posttoday

น้ำตาล อินโนเวท สู้อย่างมีเป้าหมาย

26 มกราคม 2558

หากพูดถึงบริษัทรับจัดฝึกอบรมและสัมมนาครบวงจร บริษัท อินโนเวทพ้อยท์ แพลนนิ่ง ภายใต้การบริหารของ “น้ำตาล อินโนเวท”

โดย...วรธาร ทัดแก้ว

หากพูดถึงบริษัทรับจัดฝึกอบรมและสัมมนาครบวงจร บริษัท อินโนเวทพ้อยท์ แพลนนิ่ง ภายใต้การบริหารของ “น้ำตาล อินโนเวท” ผู้หญิงยุคใหม่สวยใสและมากความสามารถคนนี้ ถือว่าแจ้งเกิดเต็มตัวทั้งที่บริษัทเพิ่งก่อตั้งมาได้ 7 ปี แต่ด้วยใจมุ่งมั่นพัฒนาและสั่งสมประสบการณ์ชื่อเสียงมาเรื่อยๆ จนได้รับความไว้วางใจและเชื่อมั่นจากองค์กรและบริษัทชั้นนำของไทยเลือกใช้บริการ

แน่นอนการแจ้งเกิดของอินโนเวทพ้อยท์ แพลนนิ่ง สิ่งที่ต้องยอมรับและไม่อาจปฏิเสธได้ ก็คือมาจากบุคลิกและสไตล์ในการทำงานของน้ำตาล ที่เทใจให้เต็ม 200% กับทุกงานของลูกค้า ไม่ว่างานที่รับมานั้นจะเงินน้อยหรือมาก ขอเพียงให้ตนเองได้โชว์ศักยภาพให้ลูกค้าได้เห็นและเกิดความประทับใจ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จยิ่งแล้ว และการที่เธอก้าวถึงจุดนี้บอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา!

จากเด็กมีกินต้องมาทำงานเคเอฟซี

น้ำตาล เล่าชีวิตให้ฟังว่า ก่อนนี้ฐานะทางบ้านถือว่าพอใช้ มีบ้าน มีรถ พ่อแม่ทำธุรกิจ อยากกินอะไรได้กิน อยากไปไหนได้ไป อยากเรียนพิเศษก็ได้เรียน แต่เมื่อปี 2540 เกิดปัญหาต้มยำกุ้ง ธุรกิจของครอบครัวได้รับผลกระทบจนพังครืน ซึ่งตามมาด้วยรถและบ้านโดนยึด ทำให้ในฐานะลูกคนโตหลังเรียนจบ ม.6 และเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ต้องหาเงินช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ ด้วยการเป็นพนักงานที่ร้านเคเอฟซี

“วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 น้ำตาลเรียนอยู่ม.6 ตอนนั้นธุรกิจครอบครัวโดนด้วย วันที่เอกสารตราครุฑมาแปะที่หน้าบ้าน อ่านแล้วน้ำตาไหลอาบแก้ม นึกในใจว่าต่อไปนี้เราไม่มีบ้านอยู่แล้ว ครอบครัวลำบากมากคุณพ่อคุณแม่ต้องสู้ทนลำบากทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงิน

หลังจบ ม.6 ตั้งใจเรียนรามคำแหง แต่เพื่อนว่าไกลเกินไป มหาวิทยาลัยเอกชนก็ไม่มีเงินมากพอที่จะเรียน แต่เพื่อนคนหนึ่งไปขอเงินพ่อแม่ให้ยืมไปลงทะเบียน เลยตัดสินใจเรียนคอมพิวเตอร์ เพราะมองว่างานไอทีมีแนวโน้มบูม จบมาน่าจะมีงานรองรับ พร้อมกันนั้นก็ทำงานหาเงินเรียนเองด้วยที่ร้านเคเอฟซี”

ชีวิตของเธอในช่วงนั้นจึงวนอยู่ในแบบเดิมๆ เรียน ทำงานเคเอฟซี กลับบ้านเลี้ยงน้อง พอช่วงปิดเทอมเวลาว่างมีมาก ก็รับงานตามห้างสรรพสินค้า เช่น ห่อของขวัญ เป็นต้น แม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็พยายามสู้เพื่อแบ่งเบาภาระพ่อแม่ กระนั้นผลการเรียนยังอุตส่าห์จบมาด้วยเกรดเฉลี่ยที่สูงทั้งที่ไม่ใช่สาขาที่ชอบ

