posttoday

พสธร ทรงถาวรทวี ถึงฝันด้วยเรือแห่งความพยายาม

16 มกราคม 2560

หลายปีก่อนเราจับเข่านั่งคุยกับหนุ่มน้อยหน้ามนขวัญใจสาวๆ เจิ้น-พสธร ทรงถาวรทวี ครานั้น

โดย...โยธิน อยู่จงดี ภาพ... ทวีชัย ธวัชปกรณ์

หลายปีก่อนเราจับเข่านั่งคุยกับหนุ่มน้อยหน้ามนขวัญใจสาวๆ เจิ้น-พสธร ทรงถาวรทวี ครานั้น เจิ้นยังคงเป็นนักแสดงหนุ่มขี้อาย พระเอกเอ็มวีเพลงรักอยู่ของศิลปิน หนึ่ง อภิวัฒน์ และมีบทบาทการแสดงในภาพยนตร์เรื่องรักสุดท้ายป้ายหน้า ผีเข้า ผีออก และนักแสดงรับเชิญในซีรี่ส์อีกหลายเรื่อง วันนี้เราพูดคุยกับเขาอีกครั้งในบทบาทของนักแสดงอาชีพ หลังจากเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงสังกัดช่อง 7 อย่างเต็มตัว และกำลังถ่ายทำละครเรื่องลูกหลง และอีกหลายเรื่องที่กำลังตามมา

เจิ้นเป็นคนใต้ บ้านเกิดอยู่ จ.นราธิวาส ไม่เคยมีความคิดอยากจะเป็นดาราหรือเข้าวงการมาก่อน เขามีความสามารถในการวาดภาพสเกตช์ภาพออกแบบ โดยเฉพาะงานออกแบบเรือประมงที่เขาคุ้นชินในชีวิตวัยเด็ก จนกระทั่งได้ทุนศึกษาต่อที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

“พอเข้ากรุงเทพฯ ได้ไม่นาน ตอนที่ผมไปเดินเล่นที่สยามก็ได้เจอกับเพื่อนของพี่โกโก้ (แมวมองและผู้จัดการดาราชื่อดัง) เข้ามาขอเบอร์ติดต่อ ถามอายุเท่าไหร่ ตอนนั้นเราก็อายุ 19 ปี แล้วพี่เขาก็ขอถ่ายรูปกับเบอร์ติดต่อของเราไป แต่ตอนนั้นผมยังไม่รู้เรื่องว่าพี่เขาเป็นแมวมองหาคนเข้าวงการบันเทิง เป็นเด็กบ้านนอกที่เพิ่งเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ไม่รู้เรื่องรู้ราวกับเขา ก็สงสัยเหมือนกันว่าจะถ่ายรูปขอเบอร์เราไปทำไม หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน พี่โกโก้ก็โทรมา บอกว่าอยากชวนมาทำงานด้วย แล้วพี่เขาก็แนะนำว่าพี่เขาเป็นคนที่ดูแลมาริโอ้ (เมาเร่อ) สายป่าน (อภิญญา สกุลเจริญสุข) ปรึกษากับครอบครัวไม่มีปัญหาก็เลยตกลงเซ็นสัญญากับพี่เขาไปตอนนั้น แต่เราก็บอกพี่เขาไปเหมือนกันว่าเราต้องเรียนหนังสือค่อนข้างหนัก อาจจะทำงานให้พี่เขาได้ไม่เต็มที่ หลังจากนั้นก็เริ่มมีการแคสงานหลายชิ้น

พสธร ทรงถาวรทวี ถึงฝันด้วยเรือแห่งความพยายาม

“ผมเป็นคนที่ชอบความท้าทายใหม่ๆ อยู่แล้ว ก็รู้สึกว่าการแคสงานก็เป็นอีกความท้าทายหนึ่งที่เราต้องทำให้ได้ เพราะไหนๆ ผมได้เข้ามาอยู่ในจุดนี้แล้วต้องทำให้ได้ แต่ว่าช่วงแรกๆ แคสงานไปเยอะมากก็ไม่ได้สักงานนึง จนเราเริ่มรู้สึกว่าเราไม่ดีพอกับงานในสายนี้หรือเปล่า ทำไมเขาถึงไม่เลือกเรา แต่พอแคสงานไปเรื่อยๆ จนเริ่มคุ้นชิน รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร ก็รู้ว่าที่จริงแล้วการที่เขาจะเลือกคนเข้าทำงานสักคนไม่ได้อยู่ที่ตัวเราเพียงคนเดียว มันมีองค์ประกอบอะไรหลายๆ อย่าง ไม่ใช่ว่าเราแค่ทำดีก็จะได้งานนั้น มันยังไม่พอ เพราะยังมีเรื่องของคนอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการทำงานด้วย มีหลายงานที่เราเข้ารอบสุดท้ายก็ยังไม่ได้ พี่โทรมาบอกว่าได้เข้ารอบสุดท้ายแล้วนะลูก เราก็มีลุ้นแต่ก็ไม่ได้ ขนาดเหลือแค่ 3 คนสุดท้ายก็ยังไม่ได้ แต่เราคิดว่าไหนๆ มาถึงตรงนี้แล้วเราต้องทำให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุดในงานวงการบันเทิง แต่เรื่องเรียนเราก็จะไม่ทิ้งเหมือนกัน

