posttoday

คริสติน่า อากีล่าร์ #แม่ก็คือแม่

12 เมษายน 2559

ในที่สุด ควีนออฟแดนซ์ของเมืองไทย คริสติน่า อากีล่าร์ ก็ได้มีคอนเสิร์ตใหญ่สมการรอคอยของแฟนๆ อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ห่างหายไปนานกว่า 5 ปี

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร ภาพ...กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร

ในที่สุด ควีนออฟแดนซ์ของเมืองไทย คริสติน่า อากีล่าร์ ก็ได้มีคอนเสิร์ตใหญ่สมการรอคอยของแฟนๆ อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ห่างหายไปนานกว่า 5 ปี กับคอนเสิร์ต คริสติน่า คิงดอม ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 21-22 พ.ค. ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ และวันนี้ ผมก็มีโอกาสได้พูดคุยกับเธอแบบใกล้ชิด ด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง

“กับการห่างหายจากคอนเสิร์ตใหญ่ไป 5 ปี ระหว่างนี้ก็มีไปแจมกับคนนั้นคนนี้บ้าง ถือเป็นการวอร์มตัวเองไปในตัวด้วย ทำให้เรารักษาอารมณ์และมู้ดที่อยู่บนเวทีไว้ด้วย ส่วนน้ำหนักมันก็มีช่วงสมบูรณ์มากสมบูรณ์น้อย ติ๊นาก็ต้องออกกำลังกาย และควบคุมอาหาร ก็จะกินพวกคลีนฟู้ด กินแป้งน้อยมาก แต่มื้อเย็นไม่มีแป้งเลย แต่ด้วยความที่เราทำงาน บางที มื้อเย็น ก็จะกินพวกอาหารญี่ปุ่น กินปลาดิบ ให้มีโปรตีนเข้ามาเสริม ติ๊นาชอบกินอาหารญี่ปุ่นมาก (ยิ้ม) ส่วนการออกกำลัง ช่วงนี้ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 5 วัน และดูแลเรื่องอาหารการกินมากเป็นพิเศษ ใครอย่าพยายามชวนไปกินอาหารนอกบ้านโดยเด็ดขาด เพราะกำลังไดเอตอยู่”

คริสติน่า อากีล่าร์ #แม่ก็คือแม่

 

นอกจากจะดูแลตัวเองในด้านของร่างกายแล้ว ด้านจิตใจ เธอมักอยู่ใกล้ชิดกับหลานๆ ทำให้เธอมีความสุขและสนุกไปด้วยในตัว “หลานๆ เรียกติ๊นาว่า ตาต๊า เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ป้า แต่ฟังดูดีกว่าป้านิดนึง (หัวเราะ) ส่วนใหญ่จะพาหลานไปกินข้าว ดูหนังการ์ตูนบ้าง ไปนอนกับเขาที่บ้านของเขาบ้าง หรือเขามานอนกับติ๊นาที่บ้านของติ๊นาบ้าง เขาชอบให้เราเล่านิทานให้ฟัง โดยต้องแต่งเรื่องเอง เราก็ไม่รู้จะแต่งอย่างไร เขาบอกไม่ชอบนิทานเศร้าๆ โดยเฉพาะเรื่องความตาย ถ้าพูดถึงเรื่องความตาย เขาจะร้องไห้ หลานคนโตเคยบอกว่าไม่อยากให้ติ๊นาตาย พูดแล้วก็น้ำตาซึม เซนซิทีฟมาก มีอยู่ครั้งหนึ่งเคยพาหลานๆ ไปดูคอนเสิร์ตของพี่เบิร์ด แล้วพี่เบิร์ดร้องเพลงถึงแม่ของพี่เบิร์ด เขาถามติ๊นาว่าแม่พี่เบิร์ดอยู่บนสวรรค์แล้วใช้มั้ย พูดจบน้ำตาก็ซึม และบอกว่า เขาไม่อยากให้ติ๊นาตาย ส่วนหลานคนเล็กนี่บู๊มาก (หัวเราะ)”

เวลาเกิดเรื่องกระทบใจ คริสติน่า เผยว่า เธอใช้ความเข้าใจในการรับมือ “เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเรา มันมีเหตุผลหมด เราเลยปล่อยวางเร็ว หันมาใช้ชีวิตในแต่ละวันให้มีความสุข ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ดูแลคนใกล้ตัวทั้งพ่อแม่ น้องสาว หลานๆ ของเราให้ดีที่สุดดีกว่า”

คริสติน่า อากีล่าร์ #แม่ก็คือแม่

 

