posttoday

พี่สู่น้อง สองโฆษก คสช.

04 เมษายน 2558

ยุคนี้ทหารเข้ามาควบคุมความสงบ มีทั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลพิเศษสองโฆษกต้องมาทำงานร่วมกัน

โดย... เลอลักษณ์ จันทร์เทพ ภาพ... ภัทรชัย ปรีชาพานิช

ยุคนี้ทหารเข้ามาควบคุมความสงบ มีทั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลพิเศษสองโฆษกต้องมาทำงานร่วมกัน คือ “ไก่อู” พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกรัฐบาล และ “ต๊อด” พ.อ.วินธัย สุวารีโฆษก คสช.และโฆษกกองทัพบก ขุนทหารสองท่านเป็นดั่งพี่ น้อง และเพื่อน มีหน้าที่การทำงานคล้ายกันแทบจะแยกแยะไม่ออก

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด

‘เราคุยกันภาษาเทพ’

“ผมกับน้องต๊อดเป็นนักเรียนนายร้อย เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน ผมเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 23 ส่วนต๊อดจะเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 30 เราแก่อ่อนกว่ากัน 7 ปี การทำงานของผมที่ผ่านมา ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นโฆษก เริ่มจากโฆษกคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กองทัพบกและศูนย์อำนวยการรักษาความสงบแห่งชาติ (ศอฉ.) เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เมื่อถึงวันเวลาต้องส่งต่อกัน หมายความว่า ผู้บังคับบัญชาต้องหาคัดสรรหาคนมาแทนด้วยวิธีการคัดเลือก ดูทั้งจากพรสวรรค์ และขีดความสามารถ

เดิมทีมีอยู่ 2 ท่าน ที่เข้าตากรรมการ คือ พ.ท.วันชนะสวัสดี หรือน้องเบิร์ด กับน้องต๊อด ปรากฏว่าภาระหน้าที่งานของน้องต๊อด ในขณะนั้นอยู่ที่กองทัพภาคที่1 ส่วนของน้องเบิร์ดอยู่กองพันทหารม้าที่ 19 ซึ่งบุคคลที่มาสะดวกคือจากกองทัพภาคที่ 1 ประกอบกับน้องต๊อดเป็นคนเท่ หน้าหล่อ และมีความสามารถ บุคลิกดีผมเลยเชียร์ เพราะเห็นถึงความสามารถที่เขาแสดงภาพยนตร์ด้วย เลยคิดว่าจะต้องเป็นคนที่สามารถถ่ายทอดเนื้อหาข่าวสารได้ดี

สำหรับภาระหน้าที่ซึ่งคาบเกี่ยวกันในด้านประชาสัมพันธ์ จึงต้องติดต่อประสานงานกันตลอด การทำงานจึงต้องช่วยเหลือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะไปกำกับต๊อดนะ เพราะเรามีหน้าที่คนละส่วนกัน แต่หน้าที่ระหว่างเราจะเสริมซึ่งกันและกัน และต้องมีความสอดคล้อง เพราะเนื้องานรัฐบาล คสช. และกองทัพ มีความเป็นเนื้อเดียวกัน

บางเรื่องที่ผมไม่รู้ก็ต้องติดต่อกับน้องต๊อดด้วยตัวเอง เพราะถ้าจะไปฝากข้อความบอกผ่านใครไปก็ไม่ได้ มันจะไม่ได้อรรถรส และประเด็นที่ชัดเจน ...เราคุยภาษาเทพกัน ไม่มีใครเข้าใจ... หรือจะให้ผมส่งไลน์คุยกัน ผมมันคนโบราณ พิมพ์ช้า

