posttoday

ศิวัช ตรงปณิธาน ธุรกิจรุ่นสาม ตามเทคโนโลยีให้ทัน

28 กรกฎาคม 2558

ว่าที่บัณฑิตจากคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ภาควิชาโยธา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

โดย...ปอย ภาพ : วิศิษฐ์ แถมเงิน

ว่าที่บัณฑิตจากคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ภาควิชาโยธา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ศิวัช ตรงปณิธาน บอกวางแผนเป็น “เถ้าแก่” สานต่อกิจการร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างทันทีที่เรียนจบปริญญาตรี ธุรกิจนี้เป็นกิจการที่บุกเบิกมาตั้งแต่ยุคคุณปู่ และในรุ่นสองของคุณพ่อ เมื่อมาถึงรุ่นที่สามในรุ่นของเขา งานค้าขายก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายสำหรับคนรุ่นใหม่ แต่ก็ไม่ยาก เพียงมีฝันและสร้างเป้าหมายให้แข็งแกร่ง

ศิวัช บอกว่า การเลือกเรียนโยธา ก็เพื่อกลับมาสานต่องานที่บ้านแน่อยู่แล้ว และในเวลานี้หนุ่มหน้าหยกก็มีอีกหน้าที่กับการเป็นครูฝึกสอนตามคณะครุศาสตร์ตามที่ร่ำเรียนมา “อาจารย์คุ้ง-ศิวัช” จึงเป็นคำเรียกขานของบรรดาลูกศิษย์ที่ดูหน้าตาและเทียบช่วงวัยแล้วก็ไม่ห่างชั้นไล่เลี่ยกันเลยทีเดียว เขาบอกว่าเป็นสองงานที่สนุก ท้าทาย ซึ่งในอนาคตถ้ามีโอกาสได้ทำงานทั้งสองอย่าง ก็ถือว่าได้ชีวิตงานที่แฮปปี้

‘อาจารย์คุ้ง’ ครูมาดนิ่งของเด็กช่าง

บุคลิกการพูดจาชัดเจน มาดนิ่ง ดูเป็นหนุ่มเรียบร้อย แต่จากคำบอกเล่า ศิวัช บอกว่า จุดผกผันในชีวิตเคยเป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อน แม้ว่าตอนนี้กำลังลุ้นว่าจะได้เป็นบัณฑิตเกียรตินิยม แต่เมื่อย้อนไปชีวิตเกือบพลาดเรียนไม่จบมัธยมปลาย

“ผมเคยเกเรตอนมัธยมที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม เป็นเด็กไม่ตั้งใจเรียน เพิ่งมาแอ็กทีฟก็ตอนใกล้ๆ เอนทรานซ์ ม.5 ม.6 เมื่อก่อนติดเกมมากๆ ครับ โดดเรียนไปเล่นเกม ติดเพื่อนด้วยครับเพราะต้องเล่นเป็นทีมรวมกัน 5 คน เล่นเกมดอทเอ ช่วยกันวางแผนทำลายฐานที่มั่นของศัตรู เล่นได้ไม่เบื่อ ข้อดีคือได้การทำงานเป็นทีม ส่วนข้อเสียมีแน่ๆ ครับ ถ้าเราแบ่งเวลาไม่ดีก็จะกระทบหลายๆ อย่าง ตื่นไม่ทันเรียน ง่วงไม่มีสมาธิ ตอนนั้นผมติดในระดับเล่นเป็นกิจวัตรประจำวันเลย

ศิวัช ตรงปณิธาน ธุรกิจรุ่นสาม ตามเทคโนโลยีให้ทัน

ใบเกรดออกมา คุณแม่เสียใจตลอดเลยครับ แล้วจุดพีกที่ทำให้ท่านร้องไห้เลย คือ ตกไป 3 วิชา เริ่มรู้สึกตัวและอยากเปลี่ยนตัวเองหันมาตั้งใจเรียน โดยมีเป้าหมายว่าอยากสวมครุยรับปริญญาถ่ายรูปกับครอบครัว อากง อาม่า ท่านก็รอเราอยู่