สำหรับบทบาทการทำงาน ใครหลายคนคงอยากเห็นผู้หญิงคนนี้เล่นละครบ้าง คริสติน่า เผยว่า ไม่ใช่โอกาสมาแล้วจะคว้าไว้ทุกอย่าง เราถนัดตรงไหน เราต้องโฟกัสตรงนั้น อย่างละคร เคยมีคนมาทาบทาม แต่ติ๊นารู้สึกว่ามันไม่ใช่ แต่ถ้ามีบทดีๆ เข้ามา ก็ขอดูก่อนว่าเราทำแล้วทำได้ดีมั้ย ถ้าไม่ได้ดี ก็ไม่รับเล่น แต่ถ้ามีการเทรนอย่างจริงจัง ก็ไม่แน่ อาจจะลองดู พี่เบิร์ดเคยบอกว่าติ๊นาเล่นละครไม่ได้หรอก เพราะมัน
เหนื่อยมาก ทำงานทั้งวัน ทำจนดึกดื่น ทำงานเอาต์ดอร์ เจอห้องน้ำไม่สะอาด เจอตุ๊กแก พี่เบิร์ดพูดซะจนเราไม่อยากเล่นเลย (หัวเราะ)”

กับความเป็นควีนออฟแดนซ์มาอย่างยาวนาน แต่ยังไม่มีใครมาแทนที่ คริสติน่าพูดจากใจจริงว่า จริงๆ แล้วมีคนเก่งๆ เยอะ เพียงแต่ช่วงเวลาของเขาเหล่านั้นอาจจะยังไม่ใช่ หรือไม่ได้นำพาพวกเขาให้ไปถึงจุดนั้น “ติ๊นาไม่ใช่คนเต้นเก่ง แต่ชอบเต้น อาศัยความขยันในการฝึกซ้อม คนที่จะก้าวมาสู่จุดนี้ได้ ต้องมุ่งมั่น ตั้งใจจริง ขยันฝึกซ้อม ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไม่ยึดตัวเองเป็นหลัก ที่ต้องให้ทุกคนมาตามเรา ดูแลเรา เราต้องมีวินัยในการดูแลตัวเอง อย่างติ๊นาเป็นคนที่ทำอะไรแล้วต้องทำให้ได้ ต้องเป๊ะ”

คริสติน่า อากีล่าร์ #แม่ก็คือแม่

เมื่อพูดถึงเรื่องความรัก คริสติน่า เผยว่า ตอนนี้เธอไม่ได้หวัง รู้สึกเฉยๆ แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง “ถ้ามีดีๆ ก็เปิดโอกาส ถ้าเข้ามาแล้วไม่ใช่ ก็ไม่เอาเลย อยู่อย่างนี้สบายกว่าเยอะ ติ๊นาว่าตัวเองเป็นคนมีข้อแม้เยอะเกินไป เลือกเยอะ ถ้าถามว่าเรามีโมเมนต์ที่ตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมเรายังไม่มี เวลาไปไหนกับคนมีคู่ ก็แอบนอยด์ แต่มันก็เป็นแค่ช่วงเวลาแป๊บเดียว

ติ๊นาชินกับการไปไหนคนเดียว หรือไปกับน้องสาว ไปกับหลานๆ เรื่องแฟน ถ้าตั้งใจหาคงไม่ดี อยู่เฉยๆ ดีกว่า ถ้ามีก็ดี ถ้าไม่มีก็ไม่เดือดร้อน ไม่ลำบาก ออกจะแฮปปี้มากๆ ติ๊นาค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูง อยู่บ้านนี่อยู่แต่ในห้อง ทำนั่น โน่น นี่ ไม่คุยกับใครเลย มีความสุขดีนะ

ถ้ามีผู้ชายเข้ามา ต้องทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ถ้าฉุดให้เราแย่ลง ไม่เอาเลย แต่ถ้ามีดีๆ ก็เข้ามาได้นะไม่ได้ปิด แต่ต้องดีจริงๆ นะ ต้องเอาติ๊นาให้อยู่หมัด (หัวเราะ) แต่ถ้าเป็นเด็กเข้ามา เขาต้องมีความเป็นผู้นำนะ แต่เด็กมากก็ไม่ไหว อยากมีแฟน ไม่ได้อยากมีลูก (หัวเราะ) ขอผู้ชายที่มีความเป็นผู้นำ”

คริสติน่า อากีล่าร์ #แม่ก็คือแม่

 

ยามว่าง คริสติน่ามักจะทำสวน เลี้ยงนก ทำความสะอาดบ้าน “ชีวิตก็เหมือนคนปกติทั่วไป เวลาทำงาน เราคือคริสติน่า แต่อยู่บ้านก็คือคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง ล้างจงล้านจาน ล้างห้องน้ำ ขัดห้องน้ำ ทำกับข้าว แม่บ้านแม่เรือน หายากนะ แบบนี้ (หัวเราะ)”

