posttoday

มิตติ ติยะไพรัช ในวันที่พร้อมผงาด

07 กันยายน 2559

ชายหนุ่มอายุน้อยที่อาจหาญก่อตั้งสโมสรเชียงรายยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2552 เขามีตำแหน่งประธานสโมสรตั้งแต่อายุ 23 ปี

โดย...กองทรัพย์ ภาพ... วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

ชายหนุ่มอายุน้อยที่อาจหาญก่อตั้งสโมสรเชียงรายยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2552 เขามีตำแหน่งประธานสโมสรตั้งแต่อายุ 23 ปี และยาวนานมาถึงปัจจุบัน ชื่อของ “ฮั่น-มิตติ ติยะไพรัช” เป็นที่รู้จักดีในวงการฟุตบอล เรียกว่าตั้งแต่ก้าวแรกก็โดนถากถางเสียแล้ว ท่ามกลางเสียงปรามาสว่าพาทีมโตมาได้เพราะบารมีครอบครัว แต่เขาก็ผ่านเสียงวิพากษ์เหล่านั้นพาทีมเลื่อนชั้นจากดิวิชั่น 2 ขึ้นมาสู่ไทยพรีเมียร์ลีกได้ภายในเวลา 2 ปี และไม่เคยตกชั้นกลับไปเล่นในลีกรองอีกเลย

หนุ่มตี๋ดีกรีปริญญาโท จากคณะเศรษฐศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สร้างสโมสรจากศูนย์จนกลายเป็นศูนย์รวมใจของชาวเชียงราย สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้กับคนในท้องถิ่น เขาเป็นหนุ่มคนหนึ่งที่มอบโอกาสและแรงบันดาลใจให้กับเด็กที่มีความฝันที่อยากเป็นนักกีฬาฟุตบอล

“สิ่งดึงดูดทำให้มาทำทีมฟุตบอล อย่างแรกเพราะเป็นคนเชียงราย แล้วผมก็ชอบฟุตบอล ตอนอายุ 23 กำลังจะเรียนจบปริญญาโท ก็คิดว่าเราจะทำงานอะไร ประกอบกับตอนนั้นฟุตบอลยังเป็นเรื่องใหม่กับทุกคน ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ท้าทาย ก็เลยลองมาทำดู เปิดสโมสรมา 8 ปี เริ่มต้นจากระดับท้ายสุด ใช้เวลาหนึ่งปีขึ้นมาสู่ระดับกลาง หลังจากนั้นก็ใช้เวลาหนึ่งปีเพื่อขึ้นมาสู่ไทยพรีเมียร์ลีก

นอกจากนี้ ยังต้องสร้างนักฟุตบอลของตัวเอง ซึ่งปัจจุบันมีโครงการอะคาเดมี ซึ่งเป็นแนวทางที่สโมสรฟุตบอลระดับโลกที่ประสบความสำเร็จใช้กัน นอกจากจะได้นักเตะเก่งๆ ระดับแนวหน้าก็ต้องมีการสร้างนักเตะของตัวเองด้วย ซึ่งเชียงรายยูไนเต็ดเริ่มต้นระบบนี้ตั้งแต่เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ตอนนี้เรามีบุคลากรที่ทำงานและเด็กๆ ในอะคาเดมีประมาณ 120 คน เพื่อขึ้นสู่ระดับอาชีพ ปีที่แล้วมีนักฟุตบอลในอะคาเดมีติดทีมชาติในแต่ละรุ่นไปแล้วประมาณ 3 คน”

มิตติ ติยะไพรัช ในวันที่พร้อมผงาด

จากประสบการณ์การทำงานด้านฟุตบอลมาเกือบ 10 ปี มิตติ บอกว่า เขาพัฒนาและเติบโตขึ้นในทุกด้าน ทั้งในแง่การตั้งรับกับปัญหา และด้วยวิสัยทัศน์ด้านงานบริหารทีมฟุตบอลอาชีพ บวกกับทักษะความเป็นผู้นำที่กว่าจะได้รับการยอมรับต้องผ่านอะไรต่างๆ มามากกว่าคนหนุ่มวัยเดียวกัน “การเป็นผู้บริหารมา 8 ปี ผมเติบโตในทุกด้าน ทั้งในภาวะความเป็นผู้นำ มีประสบการณ์มากขึ้นทั้งในเรื่องฟุตบอลหรือการบริหารจัดการ ทุกเหตุการณ์ทำให้เราเติบโตขึ้น ทุกปีที่เกิดขึ้นทำให้เราแข็งแกร่งในทุกด้าน สิ่งที่ผมคิดว่ายากที่สุดก็คือการตัดสินใจที่จะเข้ามาบริหารปีแรกๆ อาจจะมีปัญหาเรื่องการสร้างฐานแฟนคลับ การสร้างให้เขาเข้าใจว่าทำไมต้องจ่ายเงินมาดูฟุตบอล”