“เลือกเรียนไอทีเพราะเชื่อว่าจบมามีงานทำแน่ๆ แต่พอเรียนแล้วไม่ใช่ง่ายเลย ลำบากบากเพราะเราไม่ได้ชอบในไอทีอยู่แล้ว ความถนัดในเรื่องนี้ก็ไม่มี แต่ต้องเรียนเพราะมองอนาคตว่าไอทีจะเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในโลกอนาคต แล้วก็จบมาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.03”

น้ำตาล อินโนเวท สู้อย่างมีเป้าหมาย

 

ประเดิมงานที่เอไอเอส

หลังเรียนจบเธอตั้งเป้าว่าต้องได้ทำงานภายใน 1 เดือน จึงไปสมัครงานไอทีที่ บริษัท ไอบีเอ็ม (IBM) แถวสะพานควาย ซึ่งมองว่าเป็นบริษัทที่ให้โอกาสคนและเป็นบริษัทที่มีแนวคิดในเชิงไอทีก้าวไกล แต่ต้องผิดหวัง เพราะบริษัทรับเฉพาะคนมีประสบการณ์ ทว่าโชคชะตายังไม่ใจร้ายต่อเธอนัก เมื่อ บริษัท เอไอเอส เปิดรับสมัครงาน เธอจึงไปสมัครแม้จะได้งานไม่ตรงกับสายที่เรียนมา แต่ก็ทำได้ดีจนได้รับการสนับสนุนในองค์กร

“ตำแหน่งที่เราอยากทำ เป็นสัญญาจ้าง ไม่ใช่พนักงานประจำ แต่ก็มีตำแหน่งประจำคือ Customer Service (บริการลูกค้า) ลังเลนะในตอนแรก แต่ก็ตกลงในทันทีว่าอยากทำค่ะ และพอได้สัมผัสงานด้านนี้จริงๆ กลับรู้สึกชอบ และคิดว่าเป็นสายงานที่ดีทำให้ไปพบปะผู้คนมากมาย ทำให้ได้เห็นอีกด้านของชีวิตที่ตัวเองไม่เคยทำ เขาสอนทั้งแต่งหน้า ทำผม สอนบุคลิกภาพ การสื่อสาร การบริการลูกค้าทุกอย่าง เมื่อเราชอบก็พยายามพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ ทำทุกอย่างให้ดีขึ้นจนเป็นที่ประทับใจลูกค้า มีการส่งหนังสือชื่นชมเข้ามา”

พอทำงานได้ 3 ปี ทางบริษัทได้คัดเลือกให้เธอเป็นวิทยากรทางด้านงานบริการในองค์กร ทำให้ถูกอัพเกรดขึ้นมาในตำแหน่ง Internal Trainer (วิทยากรภายใน) ทางด้านสายงานบริการ ซึ่งในตำแหน่งนี้ทำให้เธอต้องถูกส่งไปเทรนอย่างหนัก ทว่าเธอกลับรู้สึกชอบมากกว่าการเป็น Customer Service  เสียอีก และนั่นก็ทำให้เธอคิดว่าอาชีพวิทยากรคือตัวตนที่แท้จริง ทำให้มองถึงการเรียนต่อปริญญาโท

“น้ำตาลรู้สึกสนุกมากกับการทำหน้าที่เป็นวิทยากรให้ความรู้ จึงตั้งใจทำงานด้วยความขยัน อดทน จนสามารถเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งเอาไปดาวน์บ้านและผ่อนบ้านให้กับครอบครัว พร้อมกันนั้นก็ได้เรียนต่อปริญญาโท คณะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และองค์การ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า”

วิทยากรคืองานที่ใช่

ต่อมาเธอได้ลาออกจากเอไอเอสเพราะมีปัญหาเรื่องวันหยุดไม่เอื้ออำนวยกับการเรียน และได้มาทำงานที่บริษัท Hutchison Telecommunication  ในตำแหน่ง Senior Trainer คอยฝึกอบรมพนักงานคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมด พร้อมกับเรียนที่นิด้าไปด้วย เรียกได้ว่าชีวิตในช่วงนั้นเป็นช่วงที่เหนื่อยที่สุดของเธอ แต่หลังเรียนจบโอกาสดีๆ ก็ได้เข้ามาในชีวิตมากมาย