ก็เลยเข้าใจความเกเร เกรียน ของลูกศิษย์ที่ผมกำลังฝึกสอนอยู่เวลานี้ ผมฝึกสอนวิทยาลัยเทคนิคราชสิทธาราม สอนเด็กช่างแผนกสถาปัตยกรรม และทุกอย่างอยู่ที่การวางตัวของครูครับ เพราะอายุใกล้เคียงกัน ข้อมูลส่วนตัว ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงครับ ผมไม่ค่อยคุยกับเด็กเรื่องนี้นัก ผมสอนเขียนแบบก่อสร้าง ก็เข้าใจคาแรกเตอร์ของเด็กช่าง ห้าวอยู่แล้วครับ ใจร้อน พูดไม่คิด ผมก็ปรามบ้าง (บอกพร้อมรอยยิ้ม) แต่ไม่แข็งกับเขา เพราะถ้าเราแข็งใส่ เขาจะมีการต่อต้านทันทีแล้วเราจะควบคุมเขาไม่ได้ครับ

ชอบครับเป็นครู มีคนเรียกอาจารย์คุ้ง (ศิวัช เผยนิกเนมพร้อมรอยยิ้ม) ผมอยากปลูกฝังเรื่องระเบียบวินัยให้เด็ก เพราะสมัยนี้เรื่องตรงเวลาก็อ่อนลงไปครับ เช่น เวลานัดส่งงานก็จะมาขอเลื่อน บางทีก็เป็นอุบายของเด็กไทยที่สมัยนี้นะครับ ที่ใช้คำว่า ศรีธนญชัย ได้เลย ครูก็ต้องมองให้ออก บางคนทำงานไม่ทันก็มีโทรศัพท์มาต่อรอง รถติดอยู่กำลังจะไปส่งงานอาจารย์นะ เซ็นผ่านไปให้ก่อนได้ไหม แล้วถ้าเราอ่อนให้ เขาจะรู้แล้วยิ่งได้ทีต่อรองเราใหญ่เลย

...แต่เรื่องนี้ผมคอนโทรลเอาอยู่ครับ ง่ายกว่าการเตรียมงานสอนเยอะครับ” ศิวัช บอกพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนเมื่อเล่าถึงงานสอนหนังสือให้เยาวชนเด็กช่างรุ่นใหม่ 

เวลาสอนอยู่หน้าห้องสอนก็มีตื่นเต้นบ้าง ศิวัช บอกแต่ก็ไม่กังวล เพราะก่อนออกมาสอนก็จะมีวิชาฝึกสอนเป็นวิชาเรียนอยู่แล้ว และเคยไปสังเกตการณ์ดูสไตล์การสอนของอาจารย์ในโรงเรียนเทคนิคมาบ้างแล้ว

มีลูกศิษย์มากรี๊ดกร๊าดอาจารย์หน้าตาหล่อๆ อยู่แล้ว ศิวัช บอกพร้อมเสียงหัวเราะว่า แต่ไม่ใช่ผู้หญิง ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กช่างผู้ชาย คนฟังแล้วถึงกับขออุทาน OMG!!! โลกเราเปลี่ยนไปแล้วแท้จริง

“ผมนิ่งๆ ครับ ให้รู้ว่าเราเป็นครูนะ ผมคิดว่าภาพจำครั้งแรกสำคัญมากสำหรับงานทุกๆ อย่างเลยนะครับ ถ้าลูกศิษย์เจอผมครั้งแรกแล้วถ้าเล่นได้แซวได้ ต่อไปครูก็จะควบคุมเขายาก ตัวผมเองขี้อาย (บอกพร้อมรอยยิ้มเขินๆ คอนเฟิร์ม) แต่ก่อนไม่เคยถ่ายรูปอะไรกับใครได้เลย เขิน แต่เวลานี้เมื่อเราสอน ก็มีเทคนิคโดยพยายามมองผ่านไปด้านหลังห้อง ให้เหมือนครูโฟกัสมองเด็กอยู่ตลอดเวลา” ศิวัช เล่าเคล็ดลับงานเป็นอาจารย์หนุ่มหน้าใส

