posttoday

ดีไซเนอร์ไทยสไตล์อินเตอร์ ตะวันนา ธารา

13 กรกฎาคม 2559

หากพูดถึงดีไซเนอร์ชาวไทยที่มีฝีมือการออกแบบแบรนด์เสื้อผ้าระดับอินเตอร์ที่คนรู้จักดีก็มีอยู่ไม่กี่คนนัก

โดย...ภาดนุ

หากพูดถึงดีไซเนอร์ชาวไทยที่มีฝีมือการออกแบบแบรนด์เสื้อผ้าระดับอินเตอร์ที่คนรู้จักดีก็มีอยู่ไม่กี่คนนัก ซึ่งหนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ หนูใหม่-ตะวันนา ธารา ดีไซเนอร์สาวไฟแรงวัย 33 ปี ที่มีผลงานซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลและน่าจับตามองทีเดียว

“แรกเริ่มเดินทีหนูใหม่เรียนจบปริญญาตรี คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขานฤมิตศิลป์ (Fashion Design) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นได้ไปเรียนต่อด้านออกแบบแฟชั่นที่ Parsons School of Design ที่นิวยอร์ก ต่อด้วยเรียนเกี่ยวกับการทำแพตเทิร์นเสื้อผ้าที่ Fashion Institute of Technology ที่นิวยอร์กเช่นกัน แล้วจึงไปเรียนที่ Surface Embroidery Designs มหาวิทยาลัยเบอร์มิ่งแฮม ประเทศอังกฤษ ค่ะ

หลังจากเรียนจบหนูใหม่ก็เริ่มทำงานเกี่ยวกับการออกแบบพื้นผิวของตัวผ้าที่บริษัท เซอร์เฟซ เอ็มบอยเดอรี่ ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่ติดอันดับท็อป 10 ที่มีดีไซเนอร์ชื่อดังหลายคน เช่น ฟิลิป ลินส์ แอนนา ซุย และอื่นๆ มาใช้บริการให้ออกแบบลายปักหรือออกแบบเทคนิคของพื้นผิวผ้าให้ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น เพื่อนำไปทำคอลเลกชั่นเสื้อผ้าของแบรนด์พวกเขาอยู่เสมอ หลังจากนั้นหนูใหม่ก็ไปทำงานอีกบริษัทหนึ่งซึ่งเน้นงานเกี่ยวกับดีไซน์ล้วนๆ และทำเกี่ยวกับการรีเสิร์ชและสรุปเทรนด์จากทั่วโลก ซึ่งแบรนด์ต่างๆ จะมาใช้บริการข้อมูลจากบริษัทเราอีกทีว่าปีต่อไปเทรนด์เสื้อผ้าจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไร”

ดีไซเนอร์ไทยสไตล์อินเตอร์ ตะวันนา ธารา

 

หนูใหม่ บอกว่า เธอทำงานหาประสบการณ์ที่นิวยอร์กอยู่ 7 ปี ระหว่างนั้นก็มีโอกาสได้ไปอัพเดตงานนิทรรศการผ้าและงานนิวยอร์กแฟชั่นวีกเป็นระยะ ต่อมาเธอจึงสร้างสรรค์ผลงานแรกของตัวเองภายใต้ชื่อแบรนด์ “ธารา” (Thara) ขึ้นที่นิวยอร์กในปี 2006 แต่พอทำได้เกือบ 2 ปี เธอก็ตัดสินใจเดินทางกลับมาสร้างแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง พร้อมทั้งตั้งโรงงานผลิตขึ้นที่เมืองไทยแทน เนื่องจากค่าผลิตสินค้าที่นิวยอร์กนั้นแพงเกินไป

“พอกลับมาเมืองไทยหนูใหม่ได้ออกแบบเสื้อผ้าแบรนด์ Thea by Thara (เธีย บาย ธารา) คอลเลกชั่นสปริง-ซัมเมอร์ซึ่งเป็นคอลเลกชั่นแรกขึ้นในปี 2011 พอทำเสร็จก็นำไปพรีเซนต์ให้ผู้บริหารห้าง ดิ เอ็มโพเรียม ชม โชคดีว่าเขาตกลงให้เปิดช็อปขึ้นที่นี่เป็นที่แรก ซึ่งคอนเซ็ปต์ของเสื้อผ้าคอลเลกชั่นนี้จะเป็นสไตล์คอมเทมโพรารีที่มีกลิ่นอายของความเป็นเฟมินีนค่อนข้างเยอะ เพราะเราใส่ความเป็นเอเชียเข้าไปให้มีความหวานมากขึ้น ขณะที่แบรนด์ธาราซึ่งเคยทำที่นิวยอร์กนั้นจะมีกลิ่นอายความเป็นสตรีทแฟชั่นสไตล์อเมริกันซะมากกว่า