เมื่อถามว่าความแตกต่างระหว่างธุรกิจฟุตบอลกับธุรกิจอื่นๆ คืออะไร นักบริหารหนุ่ม ตอบว่า ถ้าเปรียบเทียบกับธุรกิจอื่น ธุรกิจฟุตบอลคือเราต้องทำงานกับคน 100% “ซึ่งเป็นสิ่งยากที่สุด และสโมสรฟุตบอลเป็นธุรกิจที่ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ในช่วงเริ่มต้นเราค่อนข้างจะถีบตัวเองพอสมควร สุดท้ายพอขึ้นมาอยู่ในระดับไทยพรีเมียร์ลีก สิ่งที่ยากที่สุดคือการบริหารความกดดัน และความคาดหวังจากแฟนคลับฟุตบอล

เพราะว่าพอเราอยู่ในสนามที่การแข่งขันสูง ผมว่าธุรกิจฟุตบอล ทุกทีมที่ประสบความสำเร็จ สิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้คือการสร้างฐานแฟนบอล การที่เราจะมีแฟนคลับเข้ามาสนับสนุนฟุตบอล เราต้องมี
ผลงานที่ดี ไม่ว่าวันนี้ชัยชนะก็เป็นอดีตไปแล้ว เราต้องทำงานแมตช์ต่อไป แล้วเราต้องวางแผนตลอดเวลา ซ้อม และศึกษาคู่แข่งตลอดเวลาว่าเราจะเผชิญหน้ากับเขาแบบไหน”

ประธานสโมสรเชียงรายยูไนเต็ด ขยายภาพว่า ช่วงเวลาที่ดีที่จะสามารถเป็นแชมป์ได้ก็จะมีฐานแฟนคลับที่ค่อนข้างมั่นคง “หลังจากนั้นมันก็คงจะเหมือนกับการทำธุรกิจทั่วไป คือเราต้องพยายามทำให้ผู้บริโภคเกิดความสะดวกสบาย ง่ายที่จะเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้ได้มากขึ้น

มิตติ ติยะไพรัช ในวันที่พร้อมผงาด

 

การสร้างการมีส่วนร่วม เหมือนทีมเราเป็นสินค้าชิ้นใหญ่ ฟุตบอลคือธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งผลงานคือตัวชี้วัดแตกต่างจากธุรกิจอื่นๆ คือถ้าผลงานไม่ดีก็สร้างความผิดหวัง แฟนคลับก็น้อยลง และเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันคือความตื่นเต้นของการดึงฟุตบอลเข้ามา แต่เราก็ต้องทำผลงานให้ดีเพื่อให้แฟนๆ เข้ามาได้ตลอด ผมคิดว่าการบริหารจัดการสำคัญที่สุด โดยเฉพาะการบริหารจัดการคน โดยเฉพาะนักฟุตบอลจิตใจสำคัญที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับโค้ชด้วยว่าจะดึงศักยภาพของนักบอลออกมาได้มากน้อยแค่ไหน”

เพราะผ่านความผิดหวังและแรงเสียดทานในชีวิตมาค่อนข้างมาก ในช่วงหนึ่งหลังจากบริหารสโมสรมาระยะหนึ่ง หนุ่มฮั่นตัดสินใจสมัครเป็นทหารเกณฑ์เพื่อเพิ่มความอดทนและระเบียบวินัยให้ตัวเอง “ผมเป็นคนที่ทำงานจะทำเต็มที่ ผมมีความอดทน พยายามมากกว่าคนอื่น ผมมีวินัยสูงพอสมควร ผมคิดว่านี่คือข้อได้เปรียบที่ทหารมอบให้ผม”

มิตติ เผยมุมสบายอื่นๆ ให้ฟังว่า นอกจากดูหนังซูเปอร์ฮีโร่แล้ว เขาก็หายใจเข้าออกเป็นฟุตบอล 24 ชั่วโมง “ผมอยู่กับฟุตบอล ไลฟ์สไตล์ 90% ของผมคือฟุตบอล ทุกปีจะไปอังกฤษเพื่ออัพเดทแฟชั่นฟุตบอล เรื่องการเล่น การบริการลูกค้า ฟังก์ชั่นที่เราจะได้รับในฐานะแฟนคลับ และดูเกมฟุตบอล ศึกษาการเล่น ได้ทั้งบันเทิงและเพื่อศึกษาแนวทางการเล่นแบบใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น มันเยอะมากที่เราจะนำมาใช้ได้ นอกจากเชียร์ทีมโปรด (เชลซี) แล้ว ก็ยังต้องดูทีมอื่นๆ เพื่อศึกษาวิธีการโค้ชของทีมเก่งๆ”

ท้ายที่สุด ประธานสโมสรเชียงรายยูไนเต็ด ตั้งเป้าของทีมในการบริหารของตัวเองว่า “ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราลงทุนพัฒนาสโมสรอย่างหนักหน่วง เราวางเป้าหมายให้เป็นทีมระดับกลางตาราง สร้างสนามให้ผ่านมาตรฐานเอเชีย (AFC) เพื่อให้สนามเป็นสนามที่สามารถแข่งขันรายการใหญ่ๆ ได้ ในอนาคตทีมระดับเอเชียหรือทีมชาติไทยก็สามารถมาแข่งที่สนามของเราได้ โดยพยายามพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน ตลอดจนการสร้างแลนด์มาร์คให้เชียงราย คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะเห็นโฉมใหม่ของสนามเชียงราย”