ศิวัช ตรงปณิธาน ธุรกิจรุ่นสาม ตามเทคโนโลยีให้ทัน

 

ก้าวต่อไปของหนุ่มนักธุรกิจฮาร์ดแวร์

อีกงานที่หนุ่มยังบลัดให้ความสำคัญ คือสานต่อธุรกิจที่บ้านซึ่งมีกิจการขายอุปกรณ์วัสดุก่อสร้าง เริ่มตั้งแต่ยุคปู่ จนมาถึงรุ่นใหม่เจเนอเรชั่นที่สาม ร้านค้าปลีกมีถึง 2 สาขา ร้านประชาอุทิศ กับอีกสาขาที่ จ.สมุทรสาคร

หลักในการทำธุรกิจนี้ ศิวัช บอกคัมภีร์ส่วนตัวว่า ในสองรุ่นที่ผ่านมาพ่อค้าทุ่มเทเวลาเพื่อแลกเงิน พอมาถึงของเขา ขอยึดหลักการใช้เงินแลกเงินอีกทอดหนึ่ง เช่น จ้างลูกจ้างมาช่วยในราย
ละเอียดย่อยๆ และเจ้าของกิจการก็บริหารคุมภาพรวมอีกชั้นหนึ่ง ทั้งนี้ เพื่อมีเวลาขยายธุรกิจต่อไป

“ผมมองธุรกิจในเวลานี้ ร้านค้าต้องขยายสาขาออกไปครับ ซึ่งวิธีการค้าขายแบบเดิมไม่มีเทคโนโลยีมาช่วยในการค้าปลีก จึงเป็นข้อเสียหลายๆ อย่างเลยนะครับ ผมวางแผนไว้ว่าจะทำให้มีระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วย จะได้ทุ่นแรงของคนให้ได้มากขึ้น เช่น การเช็กสต๊อกสินค้า คอมพิวเตอร์ช่วยได้ดีที่สุดกว่าการบันทึกแล้วนะครับ 

ธุรกิจค้าปลีกเหนื่อยมากนะครับ กับการสต๊อกสินค้าที่เราต้องเสียเวลามานั่งนับของเองว่ามีครบไหม แต่ถ้าเรามีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยก็น่าจะช่วยแบ่งเบาแรงคนไปได้อีกครับ

ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นช่างมาซื้อของด้วยตัวเอง บางครั้งบางทีความรู้ของเราที่เรียนมาก็สามารถแนะนำช่างได้ว่าใช้อะไร ตัวไหนดีกว่า มีสินค้าใหม่เพิ่มกี่แบบ การทำงานมันเชื่อมโยงกันครับกับความรู้ที่ได้มาจากห้องเรียน การค้าขายที่ไม่แค่สักแต่ขายของไปเรื่อยๆ การมีความรู้ เช่น ดอกสว่านมีหลากหลายแบบ ถ้าลูกค้ามาซื้อแล้วเราแนะนำแลกเปลี่ยนพูดคุยไปกับเขา ก็เป็นการพัฒนาร้านค้าของเราได้อย่างหนึ่ง

คุณพ่ออายุ 57 ปีครับ การบริหารในสไตล์พ่อรอบคอบเรื่องการเงิน ถ้ามีแผนลงทุนทำอะไรสักอย่าง เขาจะต้องศึกษาถี่ถ้วน คิดด้วยตัวเองก็ยังไม่พอ เขาต้องถามข้อมูลจากผู้รู้อีกด้วยครับ แต่ผมจะยังขาดการคิดแบบนี้อยู่ ไม่ค่อยรอบคอบ จะคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ ผมคงต้องปรับตัวและศึกษาจากท่านในเรื่องนี้ด้วย คุณพ่อก็เริ่มบ่นๆ เหนื่อยแล้ว อยากให้ลูกชายไปช่วย (ยิ้ม)