“จุดเปลี่ยนที่ทำให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองไปมากที่สุดก็คือ ได้เข้าคอร์สเรียนการแสดงที่ทำให้เรารู้จักเรื่องการแสดงออก ทำให้เราลดความประหม่า มีความคิดสร้างสรรค์ในการแสดงออกที่ดีและการเรียนกับเพื่อนๆ ในกลุ่มก็ทำให้เรารู้ว่าแค่ละคนมีความสามารถในการแสดงที่แตกต่างกัน ทำให้เราต้องพยายามให้ดีกว่าเดิมมากขึ้นไปอีก และหันมามองในเรื่องการแสดงในละครต่างๆ ว่านักแสดงที่แสดงในละครเรื่องต่างๆ นั้นเข้าถึงบทละครและอารมณ์ในการแสดงมากน้อยแค่ไหน

“พอเริ่มมีงานโฆษณาเข้ามาบ้างแล้ว หลังจากนั้นเริ่มเข้าประกวดรายการร้องเพลงของเคพีเอ็น เพราะผมเองก็รู้ตัวว่ามีความสามารถด้านการร้องเพลงมาบ้างจึงเข้าเรียนร้องเพลงแล้วก็เข้ามาประกวดในรายการนี้ เคพีเอ็นเป็นรายการประกวดร้องเพลงรายการใหญ่ และก็ไม่ใช่รายการที่มีความเป็นเรียลิตี้มากนัก ซึ่งผมชอบรายการแบบนี้มากกว่า

พสธร ทรงถาวรทวี ถึงฝันด้วยเรือแห่งความพยายาม

 

“แต่ว่าก่อนหน้านั้นเราไปแคสภาพยนตร์มาเรื่องรักสุดท้ายป้ายหน้า แล้วผลประกาศทั้ง 2 รายการก็มาพร้อมๆ กันว่าเราได้ทั้ง 2 รายการ เคพีเอ็นผมเข้ารอบ 20 คนสุดท้าย ซึ่งต้องฝ่าผู้เข้าประกวดคนอื่นๆ หลายพันคนกว่าจะได้ ส่วนภาพยนตร์ก็เลือกผมเป็นหนึ่งในนักแสดง ทำให้ผมต้องมาคิดว่าจะเลือกงานไหนมาก่อน งานประกวดถ้าผมโชคดีได้เข้ารอบ 10 คนสุดท้ายก็ต้องไปเก็บตัวเข้าค่าย ซึ่งคงไม่ดีกับเรื่องการเรียน ถ้าผมดร็อปวิชาเรียนไปก็จะเสียโอกาสได้ทุนเรียนของสถาบัน เป็นการตัดสินใจที่ยากเหมือนกัน เพราะรายการประกวดก็เป็นรายการใหญ่ที่มีเกียรติ แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจเลือกแสดงภาพยนตร์มาก่อน แต่พอเรามาแสดงภาพยนตร์ ความรู้สึกแรกในงานภาพยนตร์ของเราก็คือ เราไม่โอเคกับการแสดงของเราเอง ตัวภาพยนตร์นั้นดี แต่ผมรู้สึกแย่ในเรื่องการแสดงของตัวเอง เพราะผมยังค่อนข้างใหม่มากสดมาก พอเล่นหนังจบแล้วเราก็คิดว่าเราน่าจะทำได้ดีกว่านี้ เราเชื่อว่าเราต้องทำได้ดีกว่านี้แน่ๆ

