posttoday

พีระ ลาภวงศ์เมธี นักบริหารหนุ่มหัวใจรักมวยไทย

14 เมษายน 2558

นักบริหารโรงพิมพ์หนุ่มนัยน์ตาขี้เล่นวัย 25 ปี นิก-พีระ ลาภวงศ์เมธี ทายาท พลสิทธิ์ ลาภวงศ์เมธี และคุณแม่วราภรณ์ ศรีธัญญาภรณ์

โดย...วราภรณ์ ภาพ : ภัทรชัย ปรีชาพานิช

นักบริหารโรงพิมพ์หนุ่มนัยน์ตาขี้เล่นวัย 25 ปี นิก-พีระ ลาภวงศ์เมธี ทายาท พลสิทธิ์ ลาภวงศ์เมธี และคุณแม่วราภรณ์ ศรีธัญญาภรณ์ ผู้บริหารและผู้ก่อตั้งโรงพิมพ์มุกไมตรี การพิมพ์ หรือ  The pearl printing เมื่อศึกษาจบด้านเศรษฐศาสตร์ จาก ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ แคลิฟอร์เนีย เดวิส สหรัฐอเมริกา เขาก็กลับมาสานต่องานบริหารโรงพิมพ์ทันที โดยรั้งตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป

ชีวิตวัยเด็กที่หล่อหลอมให้หนุ่มนิกเป็นเด็กกล้าตัดสินใจ มีความเป็นผู้ใหญ่ และดูแลตัวเองได้ดี เนื่องจากเมื่อศึกษาจนจบชั้นประถมต้นจากโรงเรียนอัสสัมชัญ นิกเดินทางไปศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนประจำที่สิงคโปร์นานถึง 6 ปี เนื่องจากคุณพ่อและคุณแม่ของเขามีสายตายาวไกลอยากให้เขาได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน

“คุณพ่อคุณแม่เห็นว่าภาษาสำคัญมากแต่ภาษาจีนการเขียนยากมาก และผมก็มีเพื่อนเป็นคนจีนเยอะ ติดต่อธุรกิจโดยใช้ภาษาพูดสบายมาก แต่หากเป็นภาษาเขียนก็ลำบากนิดหน่อย ที่สิงคโปร์เรียนเข้มข้นมาก ทั้งกดดันทำให้เกรดเฉลี่ยของผมค่อนข้างดี เพราะผมก็ตัดใจเรียน เพราะสิงคโปร์เรียนเป็นเรียนเล่นเป็นเล่น ทั้งกีฬาและดนตรีก็ต้องเก่ง ที่สิงคโปร์ผมแตะฟุตบอลและเล่นดนตรีด้วย"

จากนั้นเขาบินไปเรียนต่อที่สหรัฐอีก 4 ปี แต่ขณะที่เรียนมัธยมปลายนี่เอง ด้วยความเป็นคนไทยทำให้เขาสนใจกีฬามวยไทยเป็นพิเศษ โดยมีคุณครูชาวสิงคโปร์ที่ไปร่ำเรียนมวยไทยจากประเทศไทยเป็นผู้ฝึกซ้อมให้

พีระ ลาภวงศ์เมธี นักบริหารหนุ่มหัวใจรักมวยไทย

 

ปัจจุบันหนุ่มนิกกลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัวแล้ว แม้ไม่ได้เรียนด้านการพิมพ์มาโดยตรง แต่หากรักการเรียนรู้ทุกอย่างก็เป็นเรื่องไม่ยาก แต่การเรียนด้านเศรษฐศาสตร์เขาสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานได้มาก เช่น การบริหารทรัพยากรบุคคล ร่วมทั้งบริหารทรัพย์สินที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด

“คุณแม่เปิดโรงพิมพ์มาได้ 35 ปีแล้ว พอผมเข้ามาช่วยบริหารก็อยากต่อยอดธุรกิจ ซึ่งสมัยก่อนทำไม่ได้ ด้วยเรื่องข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี เช่น ขั้นตอนการออกแบบ ส่งแบบ ทำให้เราสามารถเปิดรับออร์เดอร์จากต่างประเทศได้ เพราะการติดต่อสื่อสารรวดเร็วและสะดวกมากขึ้น ร่วมทั้งเราใช้เทคโนโลยีการจัดการสี แต่ก่อนเราต้องพิมพ์จริงจึงจะดูสีได้ แต่ตอนนี้เราพรินต์ออกมาดูได้ก่อนพิมพ์จริง ว่าพิมพ์ออกมาแล้วจะสวยไหม เป็นอย่างไร เหมือนแบบไหม การทำงานจึงรวดเร็ว  เราคิดว่าเราจะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในงานผลิตด้านออกแบบ แม้เทคโนโลยีจะแพง แต่ผมคิดว่าน่าลงทุน เพราะคุ้มค่า คุณแม่ก็โอเคและมีความสุขที่ลูกชายคนโตกลับมาช่วยงาน”

