posttoday

เฉลิมชัย มหากิจศิริ วันนี้คือ การพิสูจน์ตัวเอง

21 เมษายน 2558

เรื่องธุรกิจอยู่ในสายเลือด กึ้ง-เฉลิมชัย มหากิจศิริ บอกน้ำเสียงเรียบๆ แต่ใบหน้าเจือรอยยิ้มเบาๆ

โดย...ปอย ภาพ : เสกสรร โรจนเมธากุล

เรื่องธุรกิจอยู่ในสายเลือด กึ้ง-เฉลิมชัย มหากิจศิริ บอกน้ำเสียงเรียบๆ แต่ใบหน้าเจือรอยยิ้มเบาๆ ในสไตล์ผู้บริหารมาดนุ่มลึก ซึ่งก็เป็นอีกบุคลิกแตกต่างไปจากที่เคยเห็น หลายๆ คนน่าจะจำบทบาทของเขาในวงการบันเทิงได้ ซึ่งนั่นคืองานที่ทำตามคำชักชวนของพี่ชาย บอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ ผู้บริหารค่ายละครโด่งดัง และงานนั้นก็ขอยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ชื่นชอบมากๆ งานบันเทิงไม่มีอะไรต้องเคร่งเครียด ได้ทำงานได้สวมบทแปลกแตกต่างจากในชีวิตจริง ได้ทำสิ่งที่ไม่เคยทำ แล้วยังได้ประสบการณ์ใหม่ติดตัวกลับมามากมาย

แต่มาตรฐานนักธุรกิจในรุ่นของคุณพ่อที่ได้รับฉายา “เจ้าพ่อเนสกาแฟ” ประยุทธ มหากิจศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท พีเอ็มส์ กรุ๊ปส์ เจ้าของบริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส และไทย คอปเปอร์ เจ้าของสนามกอล์ฟเลควูด ที่ประสบความสำเร็จทำธุรกิจจนติดทำเนียบมหาเศรษฐีไทยมาแล้ว ทำให้ลูกชายคนเดียวของครอบครัวต้องหันกลับมารับผิดชอบสานต่อธุรกิจจริงจัง

และกลายเป็นอีกตัวจักรสำคัญในการพลิกฟื้นธุรกิจของพีเอ็มส์ กรุ๊ปส์ ที่กำลังสยายอาณาจักรธุรกิจไปมากมาย

“ตอนนี้ผมเป็นซีอีโอของโทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) ซึ่งเป็นบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เราเข้ามาบริหารเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งยังไม่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ เป็นธุรกิจที่ทำเรื่องการลงทุนในหลายๆ แบบ ทั้งลงทุนแท่นขุดเจาะน้ำมัน ชิปปิ้ง พลังงานทดแทน ผมเข้าไปเปลี่ยนการลงทุนและปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ผลประกอบการทำกำไร ซึ่งขาดทุนติดต่อกันมาหลายปีแล้ว และในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อาจเป็นช่วงที่นักลงทุนกำลังตัดสินใจบวกกับเศรษฐกิจชะลอตัวด้วย

แต่ในปีที่ผ่านมา ทีทีเอมูลค่าของผลประกอบการดีขึ้นครับ กำไรที่ได้ร่วมพันล้านบาท สำหรับเป้าหมายต่อไปของผมคือ จะทำให้บริษัทมีนักธุรกิจเข้ามาลงทุนในระยะยาว วันนี้ประเทศไทยยังน่าลงทุนนะครับ”  เฉลิมชัย เริ่มต้นการสนทนาเรื่องธุรกิจหนักๆ แต่คนกลับคุ้นเคยเขาในเรื่องบันเทิงๆ มากกว่า

เฉลิมชัย มหากิจศิริ วันนี้คือ การพิสูจน์ตัวเอง

ไม่ว่าจะการนั่งแท่นเป็นผู้บริหาร โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เป็นผู้จัดคอนเสิร์ตโดยอิมพอร์ตศิลปินดังจากเกาหลีเข้ามา เช่น วงเจวายเจ วงทูพีเอ็ม ผู้บริหารหนุ่มวัยย่างสู่ 37 ปี กล่าวว่า เป็นธุรกิจที่ลงเม็ดเงินราว 10 กว่าล้านบาท ซึ่งไม่มากนัก แต่สิ่งที่ได้กลับมาในความรู้สึกของเขาคือกำไรล้วนๆ

อีกงานที่สร้างความตื่นเต้นให้คนไทย คือการนำเข้ามาการองสัญชาติฝรั่งเศส “ปิแอร์ แอร์เม่” ที่เรียกว่าชั่วพริบตาเดียวขนมยี่ห้อหรูก็สร้างกระแสได้ไม่ยาก

