posttoday

นพ.นพรัตน์ รัตนวราห ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

08 ธันวาคม 2559

ความสวยความงามเป็นเรื่องที่ผู้คนยุคนี้ให้ความสำคัญ โดยเฉพาะคุณสาวๆ ทั้งสาวเล็กสาวใหญ่ไม่มีสาวคนใดที่จะยอมหยุดสวย

โดย...อณุสรา  ทองอุไร ภาพ... ภัทรชัย  ปรีชาพานิช

ความสวยความงามเป็นเรื่องที่ผู้คนยุคนี้ให้ความสำคัญ โดยเฉพาะคุณสาวๆ ทั้งสาวเล็กสาวใหญ่ไม่มีสาวคนใดที่จะยอมหยุดสวย ทุกคนล้วนอยากดูดีอ่อนกว่าวัย ทำให้คลินิกความงามเกิดขึ้นมากมายและเป็นธุรกิจที่มีมูลค่ารวมปีละหลายพันล้านบาท จนใครๆ ก็อยากจะก้าวเข้ามาในธุรกิจนี้แม้จะไม่ได้เป็นแพทย์เฉพาะทางทางด้านนี้โดยตรงก็ตาม

เนื่องจากการไม่ใช่ตัวจริงในธุรกิจประเภทนี้ เป็นเพียงแค่นักธุรกิจ คนดัง ดารา ที่มองเห็นเพียงว่าเป็นธุรกิจที่เพียงแค่ทำเงินได้เท่านั้น เข้ามาเพียงระยะเวลาอันสั้นแล้วก็ออกจากธุรกิจนี้โดยที่ไม่ประสบความสำเร็จ

แต่ถ้าหากว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงที่ก้าวเข้ามาในแวดวงนี้ส่วนใหญ่ก็จะไปได้ดี เช่นเดียวกับเขาคนนี้หมอสอง-นพ.นพรัตน์ รัตนวราห เจ้าของคลินิกศัลยกรรมตกแต่งนพรัตน์ ในวัยต้น 40 เขาถือว่าเป็นผู้ที่คร่ำหวอดในวงการความงามและศัลยกรรมมานานเกือบ 20 ปี

นับตั้งแต่จบแพทยศาสตร์ทางด้านศัลยกรรมทั่วไป จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 สมัยเรียนมัธยมเขาเป็นนักกีฬาว่ายน้ำจริงจังถึงขั้นเป็นตัวแทนเขต แล้วมาต่อทางด้านศัลยกรรมตกแต่งที่โรงพยาบาลจุฬาฯ หลังจากนั้นเขาก็ได้ทุนไปดูงานด้านศัลยกรรมตกแต่งที่สหรัฐอเมริกา จากนั้นกลับมาเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) องครักษ์ ควบคู่กับการเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง

หลังจากนั้น เขาก็ลาออกมาเป็นแพทย์ศัลยกรรมให้กับโรงพยาบาลสมิติเวชทั้งสองสาขาคือที่สุขุมวิทและที่ศรีนครินทร์อยู่ 6-7 ปี จนสุดท้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาลเวชธานี

 

นพ.นพรัตน์ รัตนวราห ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

“นับแต่เรียนจบมาก็อยู่ในสายงานของแพทย์ศัลยกรรมมาตลอด 10 กว่าปี ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนไข้ในเรื่องการทำจมูก ยุคแรกๆ ทำการผ่าตัดแปลงเพศด้วย แต่ระยะหลังๆ เคสของการทำจมูกกับหน้าอกมาก จนไม่ค่อยมีเวลาไปผ่าตัดแปลงเพศที่ใช้เวลายาวนานกว่ามาก ตอนนี้งานเด่นของผมก็คือการทำจมูก หน้าอก ความจริงตา คาง ก็ทำได้ แต่คนไข้จะนิยมให้ทำจมูกกับหน้าอกให้มากกว่า” เขาเล่าถึงการทำงานให้ฟัง

หลังจากเขาสั่งสมประสบการณ์ในการทำงานมานานเกือบ 20 ปี รวมทั้งเก็บหอมรอมริบเรื่อยมาตลอดเวลาในการทำงาน ทำให้คุณหมอมีเงินมากพอที่จะมาเปิดคลินิกศัลยกรรมของตนเองเมื่อต้นปีที่ผ่าน ด้วยเงินลงทุนของตัวเองกว่า 120 ล้านบาท ที่ย่านพระราม 9

ซึ่งเป็นคลินิกศัลยกรรมและความงามครบวงจร บริหารงานเอง รักษาเอง เป็นหุ้นเดียวด้วยทุนส่วนตัวไม่กู้ธนาคารเลย และก็คงไม่เปิดสาขาที่ไหนอีกแล้ว ทุ่มเทกับตรงนี้ไปเลยแห่งเดียวให้ดีมีมาตรฐาน อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ เทียบเท่าโรงพยาบาลศัลยกรรม

“ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด คุณพ่อคุณแม่เป็นครูไม่ได้ร่ำรวยอะไร สร้างเนื้อสร้างตัวเลี้ยงลูกชาย 3 คนมาแบบชีวิตราชการบ้านนอกมีชีวิตพอเพียง โชคดีว่าเรียนดีมาตั้งแต่เด็ก สอบแพทย์ติดก็พยายามตั้งใจเรียน ใช้ชีวิตตามกฎเกณฑ์เพื่อให้พ่อแม่ภาคภูมิใจ เก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัวเพื่อให้พ่อแม่สบายยามแก่เฒ่าและพอมีเงินจุนเจือพี่น้องบ้าง นั่นคือความตั้งใจไม่ได้คิดว่าจะหวังรวยอะไรมากมาย พอมีใช้ไม่ลำบากสำหรับผมแค่นี้ก็พอใจแล้วครับ” เขาเล่าถึงความตั้งใจที่วางไว้สำหรับชีวิตในอนาคต

คลินิกของเขานั้นสร้างเป็นตึก 5 ชั้น บนเนื้อที่ 1 ไร่กว่า บริการทางด้านความงามครบวงจร คุณหมอให้ความเห็นถึงการแข่งขันของธุรกิจนี้ว่า นับวันยิ่งมีความรุนแรงขึ้นมากมีผู้ที่สนใจเข้ามาในธุรกิจนี้อย่างกว้างขวาง ทั้งคนในและนอกวงการ เมื่อการแข่งขันสูงการโฆษณาและการทำการตลาดย่อมเกินจริงหรือมีการใช้ราคาเป็นตัวตั้ง การให้ข้อมูลหรือคุณภาพอาจจะไม่ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ดังนั้นควรจะเลือกงานจากแพทย์และสถานที่ประกอบการที่ได้มาตรฐาน หาข้อมูลไปเบื้องต้นจะได้มีความเข้าใจในสิ่งที่จะไปใช้บริการ และสอบถามจากคนที่เคยมารับบริการจากคุณหมอหรือคลินิกแต่ละแห่งจริงๆ

นพ.นพรัตน์ รัตนวราห ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

 

ดังนั้น ในส่วนตัวเขาแล้วจะไม่เน้นการจ้างคนดังมาเป็นพรีเซนเตอร์ หรือทำโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมใด ขอให้คุณภาพและบริการที่ดีเป็นจุดขายให้คนไข้บอกผ่านกันปากต่อปาก แม้จะได้ผลช้าแต่เป็นผลที่ยั่งยืนกว่ามาก

“พวกที่รีวิวก็ใช่ว่าจะไม่ใช้บริการจริง บางคนรับจ้างรีวิว ทำมาจากที่อื่นเราควรจะถามจากคนที่เคยมาทำจริงๆ ว่าดีหรือไม่พอใจมากแค่ไหนอย่างไร หากหมอไม่มีประสบการณ์อุปกรณ์ไม่สะอาดได้มาตรฐานจะทำให้การผ่าตัดติดเชื้อได้โดยง่าย เพราะการบริการแบบนี้ไม่มีอะไร 100 เปอร์เซ็นต์ การผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอจึงต้องเลือกหมอที่เชื่อถือได้จริง สำหรับผมเองไม่เน้นเรื่องการทำตลาดแบบตัดราคา เราว่าไปตามจริงตามความเหมาะสมและให้คนไข้ที่มาใช้บริการช่วยบอกต่อปากต่อปากนั่นจริงแท้แน่นอนกว่าครับ” คุณหมอกล่าวอย่างจริงใจ

การทำศัลยกรรมนั้นมีความจำเป็นแค่ไหน ช่วยได้มากเพียงใด คุณหมอตอบในเรื่องนี้ว่าการทำศัลยกรรมคือการทำเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องให้ดีขึ้น ทำแล้วต้องดูดีขึ้น และให้ดีที่สุดก็คือต้องดูสวยและดูเป็นธรรมชาติ จนคนอื่นมองว่าสวยขึ้นแต่ดูไม่ออกว่าไปทำอะไรมาจึงดูสวยขึ้น ถ้าทำสวยแต่คนอื่นรู้ทันทีว่าไปทำมานั่นก็ไม่เหมาะ คือจมูกต้องไม่โด่งจนชัด คางไม่แหลมจนหน้าเปลี่ยน คือทำแบบนิดหน่อยพองามรวมๆ ออกมาดูสวยหวานขึ้นแบบนั้นจึงเรียกว่าทำศัลยกรรมแล้วประสบความสำเร็จ คือสวยแบบคนอื่นดูไม่ออกว่าไปทำอะไรมาบ้าง

