posttoday

เศรษฐีน้อยอสังหาฯ รวิโรจน์ อัมพลเสถียร

11 พฤษภาคม 2559

นักธุรกิจหนุ่มหน้าตาดีวัย 32 ปี รวิโรจน์ อัมพลเสถียร หรือ โรจน์ เรียนจบด้านเภสัชกร จากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

โดย...ภาดนุ ภาพ... ทวีชัย ธวัชปกรณ์

นักธุรกิจหนุ่มหน้าตาดีวัย 32 ปี รวิโรจน์ อัมพลเสถียร หรือ โรจน์ เรียนจบด้านเภสัชกร จากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล แต่มาจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สร้างอพาร์ตเมนต์ให้คนเช่า จนประสบความสำเร็จกลายเป็นนักอสังหาฯ ระดับร้อยล้าน

“เส้นทางสู่ธุรกิจอสังหาฯ ของผมได้ถูกปูทางมาตั้งแต่ผมยังเรียนเภสัชอยู่ปี 1-ปี 2 แล้วครับ อันที่จริงผมไม่ชอบเรียนด้านเภสัชหรอก แต่เรียนเพราะตามใจพ่อแม่ ผมจะชอบศึกษาในเรื่องการลงทุนซะมากกว่า เช่น การเล่นหุ้น และการลงทุนอสังหาฯ ซึ่งช่วงนั้นผมได้อ่านชีวประวัติของเศรษฐีคนดังทั้ง โซอิจิโร่ ฮอนด้า ลี กาชิง วอร์เรน บัฟเฟตต์ และบิล เกตส์ อ่านแล้วผมรู้สึกประทับใจว่าทุกคนไม่ได้ร่ำรวยมาตั้งแต่ต้น แต่พวกเขาสร้างเนื้อสร้างตัวมาด้วยตนเอง แถมยังใช้ชีวิตและทำในสิ่งที่ต้องการได้อย่างมีความสุข ผมจึงได้แรงบันดาลใจจากตรงนี้”

โรจน์บอกว่า ตอนเรียนเภสัชเขายังนึกในใจว่า ถ้าเรียนจบไปคงไม่ทำงานเป็นเภสัชกรแน่นอน เพราะไม่ใช่สิ่งที่ใจปรารถนา เมื่อหาความชอบเจอแล้ว โรจน์จึงขยันและอดทนเรียนไปด้วย พร้อมทั้งทดลองทำธุรกิจแรกไปด้วย นั่นคือการทำน้ำขิงผงชนิดชงน้ำร้อนแบบซองออกมาขาย แต่ทำได้สักพัก ไม่ถึงกับขาดทุน เมื่อต้นทุนน้ำตาลแพงขึ้นจึงหยุดทำไป

“หลังจากลองทำธุรกิจแรกแล้ว ผมยังรู้สึกว่าตัวเองขายของไม่ค่อยเก่ง จึงลองมาขายประกันชีวิตเพื่อเพิ่มทักษะในการขาย ซึ่งช่วยให้ผมเรียนรู้ในเรื่องวางแผนการเงิน ทำให้ผมกล้าพูดกล้าคุยกับคนอื่น จนทำยอดได้ดี ผมจึงบอกกับพ่อแม่ว่าต่อไปนี้ผมจะจ่ายค่าเทอมเองนะ พ่อแม่ไม่ต้องห่วง ยังไงผมต้องเรียนให้จบแน่นอน

เศรษฐีน้อยอสังหาฯ รวิโรจน์ อัมพลเสถียร

 

“พอขายประกันได้สักพักก็เริ่มมีเงินเก็บห้าหมื่นบาท ผมจึงตัดสินใจนำเงินเก็บไปลงทุนในหุ้น เรียกว่าช่วงพักจากคาบเรียนนี่ผมจะเช็กหุ้นที่หน้าจอคอมพ์ตลอด ตอนหุ้นขึ้นได้เงินมาก็ดี แต่พอหุ้นตกเสียเงินไปก็นอนไม่หลับเลย ผมจึงหันมาอ่านหนังสือเรื่องการลงทุนอย่างจริงจัง นั่นคือการลงทุนระยะยาว แทนที่เราจะไปซื้อขายหุ้นตามที่คนอื่นเชียร์หรือตามที่เป็นข่าว ก็เปลี่ยนมาซื้อหุ้นจากการวิเคราะห์ว่าธุรกิจนั้นจะเติบโตและไปได้ไกล” เมื่อทราบแนวคิดที่ถูกต้องแล้ว โรจน์ก็เริ่มลงทุนอย่างจริงจังโดยเลือกซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มที่ดี ทำให้พอร์ตการลงทุนเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนคนในครอบครัวพากันนำเงินมาเปิดพอร์ตซื้อหุ้นโดยให้โรจน์ช่วยดูแลให้