พอทำแบรนด์เธีย บาย ธารา ได้สักพักก็ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก เพราะเรามีหน้าร้าน มีแบรนดิ้ง ที่คนทั่วไปสามารถสัมผัสได้ จุดเด่นของแบรนด์อยู่ที่การผสมผสานระหว่างความเป็นเอเชียกับความเท่สไตล์นิวยอร์ก โดยใส่ความเป็นเฟมินีนที่มีความมินิมัลเข้าไปในคอลเลกชั่นเสื้อผ้านี้ จึงโดนใจสาวเอเชียมากๆ จะบอกว่าเราโชคดีก็ได้ เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่เศรษฐกิจดี คนมีกำลังซื้อเยอะ ทำให้เรียนรู้ว่าการเริ่มทำธุรกิจอะไรขึ้นมาสักอย่าง ต้องทำในช่วงที่เศรษฐกิจดี เพราะจะทำให้เราได้รับผลตอบรับที่ดีไปด้วย ไม่อย่างนั้นจะเป็นเรื่องยากสำหรับสตาร์ทอัพที่จะเริ่มต้นธุรกิจขึ้นมาสักอย่างนึง”

ดีไซเนอร์ไทยสไตล์อินเตอร์ ตะวันนา ธารา

 

สาวเก่ง บอกว่า ความโชคดีอีกอย่างคือเมืองไทยเป็นที่ที่มีบายเยอร์ (Buyer) จากแถบเอเชีย เช่น จีน เกาหลี ไต้หวัน และญี่ปุ่น บินมาดูคอลเลกชั่นเสื้อผ้าแบรนด์ต่างๆ ของดีไซเนอร์ไทยอยู่ตลอด เมื่อมีตัวแทนมาติดต่อแบรนด์เธีย บาย ธารา เธอจึงคิดว่าควรจะทำแบรนด์เพื่อส่งออกในตลาดเอเชียน่าจะดีที่สุด

“ตอนนี้แบรนด์ของเราเปิดสาขาทั้งที่ ดิ เอ็มโพเรียม สยามพารากอน สยามสแควร์วัน เซน (เซ็นทรัลเวิลด์) เซ็นทรัลลาดพร้าว และ ดิ เอ็มควอเทียร์ ซึ่งตอนนี้หนูใหม่จะโฟกัสไปที่ลูกค้าชาวเอเชียซะมากกว่า ฉะนั้นนอกจากช็อปสาขาในไทยแล้ว เรายังมีช็อปสาขาที่สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไต้หวันด้วยค่ะ

ถ้าจะให้จัดระดับว่าแบรนด์ของเราอยู่ระดับไหน ก็ขอบอกว่าอยู่ในระดับกลางๆ ขึ้นไปถึงไฮแบรนด์ค่ะ แต่ด้วยความที่ตอนนี้แบรนด์จากดีไซเนอร์ไทยยังไม่มีแบรนด์ไหนที่ก้าวไปถึงระดับไฮแบรนด์อย่างของต่างประเทศที่เขาทำกันจนกลายเป็นแบรนด์ในตำนาน หนูใหม่จึงขอใช้คำว่าตอนนี้แบรนด์ไทยยังอยู่ในช่วงที่แต่ละแบรนด์กำลังเริ่มสร้างตำนานของตัวเองก็แล้วกันค่ะ” (ยิ้ม)

ดีไซเนอร์ไทยสไตล์อินเตอร์ ตะวันนา ธารา

 

หนูใหม่ เสริมว่า ตอนนี้แบรนด์ของเธอก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว และธุรกิจก็กำลังไปได้สวยทีเดียว ซึ่งหลักในการทำงานของเธอ ก็คือ ทำงานในหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดและต้องไม่เดือดร้อนต่อหน้าที่ของคนอื่น แล้วทุกอย่างก็จะดำเนินไปได้ด้วยดี

