posttoday

ปัญจ์ฌรี รุกขวิบูลย์ ‘เราคือนักสะสมรสชาติ’

05 พฤษภาคม 2560

เส้นทางชีวิตของคนเรากว่าจะถึงไปสู่จุดหมายที่ฝัน บางครั้งก็ไม่ใช่เส้นตรงเสมอไป เช่นเดียวกับชีวิตของปั๊บ-ปัญจ์ฌรี รุกขวิบูลย์

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข

เส้นทางชีวิตของคนเรากว่าจะถึงไปสู่จุดหมายที่ฝัน บางครั้งก็ไม่ใช่เส้นตรงเสมอไป เช่นเดียวกับชีวิตของปั๊บ-ปัญจ์ฌรี รุกขวิบูลย์ เชฟสาวสวยที่เป็นหุ้นส่วนร้านสึจิริ (Tsujiri) ร้านชาเขียวสูตรต้นตำรับจากญี่ปุ่น ที่ล่าสุดมาเปิดให้บริการความอร่อยที่ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ กว่าจะได้มาโลดแล่นในเส้นทางที่ใช่ ก็ต้องอ้อมโลกไปไกลพอสมควรเหมือนกัน

ปั๊บ บัณฑิตสาวจากคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน (อินเตอร์) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งใจว่าหลังจากเรียนจบจะขอลัดฟ้าไปหาความรู้เพิ่มเติมที่อังกฤษก่อน แต่ด้วยจังหวะชีวิตที่ไม่ลงตัว ทำให้เธอเบนเข็มจากเรียนต่อไปสมัครงานในบริษัทโฆษณาแทน ซึ่งก็เป็นหนึ่งในสายอาชีพที่เธอรักเช่นกัน ทว่าหลังจากเดินไปตามทางเส้นทางที่คิดว่าจะใช่ได้ 1 ปี เธอกลับรู้สึกว่าชีวิตกำลังหลงทาง เพราะไม่ได้สนุกกับงานตรงหน้าเท่าที่ควร กลับสนใจในศาสตร์การทำขนมมากขึ้นทุกวัน ในที่สุดจึงทำตามเสียงหัวใจลาออกจากงานประจำเพื่อมาทำตามแพชชั่นของตัวเอง

“ตอนนั้นเราตัดสินใจลาออกเพราะรู้สึกว่ามีความสุขกับการตระเวนกินขนมอร่อยๆ แล้วมานั่งแกะสูตรบ้าง หาวิธีทำในอินเทอร์เน็ตแล้วมาลองทำมากกว่า ดังนั้นพอวันหนึ่งมีเพื่อนแนะนำให้ไปเรียนคอร์ส OHAP ที่แมนดาริน โอเรียนเต็ล ซึ่งรับแค่ปีละ 20 คน เลยตัดสินใจไปลองสมัครเรียน

ปัญจ์ฌรี รุกขวิบูลย์ ‘เราคือนักสะสมรสชาติ’

ตอนแรกก็ชั่งใจว่าจะไปเรียนเลอ กอร์ดอง เบลอ ดีมั้ย แต่เพราะเห็นว่าหลักสูตรที่นี่เรียนทฤษฎี 1 วัน ปฏิบัติ 5 วัน น่าจะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์เยอะกว่า เลยตัดสินใจเรียนที่นี่ ช่วงที่เรียนสนุกมาก ถึงจะเจอบททดสอบจากเชฟ ที่มองว่าเราเป็นผู้หญิงจะสู้งานหนักในครัวไม่ไหว แต่สุดท้ายเราก็พิสูจน์ตัวเองและผ่านมาได้”

หลังจากเรียนจบคอร์ส เธอเริ่มออกโบยบินในฐานะเชฟขนม ด้วยการเริ่มต้นงานแรกที่ร้านแฮร์รอดส์ สาขาสยามพารากอน ทำหน้าที่ช่วยคิดและพัฒนาสูตรขนมที่คิดว่าเหมาะและน่าจะถูกปากคนไทยอยู่ 1 ปี ก็ตัดสินใจลาออกมาช่วยทำธุรกิจที่บ้าน ซึ่งเป็นบริษัทตกแต่งภายใน

“ช่วงที่ออกมาช่วยที่บ้าน พอดีรุ่นพี่ที่รู้จักกันเปิดร้านอาหารพอดี เขาก็ชวนปั๊บมาช่วยคิดสูตรขนมให้ เลยเหมือนกับว่าถึงจะพักจากการเป็นเชฟขนม แต่เราก็ไม่ได้ห่างหายไปจากวงการ แถมงานนี้ยังจุดประกายให้เรารู้ว่า บางครั้งคนที่ทำร้านอาหาร หรือร้านขนม เขาต้องการที่ปรึกษาที่จะมาช่วยเติมเต็มในการสร้างสรรค์เมนูที่เข้ากับร้าน ตอนนี้อีกบทบาทหนึ่งของปั๊บนอกจากการเป็นเชฟ เลยมาสู่การเป็นที่ปรึกษาสำหรับคนที่อยากมีร้านขนม หรือ หาเมนูขนมที่ตอบโจทย์กับคาแรกเตอร์และสไตล์ของร้าน”

ระหว่างที่กำลังสนุกกับการค่อยๆ พาตัวเองท่องไปในโลกของการทำขนมนี้เอง โอกาสครั้งใหญ่ก็วิ่งเข้ามาหาปั๊บอีกครั้ง เมื่อเพื่อนสนิทชวนให้เธอมาร่วมหุ้นเปิดร้านสึจิริ

ปัญจ์ฌรี รุกขวิบูลย์ ‘เราคือนักสะสมรสชาติ’