นอกจากการเป็นนักบริหารรุ่นใหม่ที่ดึงเทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำงานแล้ว หนุ่มนิกยังสนใจพัฒนาทรัพยากรบุคคลควบคู่กันไปด้วย เช่น ส่งเสริมให้พนักงานเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม หรือเปิดคอร์สให้ความรู้ด้านการพิมพ์และสอนคอมพิวเตอร์เพิ่มเติม เนื่องจากเขาเห็นว่าการเพิ่มศักยภาพให้พนักงานเป็นสิ่งที่สำคัญและคนเราควรรักการเรียนรู้ไม่หยุดนิ่ง

สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของครอบครัว คือ ซื่อสัตย์ในการทำงาน เพื่อทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกภาคภูมิ และสบายใจ ไม่กังวล เพราะลูกๆ รับผิดชอบชีวิตตัวเองและงานได้ เรื่องการพัฒนาโรงพิมพ์ให้เจริญเติบโตก้าวหน้าขึ้นไป พีระวางทิศทางก็คือ ในเมืองไทยมีโรงพิมพ์ค่อนข้างเยอะ แต่ละโรงพิมพ์น่าจะรวมตัวกันเพื่อยกระดับให้โรงพิมพ์ของไทยมีความทันสมัยระดับโลก มีการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ บอกเล่าสู่กันและกัน ก็จะทำให้ธุรกิจโรงพิมพ์ของไทยแข็งแกร่งขึ้น นอกจากมีวิสัยทัศน์ในการบริหารงานแล้วเขายังเป็นนักบริหารหนุ่มที่ใช้หลักทำงานก็คือ เป็นกันเองกับลูกน้อง ปกครองลูกน้อง 300 คนด้วยความยุติธรรม แต่เขาอยากให้ลูกน้องแต่ละคนมีความคิดพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ขยันที่จะเรียนรู้แบบไม่หยุดนิ่ง ฝึกฝนตัวเองไปเรื่อยๆ สักวันก็จะเก่งในสายงานของตัวเอง

พีระ ลาภวงศ์เมธี นักบริหารหนุ่มหัวใจรักมวยไทย

 

"เวลาผมคุยกับลูกน้องจะบอกให้เขามองไปอนาคตข้างหน้า 5-10 ปี ตั้งเป้าอะไรไว้แล้วไปให้ถึง อย่าพอใจในสิ่งที่มีอยู่ ณ ตอนนี้ แต่ก็อย่าโลภ อย่างมีเงินเท่าไหร่ให้ใช้เท่านั้น อย่าเป็นหนี้ ผมจะเน้นหนักเรื่องการออมกับลูกน้องมากๆ "

อย่างที่เกริ่นว่า นอกจากสนใจรักเรียนแล้ว เรื่องกีฬาเขาก็ไม่เป็นสองรองใคร โดยเขาสนใจกีฬาโปโลและมวยไทยมากเป็นพิเศษ

“ผมชอบขี่ม้า ได้เรียนขี่ม้าตอนเรียนที่สหรัฐ ตอนนี้ผมก็เป็นนักกีฬาโปโลอยู่ทีมวีอาร์ สปอร์ตคลับ ของคิงส์พาวเวอร์ โปโล เป็นการเล่นกันเป็นทีม ซึ่งผมชอบเล่นกีฬาที่เป็นทีมเวิร์ก ผมคิดว่าเล่นหลายคนช่วยกันคิดดีกว่าทำอะไรคนเดียว ผมชอบพูดชอบระดมความคิดเพื่อหาผลสรุปที่ดีที่สุด นอกจากเล่นโปโลจะให้ความแข็งแรงกับร่างกายแล้ว ยังฝึกเรื่องบุคลิกภาพเพราะนั่งอยู่บนหลังม้าต้องหลังตรง อีกทั้งเป็นกีฬาที่สนุกมากๆ เล่นแล้วมีความสุขเพราะเพื่อนร่วมทีมส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ที่โตกว่า ผมก็ได้มุมมองของผู้ใหญ่ไปด้วย”

สำหรับมวยไทยเป็นอีกหนึ่งกีฬาที่เขาสนใจ จนเปิดค่ายมวยไทยของตัวเอง ชื่อ อารีน่า มวยไทย ย่านตลิ่งชัน เหตุที่เขาสนใจมวยไทยนอกจากเห็นลีลาการต่อยมวยไทยของผู้ฝึกซ้อมชาวสิงคโปร์แล้ว ในฐานะคนไทยก็ควรศึกษาและรู้แมกไม้มวยไทยที่สวยงามติดตัวเป็นวิชาป้องกันตัวไว้บ้าง