“ยิ่งตอนนี้หนูใหม่มีลูกสาว 1 คน ชื่อน้องมิลลี่ แถมเร็วๆ นี้ก็จะคลอดลูกสาวอีก 1 คนด้วย จึงต้องจัดสรรเวลาในเรื่องงานกับเวลาของครอบครัวให้ดี ในวันธรรมดาหนูใหม่จะเข้าออฟฟิศไปเคลียร์งานในช่วงเช้าทุกวัน เนื่องจากเราเป็นเจ้าของบริษัทที่มีทีมงาน 20 คน เราก็ต้องไปดูแลให้ทีมงานสามารถสานต่องานต่อไปได้ รวมทั้งโรงงานผลิตเสื้อผ้าเราก็ต้องไปดูแลให้พนักงานสานต่องานได้ด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นก็จะเป็นเวลาที่ต้องอยู่กับครอบครัวแล้วค่ะ โชคดีว่าก่อนแต่งงานหนูใหม่ได้เซตอัพทุกอย่างไว้หมดแล้ว คนที่มาสานต่อหน้าที่ต่างๆ จึงสามารถทำงานต่อจากเราได้ทันที

ซึ่งรายละเอียดของงานที่ทำไว้ เป็นการคิดคอนเซ็ปต์และการออกแบบเสื้อผ้า โดยการสเกตช์แบบซะส่วนใหญ่ แต่ยุคนี้เราจะไปสเกตช์แบบลงบนกระดาษแบบเดิมๆ ก็จะเกิดความไม่สะดวกในหลายด้าน หนูใหม่จึงมีผู้ช่วยเป็นคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต รุ่น Surface Pro 4 ซึ่งมีปากกาสำหรับวาดรูปติดมาด้วย จึงสามารถสเกตช์แบบไว้ในคอมพ์ได้เลย ช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้น พกพาไปได้ทุกที่ นี่แหละคือข้อดีของเทคโนโลยีสมัยใหม่ค่ะ”

ดีไซเนอร์ไทยสไตล์อินเตอร์ ตะวันนา ธารา

 

หนูใหม่ ทิ้งท้ายว่า ในอนาคตเธอตั้งใจจะขยายสาขาของแบรนด์เธีย บาย ธารา ในประเทศแถบเอเชียให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเมืองไทยน่าจะเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มที่แคบกว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชีย

“หนูใหม่คิดว่าปีนี้จะเน้นทำการตลาดในประเทศจีนเพราะเป็นตลาดใหญ่ที่สุด ซึ่งจริงๆ แล้วทุกวันนี้ลูกค้าจากจีนก็บินมาออร์เดอร์สินค้าแบรนด์เราเยอะอยู่แล้ว แต่เพราะกำลังผลิตของเราทำให้ไม่ทัน เลยมีความคิดว่าจะขยายการผลิตเพิ่มขึ้นค่ะ

สำหรับคนที่คิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจเสื้อผ้าแบรนด์เนม นอกจากต้องมีการทำพีอาร์และทำการตลาดที่ดีแล้ว สินค้าที่ทำออกมายังต้องมีคุณภาพสูงสุดที่เราต้องให้ความใส่ใจ และต้องเข้าใจในเรื่องการทำแบรนดิ้งด้วย ซึ่งคนที่เริ่มต้นทำธุรกิจแต่ละคนก็จะมีเรื่องราวที่ไม่เหมือนกัน สังเกตได้ว่าคนไทยส่วนใหญ่จะมีความครีเอทีฟ และมีความเป็นอาร์ติสต์สูง แต่ในแง่ของการทำธุรกิจที่มีอยู่ในตัวนั้นจะค่อนข้างน้อย

ดังนั้น ในการทำธุรกิจจึงไม่ควรมีแค่ความอยากจะทำอย่างเดียว แต่ต้องมีความรู้รอบตัวทั้งด้านการบริหาร ด้านการตลาด การทำบัญชี รวมทั้งการออกแบบควบคู่กันไปด้วย จากนั้นค่อยเซตอัพให้ทุกอย่างอยู่ตัว แล้วจึงหาคนที่สามารถสานต่องานที่เราไม่ค่อยถนัดมารับหน้าที่ต่ออีกที ซึ่งเขาต้องทำได้ดีกว่าเรานะ แล้วธุรกิจก็จะดำเนินไปได้ด้วยดีค่ะ”