เชฟโอเรียน่า ธีราบาสซี่ อาหาร ศิลปะ และแฟชั่น คือสิ่งเดียวกัน
เป็นความจริงที่ว่าอาหารชั้นเลิศนั้นไม่ได้อยู่ที่รสชาติความอร่อยเพียงอย่างเดียว
โดย...ภาดนุ ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล
เป็นความจริงที่ว่าอาหารชั้นเลิศนั้นไม่ได้อยู่ที่รสชาติความอร่อยเพียงอย่างเดียว แต่รูปลักษณ์ที่สวยงามของอาหารต้องเป็นสิ่งที่มาพร้อมกันด้วย เชฟโอเรียน่า ธีราบาสซี่ หัวหน้าเชฟสาวคนเก่งของห้องอาหารอิตาเลียน “สปาสโซ” โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ คือผู้ที่รังสรรค์ให้รสชาติความอร่อยของอาหารกลมกลืนไปกับความเป็นศิลปะและแฟชั่นที่สวยงามจนแยกกันไม่ออก
“ฉันเกิดและเติบโตในครอบครัวที่ทำธุรกิจจัดเลี้ยง ฉันจึงได้คลุกคลีอยู่กับอาหารตั้งแต่จำความได้ และได้ซึมซับความรักในการทำอาหารจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเลยก็ว่าได้ แต่อีกส่วนหนึ่งฉันก็มีความหลงใหลในเรื่องศิลปะและแฟชั่นด้วย ฉันชอบประดิษฐ์สิ่งของสวยงาม ชอบตกแต่งงานคริสต์มาส และตกแต่งขบวนรถคาร์นิวัลด้วยตัวเองอยู่เสมอ”
ความชื่นชอบศิลปะและแฟชั่นนี้เอง ได้นำพาเธอไปสู่วงการแฟชั่น โดยหลังจากที่เรียนจบมหาวิทยาลัยในอิตาลี เธอก็เริ่มทำงานที่ แอทเลียร์ มาสสิโม ฟิโอราวานติ ในฐานะดีไซเนอร์ให้กับแบรนด์ดังอย่าง กุชชี่ อยู่ถึง 3 ปี
“ฉันมีความสุขที่ได้ทำงานในวงการแฟชั่นที่ฉันรักและหลงใหล แต่ในขณะเดียวกันฉันก็ยังต้องการทำในสิ่งที่ฉันรัก นั่นคือการเป็นเชฟ ฉันจึงตัดสินใจเดินตามความฝันด้วยการผันตัวเองมาเป็นเชฟที่สามารถคิดค้นสูตรอาหารให้กลมกลืนไปกับศิลปะและแฟชั่น โดยได้แรงบันดาลใจหลักๆ มาจากคุณยายที่เป็นแม่ครัวฝีมือเยี่ยม และเป็นผู้สอนให้ฉันทำอาหารมาตั้งแต่เด็กๆ”
ด้วยพรสวรรค์ในการทำอาหารที่ติดตัวมา ส่งผลให้เชฟโอเรียน่าชนะรางวัลแชมป์โลกคนแรกในการทำพิซซ่าในงาน เดอะ พิซซ่า เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ณ เมืองลาสเวกัส สหรัฐ เมื่อปี 1994 ซึ่งในวันนั้นเธอได้โชว์ความสามารถพิเศษเฉพาะตัวในการทำพิซซ่าด้วยความมีชีวิตชีวาและความสนุกสนาน โดยโชว์ลีลาเต้นไปพร้อมกับการนวดและโยนแป้ง จนกลายมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
“ฉันมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า อาหารไม่ใช่แค่เรื่องของรสชาติ หากหน้าตาของอาหารและศิลปะในการสร้างสรรค์ ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้อาหารมีความน่ารับประทาน สิ่งนี้จึงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชฟแต่ละคน ซึ่งฉันคิดว่าเคล็ดลับสำคัญบางอย่าง ไม่ได้มีอยู่ในตำราอาหารเท่านั้น แต่อยู่ที่การถ่ายทอดประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่นมากกว่า”
