุดแล้วเมก้าวขึ้นมาได้ ไม่ว่าเขาจะล้มแค่ไหน สิ่งสำคัญคือหาทางที่จะลุกขึ้นมายืนอีกครั้งหนึ่งแค่นั้นเอง จริงๆ ไม่ต้องเป็นนักกอล์ฟหรอก แค่เป็นที่หนึ่งและเป็นให้ดีที่สุดที่เราเป็นได้ก็พอ”

ในฐานะพสกนิกรชาวไทย เมกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่าสิ่งที่โปรกอล์ฟตัวเล็กๆ ได้เรียนรู้คือ ความซื่อสัตย์

“วันที่ 13 ต.ค.ปีที่แล้ว ได้ยินข่าวการเสด็จสวรรคตของพระองค์ ตอนนั้นเมแข่งอยู่ที่เกาหลี เมอยู่กับคุณแม่จำได้ว่า เป็นครั้งแรกที่เมเห็นแม่ร้องไห้หนักมาก เมก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกใจหาย หลายสิ่งที่เมเรียนรู้จากพระองค์คือ พระองค์ทรงงานให้ประชาชนด้วยความเหนื่อยยาก

เมมองลึกลงไปถึงทุกอย่างที่พระองค์ทรงทำ มาจากความรักที่พระองค์ทรงมีให้ประชาชน พระองค์เสด็จฯ เยี่ยมประชาชน เหนือ ใต้ ออก ตก พระองค์ไปหมด สิ่งเหล่านี้เบสมาจากความรัก เมสามารถนำมาปรับเปลี่ยนใช้ในชีวิตเมได้ คือทำทุกอย่างด้วยความรัก แล้วการประสบความสำเร็จในชีวิตก็จะง่ายขึ้น พระองค์ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยเพื่อคนไทยหากพระองค์ไม่ได้รักเรา แม้พระองค์ไม่ได้อยู่แล้ว แต่คำสอนของพระองค์จะอยู่ในใจคนไทยเสมอ”

โปรเมได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ถึง 2 ครั้งจากในหลวงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ทำให้เธอรู้สึกเป็นพระมหากรุณาที่สุดในชีวิต ทำให้เธอรู้สึกภาคภูมิใจกับทั้งตัวเองและวงศ์ตระกูลเป็นอย่างมาก เป็นแรงกำลังใจที่ทำให้เธออยากทำประโยชน์ให้ประเทศชาติสืบไป

“แม้ไม่มีในหลวงรัชกาลที่ 9 อยู่กับปวงชนชาวไทยแล้ว แต่เมเชื่อเสมอว่า พระองค์อยากให้คนไทยรักกัน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และเอาใจเขามาใส่ใจเรา แค่เราอยู่กันอย่างมีความสุขและรักกัน เป็นสิ่งที่พระองค์ต้องการเห็น หน้าที่ของเราคือทำตรงนั้นให้สำเร็จ

ในฐานะเมเป็นแบบอย่างให้เด็กไทยหลายๆ คน ซึ่งพระองค์ก็เป็นแบบอย่างให้เมเหมือนกัน อย่างที่เราทราบว่าพระองค์ทรงเรือใบ สิ่งหนึ่งที่เมเรียนรู้ตั้งแต่เด็กก็คือ ในการแข่งขันรายการหนึ่งพระองค์ออกไปและชนทุ่นแล้วทรงกลับมา แล้วบอกทุกคนว่าพระองค์ชนทุ่น ทำให้เมรู้สึกว่า นักกีฬาสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การได้แชมป์ แต่เป็นการแสดงถึงความซื่อสัตย์ วันแรกที่คุณก้าวบนทีออฟ ทำทุกอย่างด้วยความซื่อสัตย์ แล้ววันหนึ่งผลดีๆ จะตามกลับมาเอง เมเชื่ออย่างนั้นค่ะ”