posttoday

วทันยา วงษ์โอภาสี ผู้บริหารสถานีข่าวรุ่นใหม่

28 กรกฎาคม 2557

แม้เพิ่งก้าวขึ้นเป็นผู้นำหญิงขององค์กรสื่อทีวีดิจิทัล สถานีข่าว “สปริงนิวส์” ได้ไม่นาน และด้วยอายุยังน้อย แต่ยอมรับว่า “เดียร์วทันยา วงษ์โอภาสี”

โดย...วรธาร ทัดแก้ว ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

แม้เพิ่งก้าวขึ้นเป็นผู้นำหญิงขององค์กรสื่อทีวีดิจิทัล สถานีข่าว “สปริงนิวส์” ได้ไม่นาน และด้วยอายุยังน้อย แต่ยอมรับว่า “เดียร์-วทันยา วงษ์โอภาสี” ที่ปัจจุบันนั่งตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารด้านธุรกิจองค์กร บริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่น ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่น่าจับตาจริงๆ ในธุรกิจสื่อทีวีดิจิทัล ทั้งๆ ที่ไม่มีประสบการณ์บริหารสถานีข่าวมาก่อน แต่สามารถทำให้สปริงนิวส์ก้าวขึ้นเป็นสถานีข่าวอันดับต้นๆ ของเมืองไทยได้ในเวลานี้

ก่อนมาบริหารสถานีสปริงนิวส์

“วทันยา” เริ่มต้นชีวิตการทำงานในปี 2550 ด้วยการเป็นโบรกเกอร์ ซึ่งไม่ตรงกับสายงานที่เรียนมาแต่อย่างใด เป็นเวลาประมาณ 2 ปี และระหว่างเป็นโบรกเกอร์เธอได้มีโอกาสทำงานด้านมีเดีย โดยผลิตรายการโทรทัศน์ควบคู่ไปด้วยกับบริษัท อควา เทเลวิชั่น ที่ได้รับสัมปทานเวลาจากช่อง 5

“เดียร์จบศิลปศาสตร์ เอกภาษาและวรรณคดีภาษาอังกฤษ แต่พอทำงานจริงกลับเป็นสายงานด้านการเงินตามที่คุณพ่ออยากให้ทำ คือ เดียร์ทำงานเป็นโบรกเกอร์ 2 ปี อยู่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และในระหว่างนั้นได้มีโอกาสทำงานผลิตรายการโทรทัศน์ กับบริษัท อควา เทเลวิชั่น ที่ได้รับสัมปทานเวลาจากช่อง 5 และมีบทบาทความรับผิดชอบดูแลการผลิตในภาพรวมทั้งหมด”

เดียร์เล่าต่อว่า รายการที่ผลิตเนื้อหาส่วนใหญ่เน้นที่ของความเป็นวาไรตี้ วัยรุ่น อาทิ รายการบางจะเกร็ง สาระแน ชีสทีวี ลิฟวิ่ง มันตรา เป็นต้น ทว่าในระยะแรกของการผลิตรายการ ทุกอย่างอยู่บนความเร่งด่วนและมีเวลาในการเตรียมตัวเพียง 3 เดือน เพื่อนำรายการขึ้นผังให้ทัน ซึ่งเป็นงานที่ท้าทายมาก ขณะเดียวกันต้องเดินสายหาพันธมิตรเข้ามาร่วมผลิตรายการด้วยกัน

จากการชิมลางด้วยการเป็นผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ ผู้บริหารคนเก่งได้มีโอกาสเข้าสู่บทบาทหน้าที่การทำงานร่วมกับสปริงนิวส์ (ต่อมาในปี 2555 ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูงในปัจจุบัน) แม้ที่ผ่านมาจะไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านงานข่าว แต่ประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมาช่วยได้เป็นอย่างดี

“ก่อนนี้ด้านงานข่าวไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ แต่ในมุมของการบริหารธุรกิจมั่นใจว่าประสบการณ์ที่สะสมมาตั้งแต่การเป็นโบรกเกอร์ รวมถึงผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ ทำให้สามารถนำมาปรับใช้กับบทบาทใหม่กับสถานีข่าวสปริงนิวส์ได้เป็นอย่างดี และตลอดเวลาร่วม 4 ปี ที่ได้คลุกคลีอยู่กับสปริงนิวส์ ทำให้ได้เข้าใจฟีลการทำงานที่แตกต่างกันออกไปของส่วนงานที่ไม่ใช่เพียงแค่งานทีวี งานข่าว แต่ทุกๆ ความรับผิดชอบ คือ การขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยกัน”

วทันยา วงษ์โอภาสี ผู้บริหารสถานีข่าวรุ่นใหม่

 

สปริงนิวส์จากวันแรกถึงปัจจุบัน

ภาพใต้การบริหารงานของเธอ พร้อมด้วยทีมงานคุณภาพ ต้องยอมรับว่า สปริงนิวส์เติบโตและขยายตัวอย่างเห็นได้ชัดเจน จากครั้งแรกที่ฟอร์มทีมงานเมื่อ 4 ปีก่อน ทีมงานมี 6070 ชีวิต แต่ปัจจุบันมีมากถึง 400 ชีวิต ถ้าพูดในแง่ของการทำสถานีโทรทัศน์การที่จะเติบโตและเป็นที่รู้จักของประชาชนได้อย่างน้อยต้องใช้เวลา 510 ปี