“ผมชอบรอยยิ้มของคนรอบข้าง งานคอนเสิร์ตเป็นธุรกิจที่ไม่ได้กำไรเยอะเลยนะครับ แต่ผมก็ยืนยันที่จะทำต่อไป ได้แฟนคลับด้วย (ยิ้มสดชื่น) เพราะชีวิตไม่ได้มีอะไรดีไปกว่าได้เห็นรอยยิ้มอย่างมีความสุข รอยยิ้มจริงใจของคนที่เราได้ร่วมงานด้วย

ผมเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ผมชอบการแสดง ชอบการทำงานบันเทิง การได้สวมบทบาทเป็นคนอื่นมันก็เหมือนกับเราได้ทิ้งความเครียด ทิ้งตัวเองไปได้สักพักหนึ่ง แล้วสิ่งที่ผมได้จากวงการนี้มากที่สุดคือ การกล้าแสดงออกมากขึ้น แต่ก่อนผมเป็นคนขี้อาย เดี๋ยวนี้ก็ยังขี้อายนะครับ (หัวเราะเขิน) ผมได้เป็นพิธีกรสัมภาษณ์คนหลากหลายวงการ ทั้งนักธุรกิจ ศิลปิน ก็ได้ซึมซับเรียนรู้วิธีคิดหลายๆ แบบ ได้พบปะผู้คนมากมายก็ทำให้พัฒนาเรื่องการพูดคุย การสื่อสารที่ดีขึ้นตามไปด้วยนะครับ” เฉลิมชัย กล่าว

ทุกสิ่งคือการเลือกด้วยตัวเอง เฉลิมชัย บอกทั้งงานบันเทิง และการเรียนทางระดับปริญญาตรี ในสาขาเศรษฐกิจและการเงิน จากมหาวิทยาลัยซัฟโฟล์ค สหรัฐอเมริกา และปริญญาโทในสาขาเดียวกัน มหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐอเมริกา

เฉลิมชัย มหากิจศิริ วันนี้คือ การพิสูจน์ตัวเอง

 

เฉลิมชัย บอกพร้อมเสียงหัวเราะว่า “เรื่องการเรียนพ่อแม่ไม่ขออะไรมาก แค่ขอเรียนให้จบก็พอใจแล้ว” แต่ถ้าเป็นเรื่องธุรกิจหลักของครอบครัว พ่อกลับขอให้เขาไปช่วยงานในบริษัทตั้งแต่เด็กๆ สิบกว่าขวบก็ไปทำงานกับคุณพ่อแล้ว ไปดูโรงงานกาแฟ โรงงานเหล็ก-เม็ดพลาสติก เขาบอกพร้อมรอยยิ้มอีกเช่นเคย ซึ่งก็กลายเป็นบุคลิกยิ้มแย้มง่ายมีอัธยาศัยว่าให้พนักงานเรียกลูกชายมาใช้

“ถือเป็นการเทรนอีกอย่าง เช่น การเปรียบเทียบเอกสารแต่ละที่ ผมต้องไปเรียนรู้ทั้งระบบแม้เราไม่ได้เรียนวิศวะ แต่จะต้องรู้จักดีเทลในทุกๆ โรงงาน ตอนเด็กๆ ก็ไม่เข้าใจหรอกครับว่าทำไมเราต้องทำในเรื่องเล็กๆ พวกนี้ด้วย คุณพ่อใกล้ชิดกับลูกและดูแลครอบครัว ดูแลคุณแม่ พี่สาว และน้องสาวของผมมาอย่างดี ก็ทำให้เรากดดันตัวเองไปโดยปริยายว่าจะต้องทำให้ได้ดีในมาตรฐานสูงในแบบท่าน เรื่องโชคดีที่สุดของครอบครัวเรา คือพี่น้องทุกคนรักกันมาก ผมมีพี่สาวและน้องสาวที่น่ารัก

คุณพ่อไม่ได้กดดันเรื่องการเงิน แต่มาตรฐานสูงในแบบท่าน คือการฝึกการตัดสินใจที่สอนผม และไกด์ไลน์ผมมาตั้งแต่เด็กๆ ก็หัดให้กล้าคิด กล้าตัดสินใจให้ถูกมากกว่าผิด ตัดสินใจผิดได้ในเรื่องเล็ก และขอให้ถูกในเรื่องใหญ่ เรื่องเหล่านี้ท่านเปิดโอกาสให้ผมเลือกได้เลย โดยบอกผมเสมอว่าอย่ากลัว เพราะคนเราจะต้องเรียนรู้จากการผิดพลาด ถ้าครั้งนี้ผิดก็จำไว้เป็นบทเรียนสำหรับคราวหน้า