ศิวัช ตรงปณิธาน ธุรกิจรุ่นสาม ตามเทคโนโลยีให้ทัน

 

คุณพ่อเป็นคนจีนครับ จะมีเลือดค้าขาย ตัวผมก็มีครับ เพราะท่านปลูกฝังผมให้คลุกคลีกับการค้าการขายมาโดยตลอดแล้วครับ ตั้งแต่เด็กๆ เช้าๆ พอดูการ์ตูนเสร็จ พ่อจะให้ผมลงมาเฝ้าหน้าร้านช่วยพ่อขายของ ก็จะพอมีทักษะการขายบ้าง เขียนบิล เก็บเงิน เก็บทักษะการต่อรองกับคนซื้อ” ศิวัช กล่าว

การทำธุรกิจกว่าจะประสบความสำเร็จ ต้องใช้เวลานานกว่าจะตกผลึก ลองผิดลองถูกซึ่งกว่าจะลงตัว ในรุ่นบุกเบิกอากงใช้เวลาถึง 5 ปี สภาพเงินหมุนเวียนจึงเริ่มคล่อง พอมาถึงรุ่นที่สอง คุณพ่อเริ่มสบายขึ้นแต่ก็เคยคิดจะเปลี่ยนอาชีพ แต่คำทักท้วงของผู้มาก่อนเป็นสิ่งสำคัญมาก ศิวัช บอกอากงถามง่ายๆ แต่ตอบยากว่า ลื้อจะไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทำไม?

“ชีวิตของผมก็เลยต้องสืบสานต่อไป แล้วถ้าไม่ได้เป็นพ่อค้า ผมก็เคยอยากเป็นนักแสดงเคยไปแคสติ้งหางานในวงการบันเทิง เป็นโฆษณาสแน็กชิ้นหนึ่ง ซึ่งคนที่ได้ไป ก็คือ ต่อ-ฮอร์โมน (หัวเราะชอบใจ) คนหน้าตาดีเป็นตัวเลือกมากมายเลยนะครับ แล้ววงการนี้งานหวือหวา ชื่อเสียงมีขึ้นมีลงตลอด การแสดงน่าจะเหนื่อยทั้งที่พอได้ลองทำ สนุกมาก ผมเคยเล่นหนังสั้นในมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องของชายรักชาย ฟีดแบ็กดีครับ” ศิวัช บอกพร้อมรอยยิ้ม  

เล่าอย่างนี้ก็คงไม่ถามไม่ได้ ศิวัช รีบตอบทันที ตอนนี้ผมโสดครับ! ซึ่งสำหรับผู้ชายในวัย 23 ปี สิ่งที่โฟกัสอันดับแรกสำหรับเขาไม่ใช่เรื่องความรัก เพราะด้วยภาระหลังจบปริญญา งานคงต้องมาอันดับแรก และอาจไม่มีเวลาให้ใคร

ที่สำคัญชีวิตที่กว้างกว่ารั้วมหาวิทยาลัย เมื่อแต่ละคนได้ไปเจออนาคตที่แตกต่างกันไป การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้น

“แฟนผมก็ต้องผู้หญิงสิครับ (หัวเราะชอบใจ) คนรอบข้างชอบบอกว่าผม หล่อ รวย แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยนะครับ ผมไม่ได้พูดเองนะครับ มีหลายคนชอบพูดให้ได้ยิน (ว่าแล้วก็หัวเราะเขิน) ผมไม่ได้รวย แต่พ่อแม่ผมที่รวย ตอนนี้ยังไม่มีรถยนต์ของตัวเองเลยครับ มีก็ของที่บ้าน รถตู้กับรถกระบะที่ใช้ในการค้าขายครับ ปัจจัยต่างๆ ในอนาคตเป็นเรื่องที่ลูกผู้ชายทุกคนต้องสร้างเองครับ” ศิวัช บอกใสๆ ได้ใจ ได้พลังวัยรุ่นไฟแรงเกินร้อย