สำหรับการดำรงชีวิต คริสติน่า บอกเล่าว่า เธอมักศึกษาในหลักธรรมคำสอนของศาสนาต่างๆ แล้วนำมาปรับใช้กับชีวิต “ติ๊นาเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ศาสนาพุทธสำหรับติ๊นาคือปรัชญา ที่สอนวิธีคิด วิธีการดำรงชีวิตที่ดีให้แก่เรา ติ๊นาชอบเข้าวัดนะ เวลาอยู่ในนั้นแล้วรู้สึกตัวเบา อาจมีคนตั้งคำถามว่าภาพแบบนั้นมันขัดกับภาพเซ็กซี่ของติ๊นามั้ย คิดว่าไม่ เราต้องรู้จักแยกแยะ เรื่องงานกับเรื่องการเรียนรู้หลักธรรม อย่างหลักธรรมของพุทธ เมื่อติ๊นานำมาปรับใช้ มันทำให้เราคิดได้ คลายเร็ว ทำให้เราหายเหนื่อย ทำให้เราไม่เอาใจไปหมกหมุ่นอยู่กับสิ่งใดจนทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ ก็พยายามฝึกนะ ของอย่างนี้ต้องฝึก ไม่ใช่รู้แล้วทำได้เลย”

คริสติน่า อากีล่าร์ #แม่ก็คือแม่

 

แฟนคลับของคริสติน่านั้น เห็นหน้าค่าตากันมาตั้งแต่ชุดแรก ใส่ชุดนักเรียน จนทำงาน มีครอบคัรว มีลูก “เราต่างไม่ใช่แฟนเพลงกับนักร้อง เราคือคนในครอบครัวเดียวกัน ทุกเรื่องราวชีวิต เราต่างเกี่ยวกันพัน แฟนคลับเหมือนครอบครัวหนึ่งของติ๊นา ตอนนี้ก็มีฐานแฟนคลับเป็นรุ่นลูกแล้ว (หัวเราะ) กับแฟนคลับที่เป็นลูกสาว ก็มีเยอะมาก เวลามีคอนเสิร์ต ลูกสาวจัดเต็มกันมาก เวลาเล่นคอนเสิร์ตแล้วมองออกไปเห็นเขาจัดเต็ม ทำให้เรามีพลังจนต้องจัดเต็มคืนกลับไป เขาสุภาพ เป็นเด็กดี กับนิยาม #แม่ก็คือแม่ ที่บรรดาลูกสาวเรียกขานกัน ก็คงเรียกๆ กันมา เราก็รู้สึกว่า เขารักเรา เขาถึงเรียกเราอย่างนั้น ติ๊นาเชื่อว่า เวลาติ๊นาแสดงบนเวที ติ๊นามีความเป็นผู้หญิงที่เกินความเป็นหญิง เขาอาจจะชอบเราตรงนั้นก็ได้”

ผมถามคริสติน่าไปตามตรงว่า เธอเคยคิดที่จะแขวนไมค์มั้ย เธอนิ่ง เงียบ พร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนตอบ “มันต้องมีวันนั้นนะ แต่จะเมื่อไหร่ บอกไม่ได้จริงๆ ตอนที่ติ๊นามีอายุประมาณนึง ก็เคยคิดเลิกร้องเพลง แต่พอถึงตรงนั้นจริงๆ เราก็ยังทำงานได้ จนทำให้คิดว่าทำไมเราต้องจำกัดการทำงานตอนอายุเท่านั้นเท่านี้ เราต้องฟังตัวเราเองว่า เรายังทำได้อยู่หรือเปล่า แต่ถ้าเราดูแลสุขภาพ มีวินัยในการทำงาน ติ๊นาเชื่อว่า เราก็ยังทำไปได้เรื่อยๆ แต่คงไม่ใช่ 70 แล้วยังมาเต้นอยู่ เราอาจไปทำงานเบื้องหลังก็ได้แต่งานคอมเมนเตเตอร์คงไม่ ติ๊นาไม่ชอบคอมเมนต์คน ก็มีคนชวนนะ แต่ไม่เอา สงสารเด็กๆ ให้คนที่ฝีปากเก่งๆ เขาทำกันดีกว่า”

ท้ายสุด ควีนออฟแดนซ์ของเมืองไทย เผยว่า เธอขอทำทุกวันให้ดีที่สุด และมีความสุขกับสิ่งที่ทำ “อันนี้สำคัญ ถ้าเราไม่มีความสุข เราก็ทำสิ่งไหนได้ไม่ดี”