“วันหนึ่งรุ่นพี่ผมคนนึงก็ชวนไปดูคอนโดที่เขาจะซื้อไว้ลงทุน นอกจากคอนโดแล้วรุ่นพี่คนนี้ยังสร้างอพาร์ตเมนต์ให้เช่าด้วย เขาทำให้ผมได้รู้จักกับการทำธุรกิจแบบ Passive Income คือมีรายได้จากค่าเช่าโดยให้เงินทำงานให้เรา รู้แบบนี้ผมจึงขายหุ้นส่วนหนึ่ง แล้วนำเงินไปซื้อคอนโดที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าโซนอ่อนนุชเมื่อสิบกว่าปีก่อนเพื่อลงทุน

“โชคดีว่าการลงทุนอสังหาฯ ครั้งแรกของผมได้รับผลตอบแทนที่ดีมาก จนพ่อแม่และญาติก็ไปซื้อคอนโดเพื่อลงทุนบ้าง แล้วพอขายต่อก็ได้กำไรกันทุกคน ตอนนั้นผมเรียนอยู่ปี 3 ปี 4 แต่มีเงินเก็บเป็นล้านบาทเลย จากนั้นผมก็ค่อยๆ ลงทุนเพิ่ม โดยซื้อหุ้นเพิ่มบ้างจนเริ่มมีเงินมากขึ้นเรื่อยๆ”

โรจน์บอกว่า ช่วงที่เขาใกล้จะเรียนจบ ป.ตรี ครอบครัวได้ย้ายจากบ้านเก่าเพื่อจะไปปลูกบ้านหลังใหม่บนที่ดินของครอบครัวแถวถนนศรีนครินทร์ โดยคิดจะสร้างบ้านขนาด 200 ตร.ว. บนที่ดินผืนนั้น

“ตอนนั้นผมจึงเสนอไอเดียกับคุณพ่อว่า เป็นไปได้ไหม ถ้าผมจะสร้างอพาร์ตเมนต์ให้เช่าบนที่ดินนี้ โดยครอบครัวเราอาศัยอยู่ชั้นบนสุด ก็เหมือนกับว่าเราปลูกบ้านที่คนอื่นสามารถเข้ามาเช่าอยู่ได้ แถมยังได้ค่าเช่ามาผ่อนค่าสร้างอพาร์ตเมนต์ให้เราด้วย ซึ่งหลังจากผ่อนหมดก็จะมีรายได้จากค่าเช่าแบบเต็มๆ

เศรษฐีน้อยอสังหาฯ รวิโรจน์ อัมพลเสถียร

 

“สรุปว่าพ่อไม่เห็นด้วย เพราะมีการลงทุนสูงมาก ใช้เงินหลายสิบล้านบาท ซึ่งสมัยนั้นถือว่าเป็นเงินมหาศาล ผมงี้น้ำตาไหลพรากเลย แต่คุณแม่ก็มาพูดว่า ถ้าอยากทำจริงๆ ก็ลองนำโฉนดที่ดินไปขอกู้เงินกับธนาคารดูสิ แต่หลังจากผมเข้าไปคุยกับ 3 ธนาคาร โดยนำแผนธุรกิจไปให้เขาดูด้วย ก็ได้คำตอบเหมือนกันว่าไม่มีนโยบายให้กู้ อาจเพราะผมเด็กเกินไป เลยดูไม่น่าเชื่อถือ

“ผมจึงกลับมาเขียนแผนธุรกิจใหม่แล้วไปติดต่อธนาคารที่ 4 โดยบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า ผมกำลังจะมารับช่วงต่อธุรกิจของคุณพ่อโดยมีครอบครัวสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง จึงอยากขอกู้เงินเพื่อสร้างอพาร์ตเมนต์ให้เช่า เท่านั้นแหละ เจ้าหน้าที่แบงก์เลยขอดูแผนธุรกิจ ผมเลยบอกว่างั้นขอนัดมาคุยพร้อมกับครอบครัวเลยดีกว่า ปรากฏว่าคุณพ่อก็ต้องยอม แถมธนาคารยังให้วงเงินกู้ถึง 20 ล้านบาท”

ทุกอย่างดูเหมือนจะง่าย แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะจากเดิมที่คิดจะทำอพาร์ตเมนต์แค่ 4 ชั้น พอลงมือสร้างจริงกลับทำไปถึง 6 ชั้น เรียกว่าใช้เงินกู้ที่ได้มาแบบเต็มที่และคาดหวังว่าจะมีผู้เช่าเต็มทุกห้อง

“ด้วยความที่ตอนนั้นผมยังอายุน้อย แถมยังขาดประสบการณ์ในการบริหาร บัญชีก็ทำไม่เป็น แม้จะมีพ่อแม่มาช่วย แต่การสร้างตึกหลายชั้นเกินไป ทำให้งบที่ตั้งไว้บานปลายไปเยอะมาก ก่อสร้างไม่จบ ผู้รับเหมาทิ้งงาน เจอแบบนี้ผมก็อึ้งไปเลย แต่ก็ตั้งสติโดยหาทีมทนายมาฟ้องร้องผู้รับเหมาเจ้าเก่า แล้วมองหาผู้รับเหมารายใหม่