“หลังจากนั้นผมก็เข้าเรียนแอ็กติ้งมาโดยตลอด พัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ เรียนรู้จากบทบาทการแสดงว่าให้แง่คิดอะไรกับเราได้บ้าง และเราจะทำอย่างไรให้การแสดงของเราส่งความรู้สึกไปถึงคนดูให้รู้สึกว่าเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ เวลาเราไปทำงานเราไม่มีเคยมีความรู้สึกว่าไม่อยากไปเลย เราจึงมีความรู้สึกมีความสุข มีความท้าทายอยู่ในตัว จะมีบางวันที่เราลืมบทไปบ้าง แต่ไม่ใช่เพราะเราไม่ได้ตั้งใจ เราตั้งใจในทุกงาน เพียงแต่ว่ามันมีเรื่องของความกดดัน ความกังวล ด้วยใจเราเอง ด้วยคนรอบข้าง ในงาน มุมกล้องที่เราต้องคำนึง ก็จะตื่นเต้นทำให้เราลืมบทไป ก็เป็นเรื่องของประสบการณ์ที่จะสอนให้เราแข็งแกร่งมากกว่านี้ ผมคิดว่าคนที่มีประสบการณ์สูงอย่างนักแสดงรุ่นใหญ่ เขาคงไม่มีความรู้สึกกดดันตรงนี้ หรือมีก็น้อยมากๆ เห็นบทเขาก็รู้เลยว่าจะต้องแสดงอะไร ส่งอารมณ์ยังไง แต่เรายังด้อยประสบการณ์ที่ทำให้เราต้องขยันทำให้ดีกว่านี้

“อย่างแฮปปี้เนส เดอะ ซีรี่ส์ ซึ่งเป็นการแสดงล่าสุดของผม ในเรื่องนี้จะมีซีนที่ยากที่สุดก็คือฉากเศร้า ซึ่งปกติผมเองเป็นคนที่ค่อนข้างร่าเริง เวลาเจอปัญหาเศร้าใจเรามีกลไกทางความคิดที่ทำให้เราออกจากความรู้สึกเศร้าโดยอัตโนมัติ ให้เรารู้สึกว่าไม่ต้องไปเครียด ไม่ต้องไปคิดมาก เราเลยไม่เคยมีความรู้สึกว่าจะต้องเศร้าอะไรมาก ไม่เคยรู้สึกว่าจะต้องจมลงไปในห้วงความเศร้าให้สุดจมลงถึงที่สุดแล้วร้องไห้ออกมา

พสธร ทรงถาวรทวี ถึงฝันด้วยเรือแห่งความพยายาม

 

“ผู้กำกับก็บอกว่าในชีวิตมีเรื่องอะไรที่คิดว่าเศร้าที่สุด ผมจะบอกว่าไม่มีก็ไม่ใช่ เป็นเพราะผมมีวิธีการจัดการเรื่องเศร้าโดยธรรมชาติ อย่างเช่นผมนึกถึงคนแก่ที่เขาขายของอยู่ริมถนนอย่างยากลำบาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมเห็นทุกครั้งจะรู้สึกสงสาร พอรู้สึกสงสารมากๆ ใกล้จะถึงจุดที่ร้องไห้ออกมา ในหัวก็กลับคิดว่าเราสงสารเขา แต่ที่จริงแล้วเขามีความสุขไม่ได้ยากลำบากอะไรหรือเปล่า เลยกลายเป็นว่าเราเข้าไม่ถึงที่สุดของเรื่องเศร้าเสียที แต่ผมพยายามทำออกมาจนได้อย่างที่ต้องการ นักแสดงเก่งๆ บางคนจะคิดถึงว่าถ้าพ่อแม่เขาตายไปเขาจะมีชีวิตอยู่ยังไง ซึ่งถ้าเราได้ทำบ่อยๆ ก็จะทำให้เรามีประสบการณ์ฝึกฝนฝีมือการแสดงของเราไปพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ

“ผมมีแนวคิดอย่างหนึ่งว่า ถ้าคุณคิดว่าจินตนาการพาให้คุณไปให้ถึงเป้าหมายได้ แต่ความพยายามจะพาให้คุณไปได้ไกลกว่าสิ่งที่คุณจินตนาการไว้ ผมจึงพยายามที่จะทำให้ดีที่สุดในทุกครั้งที่ทำงาน ไม่มีการทำงานวันไหนที่ผมจะไม่มีความสุขในการทำงาน การทำงานในวงการบันเทิงสอนหลายๆ อย่างกับผม สอนให้เรามีการจัดการตัวเอง สอนในเรื่องของใจ ความรู้สึก ความคิด มีความมั่นใจในการทำงาน ต้องรู้ว่าเราต้องพยายาม อดทน อย่าย่อท้อง่ายๆ ไม่ใช่แค่ตัวเราที่ทำได้ ไม่ใช่แค่ตัวเราที่ทำแล้วทุกอย่างจะดี มันต้องมีหลายองค์ประกอบที่เข้ามารวมกันถึงจะทำให้เราสำเร็จในการทำงาน นอกเหนือจากนั้นก็คือสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมมันได้ และเป้าหมายต่อไปของเราก็คือการเป็นนักแสดงที่ทุกคนชื่นชมในผลงานที่เราตั้งใจทำออกมา”