“ตอนผมเรียนที่สิงคโปร์เพื่อนๆ พอรู้ว่าผมเป็นคนไทย เขาจะถามว่าผมชกมวยไทยได้ไหม พอผมบอกว่าชกไม่ได้ เพื่อนมองด้วยสายตาแปลกๆ ผมจึงได้คิดว่ามวยไทยเป็นวัฒนธรรมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเรา ดังนั้นเราน่าจะสืบสาน พอผมมาชกมวยไทยตอนเรียนมัธยมปลาย ทำให้ผมเป็นคนนิ่งและใจเย็นขึ้น เพราะแต่ก่อนจากเป็นเด็กใจร้อน หงุดหงิดง่าย แต่ครูสอนว่ากีฬามวยใช้แต่บนเวที อย่าไปใช้ทำร้ายใคร ผมยังได้ความแข็งแกร่งของร่างกายมากขึ้น เพราะการชกมวยแต่ละครั้งเหนื่อยเพราะต้องเคลื่อนไหวทุกส่วนของร่างกาย ร่างกายฟิตมากๆ เพราะต้องซ้อมเข้ม 3 ชั่วโมง โดยวิ่ง 2 กิโลเมตร กลับมากระโดดเชือก ซ้อมต่อยลมอีก 1 ชั่วโมง เป็นการฝึกซ้อมนานมาก เพราะมวยเป็นกีฬาที่ต้องใช้ร่างกายล้วนๆ เราวัดกันที่ร่างกายใครฟิตกว่าชนะ ”

พีระ ลาภวงศ์เมธี นักบริหารหนุ่มหัวใจรักมวยไทย

 

เป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ผ่านการเรียนเมืองนอกเมืองนามาแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้พีระอยากเปิดค่ายมวยไทยเป็นของตัวเอง เพราะนอกจากจะช่วยกันสืบสานวัฒนธรรมไทยแล้ว เขายังอยากรักษาศิลปะแม่ไม้มวยไทยที่ถูกต้อง ถูกขนบธรรมเนียมและแบบแผนดั้งเดิมของมวยไทยเอาไว้ให้คงอยู่สืบไป โดยไม่ประยุกต์ใช้ให้ท่าชกดูทันสมัยมากเกินไป

“ ผมคิดว่าปัจจุบันศิลปะมวยไทยที่ถูกต้องหายไป ค่ายของผมจึงเน้นท่ามวยไทยที่ถูกต้อง ทุกท่วงท่า มวยไทยต่างจังหวัดซ้อมศิลปะการป้องกันตัว ออกอาวุธ หลบหลีกอย่างไร อยากให้เก่งแบบนั้น ผมอยากให้คนไทยได้เรียนมวยไทยแบบลึกซึ้ง รักษาความขลังของมวยไทยเอาไว้  เพราะครูก็สอนผมมาแบบนี้ ผมจึงอยากเน้นแก่นแท้มวยไทยเอาไว้” เปิดค่ายมวยไทยได้เดือนกว่าๆ ผลตอบรับดีมากๆ เพราะเขาก็แวะเวียนไปซ้อมมวยไทยอาทิตย์ละ 2 วัน เป็นอย่างต่ำ

อย่างไรก็ดี พีระบอกว่า ทุกคนเหมาะสมกับการเรียนมวยไทยทั้งหมดและมวยไทยเหมาะกับทุกเพศ โดยเฉพาะผู้หญิงเรียนมวยไทยไว้ไม่เสียหาย เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง หุ่นดีแล้ว ยังได้ศิลปะไว้ป้องกันตัวอีกด้วย ส่วนผู้ชายก็ควรเรียนมวยไทยเอาไว้เพื่อกล้ามเนื้อที่ฟิตเฟิร์ม ถือเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเองแบบหนึ่ง

“จริงๆ ความมีเสน่ห์ของผู้ชายนอกจากความเป็นสุภาพบุรุษแล้ว ผู้ชายก็ควรมีรูปลักษณ์ที่ดีไม่อ้วนไม่ผอมเกินไป ควรมีกล้ามเนื้อให้สมส่วน ด้วยการหมั่นออกกำลังกาย แต่ไม่ต้องเล่นให้เน้นกล้ามเป็นมัดๆ อย่างผมออกกำลังกายไม่เน้นกล้ามใหญ่ๆ แต่ให้มีบ้างก็พอ”

เห็นเป็นหนุ่มหน้ามนแบบนี้ สเปกผู้หญิงของพีระก็คือ ถอดแบบมาจากคุณแม่ คือ แต่งตัวดี มีการดูแลผิวพรรณและความงามที่ดี  ไม่จำเป็นต้องเซ็กซี่มากๆ แต่ก็ไม่ถึงกับปล่อยเนื้อปล่อยตัวและไม่ควรชอบเที่ยวกลางคืน

“ผมมองว่าผู้หญิงไม่ควรเที่ยวกลางคืน ไม่ต้องถึงกับหุ่นนางแบบ สูงสัก 165 ก็พอ ไม่ต้องผอมเกินไป แต่ไม่ใช่อวบอ้วนเลย ผมชอบความพอดีๆ ทำกับข้าวเก่งก็ดี แต่หากทำไม่เป็นก็ไม่เป็นไรครับ แต่ที่สำคัญคือแฟนของผมต้องเหมือนคุณแม่ เพราะคุณแม่เป็นผู้หญิงเก่ง แต่ท่านก็ไม่ได้กะเกณฑ์ว่าต้องได้สะใภ้แบบไหน แม่บอกว่าลูกรักใครแม่รักด้วย คุณแม่ค่อนข้างไว้ใจผมว่าจะเลือกลูกสะใภ้ที่ถูกใจคุณแม่ได้"