เชฟโอเรียน่าได้สรรหาวิธีการทำอาหารในสไตล์ของตัวเอง โดยการลองผิด ลองถูก ปรับปรุง และพัฒนาทักษะมาโดยตลอด แล้วเธอยังแบ่งปันประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของเธอไปให้เชฟจากร้านอาหารต่างๆ ทั่วโลกด้วย ทั้งที่เยอรมนี สิงคโปร์ อินเดีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย จนโด่งดังและได้รับรางวัลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น รางวัลผู้หญิงแห่งปี จากนิตยสารมิชลิน เยอรมนี (ปี 2002) เชฟมือทองในการทำอาหารอิตาเลียนจากสมาคมเศรษฐกิจยุโรป (ปี 2004) เชฟผู้ทรงอิทธิพลในด้านแฟชั่นจากนิตยสารนาว ในงานจาการ์ตา อวอร์ด (ปี 2011) เป็นต้น
“ก่อนหน้าที่จะมาร่วมงานกับห้องอาหารสปาสโซ ฉันได้ร่วมงานกับโรงแรมแชงกรีลา ในเมืองจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ด้วยความโชคดีทำให้ฉันได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในเชฟที่จัดเตรียมและทำอาหารเพื่อต้อนรับแขกวีไอพีและแขกกิตติมศักดิ์ของโรงแรมในงานเลี้ยงยิ่งใหญ่งานหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกภูมิใจมาก”
ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสม ทำให้เชฟมีความตั้งใจจริงที่จะนำเสนออาหารอิตาเลียนรสชาติต้นตำรับแท้ๆ บวกกับศิลปะในการทำอาหารให้เป็นที่รู้จักของคนไทยให้มากยิ่งขึ้น เธอจึงตัดสินใจมาเป็นหัวหน้าเชฟที่ห้องอาหารสปาสโซในที่สุด
“จุดมุ่งหมายของการมาเป็นเชฟที่สปาสโซ ถือเป็นความท้าทายส่วนตัว ที่ฉันอยากทำให้สปาสโซกลับมามีชื่อเสียงในเรื่องเมนูอาหารอีกครั้ง เพราะตอนนี้ก็เป็นเวลาถึง 20 ปีแล้วที่สปาสโซเปิดบริการ ซึ่งภาพลักษณ์ของร้าน คนส่วนใหญ่มักมองว่าเป็นสถานที่แฮงเอาต์ซะมากกว่า นี่จึงถือเป็นความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ ที่ฉันจะทำให้สปาสโซมีชื่อเสียงในเรื่องเมนูอาหารอย่างที่ฉันตั้งใจไว้”
หอยเชลล์อบทะเล
ส่วนผสม
หอยเชลล์ หอยแมลงภู่ เนื้อปู เนื้อปลา มะเขือเทศเชอร์รี่ ไวน์ขาว กระเทียม
วิธีทำ
นำหอยเชลล์มาปรุงรสด้วยไวน์ขาวและกระเทียม จากนั้นให้แช่หอยเชลล์ที่ปรุงแล้วไว้ในตู้เย็นอุณหภูมิปกติโดยทิ้งไว้ข้ามคืนเพื่อให้ได้รสชาติ
วันรุ่งขึ้นให้นำหอยเชลล์ที่ปรุงไว้ออกมาจากตู้เย็น จากนั้นใส่หอยแมลงภู่ เนื้อปู เนื้อปลา และมะเขือเทศเชอร์รี่ลงไป แล้วจึงนำไปอบในอุณหภูมิพอเหมาะจนส่วนผสมสุกก็นำออกมาตกแต่งจานและเสิร์ฟคู่กับไวน์ขาวได้เลย
เคล็ดลับความอร่อย
อยู่ที่รสชาติของความเป็นซีฟู้ดแท้ๆ แบบดั้งเดิม เพราะเมนูนี้ใช้เครื่องปรุงแค่ 2 ชนิด คือกระเทียมและไวน์ขาวเท่านั้น ซึ่งจะช่วยดึงรสชาติความเป็นซีฟู้ดแท้ๆ ออกมาให้ได้สัมผัสความอร่อยกันแบบเต็มๆ