ดังนั้น เราวันหนึ่งๆ เราโทรหากันเยอะมาก ตลอดทั้งวันเราต้องใส่ใจกับโทรศัพท์มาก เมื่อก่อนที่ยังไม่มีหน้าที่นี้ที่ต้องสื่อสารอะไรกับสังคมมากนัก เราก็ปล่อยบ้างอะไรบ้าง แต่เมื่อมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบเข้ามาแล้วเราต้องใส่ใจทุกการสื่อสารกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารกับน้องต๊อดบ้าง หรือผู้บังคับบัญชาบ้าง เราเป็นทหารเราจะได้รับการสอนต่อๆ กันมาว่า ถ้าผู้บังคับบัญชาส่งข้อความใดๆ มา เราจะรู้อย่างเดียวไม่ได้ ต้องตอบกลับว่า ‘รับทราบครับ รับปฏิบัติครับ” เพราะคนส่งสารจะมีความรู้สึกว่าเรารับรู้แล้ว

พี่สู่น้อง สองโฆษก คสช.

สำหรับข้อสงสัยที่สังคมคิดว่าเอ๊ะ! เราเนื้องานคาบเกี่ยวกัน แล้วจะแบ่งงานกันยังไง บอกเลยว่า งานของผมเป็นแค่ภาพกว้างโดยรวม แต่ถ้าเจาะไปเรื่องมั่นคงต้องพี่ต๊อดของน้องๆ เลย น้องต๊อดจะรับผิดชอบโดยตรง แต่ด้วยความที่ผมเป็นทหารมา และได้รับรู้ข้อมูลมาบ้าง บางครั้งก็เผลอปากพูดชี้แจงออกไปบ้างในบางส่วน แล้วก็ให้น้องๆ สื่อมวลชนไปรับรายละเอียดเพิ่มจากน้องต๊อดอีกทาง บางครั้งความรู้สึกวิตกกังวลว่า สังคมจะคิดว่าวันนี้ยังมี คสช.อยู่หรือเปล่าหรือจะมองว่ามีแต่รัฐบาล เพราะผู้บริหาร คสช.และรัฐบาลคือบุคคลคนเดียวกัน และการทำงานเราทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกัน

สำหรับการสั่งงานจากผู้บังคับบัญชา หรือท่านนายกรัฐมนตรีนั้น สำหรับผม ท่านนายกฯ จะโทรหรือสั่งการผ่านมายังพี่หมอ ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกรัฐบาลแล้วจึงมายังผม หรือไม่ก็ให้ฝ่าย เสธ. ฝ่ายยุทธศาสตร์ ส่งข้อมูลมาอธิบาย หรือไม่ท่านก็บัญชาการสั่งการด้วยตัวเอง เพราะท่านนายกฯ ทันสมัยมาก พิมพ์ข้อมูลส่งมาทางไลน์บ้าง ข้อความบ้าง เมื่อก่อนรูปไลน์ท่านนายกฯ เป็นรูปเสือโคร่งนะ ซึ่งการสั่งการของท่านบ้างก็สั่งเกือบเที่ยงคืนก็มี ซึ่งท่านทำให้พวกเราต้องกระตือรือร้นในการทำงานตลอด เมื่อผู้บังคับบัญชามีความกังวล อยากให้ทำความเข้าใจต่อสังคม เราต้องตอบสนองให้เต็มที่ ไม่ว่าจะกลางดึกมืดแล้วขนาดไหน สิ่งที่เราทั้งผมและน้องต๊อด ต้องเต็มที่ หาข้อมูลในทันที

ชีวิตส่วนตัว ผมกับน้องต๊อดจะไม่ค่อยได้มีเวลาไปสังสรรค์ หรือนั่งร้านกาแฟคุยงานกันเท่าไหร่ เพราะด้วยวิถีชีวิตที่ค่อนข้างยุ่ง ส่วนใหญ่จะคุยกันทางโทรศัพท์ หรือไม่เวลามาทำงานเจอกันก็คุยกันบ้าง”

พ.อ.วินธัย สุวารี

‘พี่อูน่ารัก คอยช่วยกำกับ’