เศรษฐีน้อยอสังหาฯ รวิโรจน์ อัมพลเสถียร

 

“ช่วงนั้นผมเรียนจบแล้วและทำงานเป็นเซลส์ขายยารักษาโรคไปด้วย แม้จะรายได้ดีมาก แต่การที่ต้องทำงานไปด้วย แล้วเอาเงินมาโปะหนี้ธนาคารไปด้วย ก็ทำให้ผมแทบแย่เหมือนกัน ผมจึงขอรีไฟแนนซ์และแก้ปัญหาแบบไม่ค่อยได้หลับได้นอนอยู่หลายเดือนจนถูกหามส่งโรงพยาบาลเลย”

โรจน์เสริมว่า หลังจากแก้ปัญหาจบ พอตึกสร้างเสร็จก็หวังว่าจะมีผู้เช่าเกินครึ่ง แต่ปรากฏว่ามีผู้เช่าแค่ 4 ห้อง เขาจึงลาออกจากการเป็นเซลส์ขายยาเพื่อลงมาแก้ปัญหาแบบเต็มตัว โดยใช้เฟซบุ๊กเป็นสื่อให้คนทั่วไปได้เห็นอพาร์ตเมนต์ การตกแต่งห้อง รวมทั้งโลเกชั่น ซึ่งก็ใช้เวลาถึงครึ่งปีทุกอย่างจึงค่อยๆ ดีขึ้น แต่ก็ยังต้องหมุนเงินจ่ายหนี้ไปเรื่อยๆ ทำอยู่อย่างนี้ 2 ปี ทุกอย่างจึงลงตัว

“จากนั้นมาผมก็เริ่มขยายธุรกิจโดยเปิดอพาร์ตเมนต์เฟสที่ 2 ที่ผมกล้าขยายธุรกิจต่อ เพราะคิดว่าตัวเองเจอปัญหาหนักที่สุดในชีวิตมาแล้ว เมื่อมีประสบการณ์แล้ว ผมจะไม่ยอมให้ตัวเองเจอปัญหาแบบที่ผ่านมาอีกเด็ดขาด ปัจจุบันนี้ผมมีอพาร์ตเมนต์ให้เช่าถึง 5 ตึก โดยตึก 1-3 อยู่แถวศรีนครินทร์ ส่วนตึก 4-6 อยู่แถวสุขุมวิท

“ต่อมาผมก็เริ่มแชร์เรื่องราวของผมให้เพื่อนๆ ในวงการได้รู้ข้อมูลกันในกลุ่มเล็กๆ ทั้งเรื่องการซื้อคอนโดให้เช่าหรือขายต่อ ซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไร สร้างตึกให้เช่า และการซื้อขายหุ้น จนกลายเป็นการจัดสัมมนาที่มีคนเข้าร่วมถึง 50 คน และต่อยอดเป็นธุรกิจจัดสัมมนาในที่สุด ซึ่งตอนนี้ผมก็มีทีมงานที่มีความรู้มาช่วยจัดสัมมนาหลายคน ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว”

หลังจากนั้นโรจน์ก็ได้รับเชิญให้ไปบรรยายตามสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ จนได้ออกพ็อกเกตบุ๊กชื่อ “ปั๊มเงินด้วยอสังหาฯ ไว้ใช้ตลอดชาติ” เล่มแรก ซึ่งถ่ายทอดประสบการณ์ทั้งหมดที่ได้พบเจอมา พร้อมทั้งแผนธุรกิจเพื่อการกู้แบงก์ด้วย จนเป็นหนังสือขายดีที่สุดด้านธุรกิจในร้านซีเอ็ด ทำให้เขาถูกตั้งฉายาว่าเศรษฐีน้อยอสังหาฯ จนเป็นที่มาของพ็อกเกตบุ๊กเล่มสอง “สร้างเครื่องผลิตเงินอัตโนมัติที่ใครก็ทำได้” ล่าสุดได้วางแผงไปเรียบร้อยแล้ว

“ปัจจุบันนี้ผมทำธุรกิจหลากหลาย มีทั้งธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจซื้อขายหุ้น ธุรกิจสัมมนา-วิทยากร เปิดสำนักพิมพ์ทำหนังสือเสียงให้ความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจ รวมทั้งธุรกิจออนไลน์ให้ความรู้ด้านการลงทุน ซึ่งมีทั้งดาวน์โหลดฟรีและเสียเงินครับ ถ้าถามว่าตอนนี้ผมประสบความสำเร็จหรือยัง ก็ขอตอบว่าผมเดินมาได้ครึ่งทางแล้วครับ อีกครึ่งทางผมแพลนไว้ว่าอยากจะนำธุรกิจของผมเข้าไปสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯให้ได้ ซึ่งตอนนี้ผมก็กำลังคิดโมเดลและพยายามจะทำให้สำเร็จต่อไป”