แต่สำหรับเรื่องใหญ่ๆ ที่น่าจะคอขาดบาดตาย ท่านจะชี้แนะให้เราก่อนที่จะมีเรื่องผิดพลาด ร้ายแรง สิ่งที่ท่านสอนผมเสมอคือ ให้เป็นคนดีและรู้จักการให้โอกาสคนอื่นอยู่เสมอ

สไตล์การทำงานของผม คือ Job task list ชอบเรียนรู้ศึกษาการบริหารของคุณพ่อและปัจจุบันมาผสมผสานกัน ไม่ยึดหลักคิดแบบเดียว การเปลี่ยนแปลงสำหรับผมสามารถทำได้ตลอดเวลา ความรู้มีให้เข้าใจและเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่ทุกๆ ที่ ผมจึงกล้าที่จะเข้าไปทำงานในทุกๆ วัฒนธรรมของการทำงาน เช่น งานการเมืองกับการเป็นรองโฆษกรัฐบาล และไม่คิดมากกับการวิจารณ์นะครับ การอยู่ในสื่อคนก็อาจตีความไปได้ว่า เราต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่สำหรับผมคิดแค่ว่าเราอาจทุ่มความพยายามไปในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่ไม่ค่อยบังคับเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือเปล่า? เวลามีคำวิพากษ์วิจารณ์อะไรต่างๆ นานา ผมก็จะกลับมาคิดว่าเรายังไม่สมบูรณ์แบบตรงไหน? ซึ่งการคิดแบบนี้กลับไม่ค่อยเครียดนะครับ” เฉลิมชัย กล่าว

เฉลิมชัย มหากิจศิริ วันนี้คือ การพิสูจน์ตัวเอง

 

ณ วันนี้คือการพิสูจน์ตัวเอง โดยเฉพาะหน้าที่ซีอีโอผู้บริหารของ TTA ซึ่งเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ในขาลงของวันที่เศรษฐกิจค่อนข้างผันผวน แต่การทำธุรกิจเมื่อมีขึ้นก็ย่อมมีลงเป็นเรื่องธรรมดา

“ผมทำงานในออฟฟิศเหมือนคนทั่วไปครับ 6-8 ชั่วโมง ซึ่งหมดไปกับการประชุม แต่หลังจากนั้นก็คืออาฟเตอร์เวิร์ก ผมต้องกลับไปต่อยอดความคิดอีกมากมายเลยนะครับ อย่างเช่น มาการอง นี่ก็เป็นการต่อยอดอีกอย่างหนึ่งซึ่งผมติดต่อกับนักธุรกิจฝรั่งเศส ก็แนะนำว่าลองอิมพอร์ตไปขายในเมืองไทยดูซิ แล้วอย่างที่ผมบอกว่าผมชอบเห็นรอยยิ้มของผู้คน แค่ผมเห็นคนเดินมาซื้อกับเพื่อนๆ แบ่งขนมกินกันอย่างมีความสุข ผมก็รู้สึกมีความสุขกับการทำงานแล้วนะ

และนี่คือหลักในการทำงานของผมด้วยนะครับว่า ทำอะไรก็ได้ให้คนรอบข้างมีความสุข แล้วอะไรที่อาจทำให้เราโดนเอาเปรียบนิดๆ หน่อยๆ ก็ยอมได้ ไม่คิดมาก เพราะให้คิดเสียว่าเราเกิดมาก็มีโอกาสดีกว่าคนอื่น

ส่วนเรื่องที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำเสียที คือ การออกกำลังกาย อยากมีซิกซ์แพ็ก (บอกแล้วก็ยิ้มกว้าง) ยกเวต วิ่ง ว่ายน้ำ กอล์ฟ บาสเกตบอล แต่ผมไม่ถนัดเรื่องเตะต่อย แต่ก็ยังหาเวลาไม่ได้เสียทีสำหรับการบู๊ตตัวเองเรื่องนี้ แต่ก่อนผมบ้าการออกกำลังกายมาก” เฉลิมชัย กล่าวพร้อมรอยยิ้ม

ก็เลยได้โอกาสถามว่ามีแรงบันดาลใจเรื่องนี้จากนางเอกคนนั้นหรือเปล่า? ซีอีโอผมยาวหัวเราะอย่างรู้ทัน พร้อมออกตัวว่าเรื่องนี้ขอตัว ไม่ตอบเรื่องนี้ดีกว่านะ ขอโฟกัสเรื่องธุรกิจอย่างจริงจังไปก่อน