posttoday

อาร์โนด์ ดรูวีเย ปรุงอาหารด้วยหัวใจ

16 กันยายน 2559

“ผมทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุดครับ” นี่คือคำพูดจากปากของเชฟหนุ่มอารมณ์ดี อาร์โนด์ ดรูวีเย เอ็ก

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์

“ผมทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุดครับ” นี่คือคำพูดจากปากของเชฟหนุ่มอารมณ์ดี อาร์โนด์ ดรูวีเย เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟแห่งร้านโมริโมโตะ แบงค็อก เชน ร้านอาหารสุดพรีเมียมของ เชฟมาซาฮารุ โมริโมโตะ เซเลบริตี้เชฟชื่อดังระดับโลก และเชฟกระทะเหล็ก สหรัฐ เมื่อถามถึงตารางงานในแต่ละวันของเชฟ ถึงจะเป็นคำตอบที่ฟังแล้วชวนอ้าปากค้าง แต่เชฟก็ตอบพร้อมใบหน้าอมยิ้มที่แฝงนัยถึงความรัก และแพสชั่นอันล้นเหลือที่เขามีต่อการเป็นเชฟโดยไม่ต้องอธิบายเป็นคำพูด

ด้วยความที่สนใจการทำอาหารตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาตัดสินใจเลือกเดินตามเส้นทางที่ฝัน ด้วยการเข้าเรียนในโรงเรียนที่สอนด้านอาหารโดยตรง อาร์โนด์บอกว่า เขาโชคดีที่โรงเรียนที่เลือกเรียนนั้น แต่ละปีจะมีร้านอาหารดังๆ มากมายที่ตั้งอยู่ในโรงแรมห้าดาวขึ้นไป แถมบางร้านยังเป็นร้านของเชฟมิชลินมาทาบทามหานักเรียนไปทำงานพาร์ตไทม์ เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่ได้โอกาสดีๆ ได้เข้าไปหาประสบการณ์ในการทำร้านอาหารดังๆ ตั้งแต่วัยรุ่น

“ด้วยความที่ผมอยากสั่งสมประสบการณ์ที่หลากหลาย บวกกับได้ทำงานสัปดาห์ละ 7 วันเต็ม แทนที่จะทำงานประจำแค่ร้านเดียว ซึ่งตามหลักผมต้องหยุด 1 วัน ผมก็เลือกทำงานให้กับหลายๆ ร้านในเวลาเดียวกัน สลับกันไปร้านละวันสองวันแทน”

เชฟหนุ่มเล่าอย่างออกรสว่า เขาเริ่มต้นงานในร้านอาหารตั้งแต่การเป็นเด็กเสิร์ฟ จนได้ไปอยู่ในส่วนครัวเย็น ไต่เต้ามาสู่ครัวร้อน ประสบการณ์จากการฝึกงานอย่างหนักนี้เอง กลายเป็นทางลัดชั้นดีให้อาร์โนด์ได้เรียนรู้เร็วกว่าเพื่อนๆ ในห้องเรียน เขาสามารถสอบพาสชั้นจนใช้เวลาเพียง 2 ปี เรียนจบในหลักสูตรที่คนอื่นต้องใช้เวลาถึง 4 ปี

อาร์โนด์ ดรูวีเย ปรุงอาหารด้วยหัวใจ

 

“ตอนอายุ 17 ปี ผมก็เรียนจบ BEP (Brevet d’Etudes Professionnelles) แล้ว จากตรงนี้ถ้าผมเรียนต่ออีก 2 ปีจะจบปริญญาตรี แต่เพราะตอนนั้นผมเริ่มทำงาน และมีเงินเดือน 2.5 หมื่นเหรียญสหรัฐต่อเดือนแล้ว ซึ่งเงินเดือนระดับนี้เป็นระดับที่คนทั่วไปต้องเรียนอีก 5 ปีถึงจะได้ ด้วยเหตุนี้เมื่อผมมาแตะจุดนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นว่าต้องเสียเวลาเรียนต่อ ผมจึงตัดสินใจที่จะหยุดเรียน และหันมาหาประสบการณ์จากการทำงานแทน”

อาร์โนด์ บอกว่า ประสบการณ์การทำงานจากห้องอาหารดังๆ ระดับในโรงแรมห้าดาวขึ้นไป รวมทั้งการทำงานกับเชฟมิชลินสตาร์ ทำให้เขาได้เรียนรู้เรื่องความมีวินัย และเทคนิคการทำอาหารมากมาย เขาเริ่มเดินทางไปเป็นเชฟในหลายประเทศ และได้เข้าร่วมทีมไพรเวทเชฟ เพื่อเดินทางไปทำอาหารให้กับแขกวีไอพีในประเทศต่างๆ

“งานนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้ การใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นมาปรุงอาหาร ถามว่า ผมรู้ได้อย่างไรว่าวัตถุดิบไหนต้องมาปรุงกับอะไร ความจริงแล้ว ผมก็ไม่รู้ (ยิ้ม) อาศัยลองผิดลองถูก เพราะเมนูที่ผมไปทำให้ลูกค้าวีไอพีส่วนใหญ่ หรือที่แขกอยากให้เราทำก็ตาม ไม่ได้เป็นเมนูยุ่งยากซับซ้อนเสมอไป แค่เขาอยากให้เรามองหาวัตถุดิบจากท้องถิ่นมาดัดแปลงเป็นอาหารจานอร่อยเท่านั้น”

อาร์โนด์ ดรูวีเย ปรุงอาหารด้วยหัวใจ

 

 

หลังจากร่วมทีมเป็นไพรเวทเชฟอยู่ 3 ปี เขาก็ได้รับโอกาสดีๆ ในการสั่งสมฝีมือการทำงานจากเชฟที่มีชื่อเสียงหลายท่าน กระทั่งวันหนึ่งเขาได้รับการทาบทามจากตัวแทนบริษัทของเมืองไทย ที่มีไอเดียจะนำร้านโมริโมโตะมาเปิดให้บริการที่กรุงเทพฯ ด้วยความที่เขาคุ้นเคยกับประเทศไทย เพราะมีโอกาสเดินทางมาบ่อยๆ บวกกับชื่นชอบเชฟมาซาฮารุ โมริโมโตะ อยู่เป็นทุนเดิม จึงตอบรับมาร่วมงานอย่างไม่ลังเล

“เชฟโมริโมโตะ เป็นเชฟดังที่ใครๆ ก็รู้จัก และอยากร่วมงานด้วย ผมเองก็เคยไปกินอาหารที่ร้านโมริมิโตะ และชอบสไตล์การทำอาหารของเขา ในฐานะเชฟที่มีความคิดสร้างสรรค์ พอได้รับโอกาสดีๆ แบบนี้ ผมจึงรับไว้อย่างไม่ลังเล ผมคิดว่า ถ้าจะเรียนรู้วิชาการทำงานอาหารจากเชฟโมริโมโตะ ผมคงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี เพราะมีหลายเทคนิคที่น่าสนใจ แถมตัวผมเองก็ไม่ได้มีความรู้ในอาหารญี่ปุ่นมากนัก (หัวเราะ) ผมเคยได้มีโอกาสชิมลางทำอาหารญี่ปุ่นกับเชฟมิชลินสตาร์แค่ไม่กี่วันเท่านั้น”

สำหรับอนาคต อาร์โนด์ ตอบด้วยแววตามุ่งมั่นว่า เขาคิดว่าตลอดชีวิตนี้ เขาคงไม่นอกใจไปทำอาชีพอื่น จะขอเป็นเชฟไปตลอดชีวิต เพราะนี่คืออาชีพที่เขารัก และมีแพสชั่น

”ผมอยู่ที่ร้านอาหารทุกวัน ไม่มีวันหยุด เพราะผมเชื่อว่า ถ้าอยากให้อาหารทุกจานมีมาตรฐานแบบที่ผมวางไว้ ผมต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โชคดีที่นี่คืองานที่ผมรัก ผมจึงไม่เคยรู้สึกเหนื่อยสักนิด” เชฟอาร์โนด์ กล่าวทิ้งท้าย

อาร์โนด์ ดรูวีเย ปรุงอาหารด้วยหัวใจ

ทูน่าพิซซ่า

ส่วนผสม

1.ซาชิมิทูน่า 90 กรัม

2.แป้งตอร์ติญ่า 8 นิ้ว

3.หอมแดงสไลซ์

4.มะกอกคารามาตา

5.มะเขือเทศเชอร์รี่

6.ผักชี

7.พริกชี้ฟ้าเขียว

8.เกลือ

9.ซอสอัลลิยอลี แองโชวี่ มะกอก

วิธีทำ

1.นำแป้งตอร์ติญ่า ซึ่งนำมาใช้แทนแป้งพิซซ่าโดว์ มานวดเป็นแผ่น จากนั้นนำซอสอัลลิยอลี แองโชวี่ มาทาท็อปด้านบน แล้วนำไปอบจนกรอบ

2.ท็อปด้านบนด้วยซาชิมิทูน่าและส่วนผสมที่เหลือทั้งหมด ทั้งมะกอกคารามาตา มะเขือเทศเชอร์รี่ พริกชี้ฟ้าเขียวและเครื่องเคียงอย่างผักและหอมแดงแค่นี้ก็พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแล้ว