อดถามต่อไม่ได้ว่า คนที่ชอบทำศัลยกรรมแล้วมักจะชอบทำโน่นนี่ต่อไปเรื่อยๆ จนเป็นการเสพติดศัลยกรรมนั้น เขามีความเห็นอย่างไร  คุณหมอตอบว่า อยู่ที่ความพึงพอใจของแต่ละคนว่าแค่ไหนควรจะพอ มีบ้างที่ทำครั้งแรกแล้วไม่ถูกใจจึงต้องมีการแก้ไข แต่แพทย์ที่เก่งๆก็มักจะทำให้พอใจได้ในการทำครั้งแรก ซึ่งบนใบหน้านั้นส่วนใหญ่ผู้หญิงจะเลือกทำจมูกเป็นอันดับหนึ่ง ต่อมาคือคาง ส่วนตานั้นน้อย เพราะผู้หญิงไทยตาเล็กกลมไม่ตี่แบบสาวจีน แค่ทำจมูกกับคางส่วนใหญ่ก็เพียงพอแล้ว

“และความสวยที่ได้จากการทำศัลยกรรมก็คือต้องสวยดูดีขึ้น แต่ยังคงดูเป็นตัวเอง ไม่ใช่สวยจนเปลี่ยนจนกลายเป็นคนละคน ต้องสวยแบบเป็นเราคนเดิมที่ดูดีไม่ใช้สวยจนกลายเป็นคนอื่นไม่เหลือความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองไว้เลย” คุณหมอให้ความเห็น

 

นพ.นพรัตน์ รัตนวราห ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

 

ส่วนการทำศัลยกรรมในอายุที่ลดลงเรื่อยๆ นั้นคุณหมอกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ จากเดิมที่ทำงานแล้วเก็บเงินมาทำเอง ยุคนี้ผ่านมาเด็กเรียนมหาวิทยาลัยก็เริ่มมาทำแล้ว นั่นอาจจะเป็นเพราะเตรียมพร้อมสู่การทำงาน เมื่อเรียนจบต้องไปสัมภาษณ์งาน ถ้ารูปร่างหน้าตาพร้อมกว่าโอกาสถูกเลือกเข้าทำงานก็มีมากขึ้น

ขณะที่คนทำงานก็มีปัญหาอีกแบบในการชะลอวัย ริ้วรอยที่มาตามกาลเวลา การทำศัลยกรรมเบาๆ ด้านความงามก็จะช่วยย้อนวัยให้ดูดีขึ้นไปได้หลายปี การใช้ครีมบำรุงอาจจะต้องใช้เวลาในการสัมฤทธิผลมากเกินไป ก็อยู่ที่ว่าคนไข้จะใจเย็นรอได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความจำเป็นและความพร้อมของแต่ละคน ไม่มีใครผิดหรือถูกเลือกทำตามที่สบายใจและเหมาะสมกับตัวเองเป็นดีที่สุด

ทางด้านหลักการทำงานนั้น คุณหมอบอกว่าเน้นความซื่อสัตย์จริงใจในการทำงาน คือซื่อสัตย์กับลูกค้าและเพื่อนร่วมงาน รับผิดชอบให้สิ่งที่ดีที่สุดกับคนไข้ รักษาชื่อเสียงและคุณภาพในการทำงานให้มั่นคงสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ ก็พยายามดูแลร่างกายด้วยการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ด้วยความที่ชอบกีฬามาตั้งแต่เด็กทำให้คุณหมอชื่นชอบการออกกำลังกายมาถึงทุกวันนี้ เขาเล่นกีฬาหลายชนิด ทั้งตีแบด ว่ายน้ำ และเข้าฟิตเนสอาทิตย์ละ 3-4 วัน

“เมื่อตอนหนุ่มๆ ผมทำงานหนักมากผ่าตัดวันละ 10 กว่าราย ช่วงพีกๆ เคยผ่าถึง 23 เคส ไม่มีเวลาออกกำลังกายและดูแลตัวเองเลย ซึ่งทำให้ร่างกายไม่สดชื่น ถึงวันที่มาทำธุรกิจของตัวเองจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้วขอแบบพอดีสายกลางหน่อย ที่ผ่านมามันหนักเกินไปเอาสุขภาพด้วย ใช่แต่จะหาเงินอย่างเดียวจนลืมดูแลตนเอง” เขากล่าวอย่างจริงจัง

ตอนนี้สถานภาพของคุณหมอกลับมาโสดอีกครั้ง หลังจากเลิกรากลับพริตตี้สาวคนดังไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งคุณหมอบอกว่าความรักครั้งต่อไป คงต้องหาสาวที่เป็นผู้ใหญ่และพร้อมที่จะลงหลักปักฐานกับเขาจริงจัง พร้อมจะเป็นแม่ เพราะเขาอยากจะมีลูกและสร้างครอบครัวที่อบอุ่นในตอนนี้

ชีวิตต้องเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