“เวลามีร้านขนมเปิดใหม่ ปั๊บไม่พลาดจะไปชิมเพื่อเก็บสะสมรสชาติอยู่แล้ว พอรู้ว่า ร้านที่เพื่อนชวนมาทำคือร้านสึจิริ ก็ยิ่งตื่นเต้นเพราะเป็นร้านที่ดังมากที่ญี่ปุ่น มีคนเข้าแถวซื้อยาวมาก เพราะด้วยรสชาติชาเขียวที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ปั๊บยิ่งอยากลองสัมผัสกับรสชาติที่แปลกใหม่นี้ ซึ่งพอได้ลองก็ยิ่งประทับใจ ทุกวันนี้ นอกจากเราจะนำรสชาติชาแบบออริจินัลของญี่ปุ่นมาเปิดให้บริการความอร่อยถึงเมืองไทย ปั๊บยังนำส่วนผสมของผงชาเขียวคุณภาพดีของเขามาต่อยอดพัฒนาเป็นเมนูขนมยอดฮิตอย่างมาการองชาเขียวอีกด้วย”

สำหรับปั๊บ การทำขนมคือความสุขในทุกขั้นตอน ทั้งในฐานะนักชิม และเชฟผู้รังสรรค์ “เรายังตื่นเต้นทุกครั้งที่ลงมือทำขนม ยังไปยืนลุ้นหน้าเตาอบทุกครั้งว่าขนมที่ออกมาหน้าตา รสชาติจะเป็นอย่างไร สำหรับปั๊บการทำขนมเป็นกึ่งกลางระหว่างการทดลองทางวิทยาศาสตร์กับการใส่ศิลปะลงไป เป็นผลงานอันแสนพิเศษที่เราสามารถใส่ตัวตนของเราลงไปได้ด้วย”

ถามถึงเอกลักษณ์ประจำตัวในการทำขนมของสาวหวาน เธอบอกว่า ขนมที่เธอทำไม่เน้นหน้าตาว่าต้องสวย จนต้องหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูป เพราะในฐานะคนเบื้องหลังขนม เธอรู้ดีว่าเบื้องหลังความสวยงามบางอย่าง ต้องอาศัยการแต่งเติมสิ่งที่ไม่ธรรมชาติลงไป เพราะฉะนั้นในเมื่อเธอเลือกหยิบยื่นขนมที่อร่อยแบบธรรมชาติ หน้าตาของขนมของเธอจึงอาจไม่ได้ชวนว้าว หรือหวือหวามากนัก

ปัญจ์ฌรี รุกขวิบูลย์ ‘เราคือนักสะสมรสชาติ’

“ยิ่งโตขึ้น ประสบการณ์มากขึ้น คลังรสชาติที่เก็บไว้ใหญ่ขึ้น ยิ่งกินยากขึ้นค่ะ (หัวเราะ) ตอนนี้กลายเป็นว่าเราแค่ชิมก็แยกแยะได้แล้วว่า ร้านไหนใช้วัตถุดิบดีหรือไม่ดี ทุกวันนี้ปั๊บสนุกกับการได้เปิดประสบการณ์ตัวเองใหม่ๆ ยิ่งไปเจอส่วนผสม หรือวัตถุดิบแปลกๆ ที่เอามาใช้ในการทำขนมเท่าไหร่ ยิ่งชอบยิ่งอยากชิม โชคดีที่สามีปั๊บเป็นนักบิน บางครั้งเขาก็จะซื้อขนมท้องถิ่นแต่ละประเทศที่เขาไปมาฝาก ทำให้ปั๊บได้ลองชิมขนมที่แปลกใหม่ตลอด”

ในอนาคต ปั๊บหวังว่าจะมีร้านขนมเล็กๆ ของตัวเอง ที่เมนูทุกอย่างในร้านเกิดจากการสร้างสรรค์ของตัวเอง ด้วยความที่หลงใหลในความงามของดอกไม้ เธอจึงคิดเอาไว้เล่นๆว่า อาจจะนำความชอบทั้งการทำขนมและดอกไม้มาไว้ด้วยกัน ด้วยการเปิดร้านขนมที่นำส่วนผสมของดอกไม้มาใช้ ใช้ดอกไม้ในการตกแต่งร้าน หรือเปิดเป็นร้านขนมที่มีขายดอกไม้ไปด้วยเลย

“ปั๊บว่าชีวิตของคนเราอาจจะดูยาว แต่ความจริงแล้ว ชีวิตคนเราสั้นนัก เพราะฉะนั้นเราไม่ควรเสียเวลาไปกับการทำอะไรที่ไม่มีความสุข ฝืนใจทำในสิ่งที่ไม่มีความสุข”

ปั๊บบอกว่า เธอโชคดีที่วันนี้พบกับงานที่ทำให้มีความสุขได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ไม่สิ้นสุด การทำขนมสำหรับเธอไม่ใช่ทำแค่เพื่อขาย เพราะปั๊บเชื่อว่าจิตวิญญาณ ความรู้สึกที่เราใส่ลงไปในขนมนั้น สามารถส่งผ่านไปยังคนที่กินขนมได้

“ปกติปั๊บไม่ใช่คนคุยเก่ง แต่ถ้าให้พูดถึงเรื่องขนม เรากลับพูดเก่งขึ้นราวกับเป็นคนละคน ปกติเราอาจจะเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าบอกรักคุณพ่อคุณแม่ ก็ใช้ขนมเป็นสื่อกลางแทนความรัก เลือกใช้ของที่เขาชอบมาใส่ในขนมสะท้อนถึงความใส่ใจที่เรามีให้ เวลาทำแค่เราได้นึกถึงสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข เราก็มีความสุขแล้ว” เชฟคนสวยกล่าวทิ้งท้ายอย่างประทับใจ