“เหนื่อยมากค่ะ ไหนจะผ่อนบ้าน ผ่อนรถ จ่ายค่าเรียน แต่ก็อึดสุดใจขาดดิ้นจนเรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ย 3.77 พร้อมได้เกียรตินิยมอันดับ 2 มาครองด้วย แต่เหนืออื่นใดพอเรียนจบโอกาสดีๆ ก็เข้ามาหา มีคนมาทาบทามให้ไปทำงานบริษัทที่ปรึกษาแห่งหนึ่งในตำแหน่งวิทยากรและที่ปรึกษา จึงไม่รีรอเพราะเป็นบริษัทที่มีเครื่องมือในการฝึกอบรมและเป็นแหล่งเรียนรู้มากมาย”

การทำงานที่บริษัทที่ปรึกษาดังกล่าว ไม่เพียงแค่ทำงานเป็นวิทยากรเท่านั้น แต่เธอได้ทำทุกอย่าง ทั้งพรีเซนต์งาน หาลูกค้าขายของ เจรจาต่อรอง เก็บเงิน เรียกว่าทำครบวงจร เนื่องจากเซลส์ที่บริษัทลาออก ทำให้ผู้บริหารต้องให้มาทำหน้าที่ไปก่อนจนกว่าจะหาคนใหม่มาแทน

น้ำตาล อินโนเวท สู้อย่างมีเป้าหมาย

แรงบันดาลใจเปิดบริษัท

น้ำตาล เล่าว่า วันหนึ่งขณะกำลังหาข้อมูลเพื่อทำหลักสูตรให้ลูกค้าได้ฟังเรื่องหนึ่งจากยูทูบ แต่จำไม่ได้ว่าใครพูด แต่จำประโยคนั้นได้แม่นว่าเป็นพนักงานบริษัทก็เสี่ยง เป็นเจ้าของกิจการก็เสี่ยง แต่จะเสี่ยงเพื่อคนอื่น หรือเลือกที่จะเสี่ยงเพื่อตัวเองแค่นั้น แต่พอฟังจบแล้วเกิดไอเดีย คิดว่าไหนๆ ชีวิตก็เสี่ยงแล้ว ขอเสี่ยงเพื่อตัวเองดีกว่า จึงมองถึงการเปิดบริษัทของตัวเองขึ้นมา

“ตอนนั้นเงินเดือนอยู่ที่ 3 หมื่นกว่า แล้วลองคำนวณรายได้จากการเป็นวิทยากรอิสระอย่างน้อยๆ ก็วันละหมื่นบาท เดือนหนึ่งหาได้ 4 งานก็อยู่ได้ จึงตัดสินใจตั้งบริษัทฝึกอบรมของตัวเองชื่อ อินโนเวทพ้อยท์ แพลนนิ่ง ในปี 2551 มีพนักงานคนเดียวคือ น้ำตาล ตอนแรกไม่ค่อยมีลูกค้า มีลูกค้าเก่าจากบริษัทเดิมตามมาให้จัดฝึกอบรมให้ก็พยายามปฏิเสธไปเพราะมองว่าไม่เหมาะสม

ทว่าสิ่งที่น้ำตาลเน้นคือคุณภาพในการทำงานที่ทำให้ลูกค้าซื้อซ้ำและบอกต่อ ซึ่งจากวันนั้นถึงวันนี้บริษัทเติบโตมีผลกำไรทุกปี กระทั่งปีนี้ก้าวสู่ปีที่ 8 จากพนักงานคนเดียวก็มีทั้งพนักงานประจำและพาร์ตไทม์ เพราะงานล้นมือทำคนเดียวไม่ทัน งานเข้ามาเรื่อยๆ และโชคดีที่ได้งานจากองค์กรใหญ่ๆ เช่น ของธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่ให้เราดูเอนเกจเมนต์ (ความผูกพัน) ทั้งองค์กร โปรไฟล์เริ่มดี ต่อมาหลายองค์กรให้ความไว้วางใจ ต่อมาพอทำเว็บไซต์ มีเฟซบุ๊กก็ยิ่งเป็นที่รู้มากยิ่งขึ้น มีลูกค้าติดต่อมาเอง”

ณ ปัจจุบัน ต้องยอมรับว่า บริษัท อินโนเวทพ้อยท์ แพลนนิ่ง ไม่ใช่แค่บริษัทจัดฝึกอบรมธรรมดาเท่านั้น แต่ยังเป็นบริษัทออร์แกไนซ์ที่ให้บริการด้านฝึกอบรมสัมมนาอย่างครบวงจร และมีความเป็นมืออาชีพอีกด้วย อยากรู้ว่าจริงตามสรรพคุณไหมต้องลอง