“พี่อู เป็นต้นแบบของสายงานโฆษกอยู่แล้ว เป็นคนมีคาแรกเตอร์ส่วนตัวมีความต่างจากโฆษกหลายท่านที่ผ่านมา เราก็เห็นแบบอย่างพี่เขามาตลอด และวันนี้ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เข้ามามีบทบาทหน้าที่ตรงนี้ ตอนแรกที่เริ่มสัมผัส ที่พี่อูเปิดโอกาสให้เรามาในฐานะทำงานประชาสัมพันธ์ให้กับกองทัพ อาจจะเพราะพี่เขาเห็นว่าตัวเราเป็นลูกครึ่งด้วย ซึ่งหมายถึงเป็นทหารและเป็นนักแสดงด้วย จึงได้รับโอกาสดีๆ แบบนี้ ต้องขอบคุณพี่เขาที่คอยช่วยเหลือ ดูแล และคอยเชียร์(ยิ้มมุมปากเล็กๆ)

ช่วงแรกการทำงานพี่อูเป็นพี่ที่ดียังช่วยกำกับ ดูแล ให้ความช่วยเหลือ แลกเปลี่ยนความเห็นและข้อมูล มีอะไรพี่เขาจะช่วยเราได้ดี แม้กระทั่งวันนี้ผมก็ยังขอคำปรึกษากับพี่อูอยู่ตลอด พี่เขาน่ารักมากครับ เพราะอะไรที่คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าจะเป็นประโยชน์กับเราพี่อูก็จะคอยช่วยเสริม ช่วยแนะนำ พูดได้เลยว่าวันวันหนึ่งเราโทรศัพท์คุยกันเยอะมาก วันทั้งวันผมต้องเป็นคนที่เฝ้าดูโทรศัพท์ตลอดเวลา แต่ถ้าช่วงเย็นเผลอไปออกกำลังกายสักแป๊บเดียว กลับมามือสั่นเลย ถือว่าผิดพลาดอย่างมหันต์ เมื่อมีสายโทรเข้า เราต้องรีบโทรกลับทันทีทุกสาย

สำหรับการแบ่งงานกันทำระหว่างเสือโฆษกค่ายกองทัพ คสช.และค่ายรัฐบาล ผมจะเน้นงานมั่นคงอยู่แล้ว ซึ่งพี่อูจะเข้าใจดีว่าเรื่องอะไรที่ คสช.จะต้องทำหน้าที่ ต้องทำความเข้าใจหรือสื่อสารออกมาอย่างไร แต่เราจะรับมาเต็มร้อยก็ไม่ใช่ เพราะทุกข้อมูลข้อเท็จจริงคือประโยชน์ต่อประเทศชาติ ซึ่งพี่อูก็จะช่วยกันเสริมบ้าง เพราะขอบเขตการทำงานของรัฐบาลค่อนข้างกว้างกว่ามากเพียงแต่ว่าช่วงนี้ คสช.ต้องรับหน้าที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่เริ่มมีความเคลื่อนไหวความมั่นคงเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันพี่อูที่รับหน้าที่ในส่วนของรัฐบาล ถือว่าอยู่ในจุดที่ต้องบริหารจัดการความเรียบร้อยด้วยในภาพรวม ข้อมูลทุกอย่างในเนื้องานเราสามารถช่วยกันได้ ซึ่งถ้าทำงานเอื้อกันแบบนี้ ถือว่าเป็นผลบวก จะสามารถสร้างความเข้าใจต่อสังคมได้มากขึ้น

แต่สิ่งหนึ่งที่เราสองคนไม่ค่อยเหมือนคนอื่น คือ เวลาที่จะมีโอกาสสังสรรค์กันไม่ค่อยมี เพราะงานเยอะ จะคุยกันทีหรือได้เห็นหน้าแทนได้ยินเสียง คือเวลามีงานร่วมกันจริงๆ แต่ความสัมพันธ์พี่น้องระหว่างเราก็ยังช่วยเหลือกันดี พี่อูเป็นพี่ที่ดีครับ”