“ตอนนี้เราเดินมาแค่ 4 ปีกว่าๆ ก็เริ่มเป็นที่จดจำของประชาชนได้มากขนาดนี้ ค่อนข้างประสบความสำเร็จ อันนี้ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกส่วนตัว แต่เกิดจากการที่เราไปทำรีเสิร์ชเอง ทั้งคนอื่นทำรีเสิร์ชด้วย ซึ่งก็มีชื่อของสปริงนิวส์ติดอันดับต้นๆ ตลอด โดยคอนเทนต์ของเราจะให้น้ำหนักที่รายการข่าว 80% ครบทุกด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม กีฬา ไลฟ์สไตล์ บันเทิง อีก 20% เป็นเอนเตอร์เทนเมนต์ วาไรตี้เชิงให้สาระความรู้กับผู้ชม โดยรายการเด่นจะอยู่ช่วงเย็น 5 โมงไปถึงทุ่มครึ่ง รายการสามมุมข่าว จากนั้นทุ่มครึ่งถึง 2 ทุ่ม รายการลับลวงพรางออนทีวี โดยคุณวาสนา นาน่วม และ 2 ทุ่มถึง 3 ทุ่ม รายการเผชิญหน้า จัดโดย คุณดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ที่เชิญบุคคลสำคัญมาร่วมรายการซึ่งผลตอบรับดีมาก”

ผู้บริหารสปริงนิวส์ เล่าต่อว่า แม้สปริงนิวส์จะเริ่มต้นจากทีวีดาวเทียมและเข้าสู่ทีวีดิจิทัลในปัจจุบัน ก็ยังคงมุ่งมั่นในการผลิตข่าวโดยยึดปรัชญาการนำเสนอที่เป็นกลาง และยังคงยึดหลักจรรยาบรรณสื่อไว้อย่างยั่งยืน จนสามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการนำเสนอข่าวสารของสปริงนิวส์คือสถานีที่มีความเป็นกลางอย่างแท้จริง

“จุดยืนตั้งแต่แรกของเราคือความเป็นกลาง และเราก็ยืนอยู่บนจุดนี้มาตลอดไม่เปลี่ยนแปลง เราพร้อมและมีเวทีให้ได้เสนอทุกๆ ความแตกต่างเสมอ ขณะที่คาแรกเตอร์ของเราในการนำเสนอข่าวคือความสด เร็วไว และจริง โดยเรามีสโลแกนว่า ข่าวจริง สปริงนิวส์ ทันเหตุการณ์ เห็นอนาคต ข่าวจริงคือการเสนอข้อมูลที่เป็นจริง ครบถ้วน และรอบด้าน ไม่ใช่แค่ความจริงบางส่วน เพราะอาจทำให้คนดูรับข้อมูลไม่เพียงพอ พลอยเกิดความเข้าใจผิดได้

ข่าวจริงคือต้องไม่ใส่ความรู้สึก อารมณ์ ความเห็นส่วนตัวของนักข่าวลงไปในเนื้อข่าว ข่าวจริงคือต้องทันต่อเวลา ทันต่อเหตุการณ์ เพราะข่าวบางอย่างถ้ามาไม่ทันต่อเวลา ไม่ทันต่อเหตุการณ์ก็จะมีผลกระทบต่อการตัดสินใจของคนดู นอกจากนี้ ยังมีรายการเจาะลึกแง่มุมต่างๆ การเกาะติดสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน พร้อมยืดหยุ่นตัวรายการได้ตลอดเวลา นี่คือสิ่งที่เรายึดมั่นในแนวทางการทำข่าวของเราตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้และต่อๆ ไป”

ผู้บริหารรุ่นใหม่ ยอมรับว่า แม้จะกดดันในการนำพาองค์กรให้เดินหน้าไปสู่เป้าหมายคือความสำเร็จในอนาคต แต่เธอได้ให้คำมั่นว่า พร้อมทำงานอย่างหนักร่วมกับทีมงานทุกคนเพื่อให้องค์กรไปสู่เป้าหมาย กล่าวคือการขึ้นแท่นสถานีข่าวเบอร์หนึ่งให้ได้อย่างถาวร และทำให้สปริงนิวส์เป็นท็อปออฟมายด์ของคนไทยให้ได้ ตอนนี้ก็เห็นแล้วว่าสปริงนิวส์เป็นที่รู้จักมากขึ้นในกลุ่มคนกรุงเทพฯ ส่วนต่างจังหวัดแน่นอนอยู่แล้วเพราะเรามีฐานจากต่างจังหวัดมาก่อน

ต่อแต่นี้ไปน่าจับตา สปริงนิวส์ สถานีข่าวจริง ภายใต้การนำพาของผู้บริหารสาวที่มีวัยเพียงแค่ 30 อย่างยิ่ง