posttoday

ชุติมา เปรื่องเมธางกูร อยากสำเร็จต้องไม่กลัวล้มเหลว

25 มิถุนายน 2557

“จัดเต็มไว้ก่อน เหลือดีกว่าขาด” คือคำจำกัดความที่สาวร่างเล็กสุดมั่น เกศชุติมา เปรื่องเมธางกูร

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา / ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน 

“จัดเต็มไว้ก่อน เหลือดีกว่าขาด” คือคำจำกัดความที่สาวร่างเล็กสุดมั่น เกศชุติมา เปรื่องเมธางกูร ใช้อธิบายถึงสไตล์การแต่งตัวในแต่ละวันของเธอ ที่มาเต็มทั้งชุดและแอกเซสซอรี่ ไล่ตั้งแต่กำไลข้อมือ แหวน และหมวก พิสูจน์ได้จากสไตล์การแต่งตัววันนี้ ที่เธอเลือกชุดลายวัว ตั้งแต่เสื้อ กางเกง และหมวก มาโพสท่าเก๋ๆ ให้ช่างภาพลั่นชัตเตอร์

แรกเห็นหลายคนอาจตัดสินจากภายนอกว่า ผู้หญิงคนนี้ดูเยอะ หลังจากได้คุยกับเธออย่างออกรส ก็ต้องยอมรับว่าเธอเยอะจริงๆ แต่เดี๋ยวก่อน เยอะในที่นี้ หมายถึงเธอผ่านประสบการณ์การทำธุรกิจมาหลายอย่าง ได้บทเรียนชีวิตมามากมาย เพราะไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าในวัยเพียง 31 ปี เธอเป็นเจ้าของกิจการหลายอย่าง ทั้งร้านทำเล็บ ร้านสปา บูทีคยิม และเร็วๆ นี้จะเปิดร้านแวกซ์ เปิดตัวครีมที่ผลิตเอง และยังมีอีกหลายโปรเจกต์ที่จะตามมา นอกจากนี้เธอยังเป็นที่ปรึกษาผู้บริหารช่องทีวีมหานครอีกด้วย

อะไรคือแรงผลักดันให้ผู้หญิงคนหนึ่งสวมหมวกได้หลากหลายใบขนาดนี้ในเวลาเดียวกัน แถมกิจการทั้งหมดของเธอยังตั้งอยู่ในทำเลทองอย่างสยามสแควร์ สาวมั่นสุดชิกมีคำตอบ

เกศ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจว่า เริ่มจากได้ที่แถมสยามซอย 6 มา เลยตั้งคำถามกับตัวเองว่าจะทำธุรกิจอะไรดี ตอนแรกตั้งใจเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว แต่เพื่อนๆ ก็ท้วงว่าจะไหวเหรอ สุดท้ายคิดไปคิดมาเพื่อนแนะนำว่าน่าจะเปิดร้านเล็บ เพราะทำเลร้านที่ได้อยู่ด้านหลังโรงแรมโนโวเทล มีแขกชาวต่างชาติเยอะ แถวนั้นก็มีร้านนวดอยู่เยอะ เปิดร้านเล็บน่าจะตอบโจทย์ด้วย วัยรุ่น ผู้ปกครองที่มาเดินสยามก็มาใช้บริการได้ สุดท้ายเลยตกลงเปิดร้าน Nail Library

“เกศยอมรับนะว่าเราไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน แต่อาศัยว่าตั้งใจ คอนเซปต์ร้านดี เลยได้ผลตอบรับดีมาก ต่อมาเราเริ่มขยายเปิดสปาด้วยที่ชั้น 2 ก็ไปได้ดี ล่าสุดได้ที่ใหม่มาอยู่สยามซอย 1 เกศก็ต้องมาตีโจทย์อีกว่าจะทำธุรกิจอะไรดี เพราะทำเลร้านฉีกออกมาจากที่เดิม จะทำธุรกิจความงามต่ออาจจะไม่เหมาะ เกศก็คิดว่าถ้าไม่ความงาม ไม่คลินิก ก็ต้องออกกำลังกาย สุดท้ายมาลงตัวที่ ‘Boxing King’ เพิ่งเปิดตัวได้ 3 เดือน”

แต่แน่นอน หลักการทำธุรกิจของเกศ คือ ต้องทำธุรกิจกับคนกลุ่มใหญ่ (Mass) ต้องแตกต่าง ตอนที่เกศทำที่นี่ เกศทำการบ้าน ไปศึกษาที่อื่นๆ เอาประสบการณ์ตัวเองมาใส่

“เกศเป็นพวกขี้เกียจออกกำลังกายมาก แถมยังไฮเปอร์นิดๆ เล่นโยคะ วิ่งบนลู่ไม่ได้เลย อย่างต่อยมวย เคยไปลองตามค่ายมวย ปรากฏว่าสิ่งที่เกศรับไม่ได้คือ ห้องน้ำ ค่ายมวยดิบๆ หลายแห่งอาจยังไม่ได้ให้ความสำคัญตรงนี้ แต่สำหรับผู้หญิงหลายคนที่รักความสะอาดมากอย่างเกศเป็นต้น ต้องยอมต่อยมวยเสร็จ ขับรถกลับบ้านมาอาบน้ำ เกศเลยคิดว่าน่าจะเอาตรงนี้มาปรับปรุงถ้าเราจะทำธุรกิจนี้ ที่สำคัญทำเลร้านของเราค่อนข้างดี อยู่สยามเดินทางสะดวกมาก ซึ่งถ้าพูดถึงยิมที่ให้ต่อยมวยแบบเรายังไม่มีที่ไหนอยู่ใจกลางเมืองเดินทางสะดวกแบบนี้”

นอกจากนี้ จุดเด่นของเราคือ มีครูมวยที่มีประสบการณ์อย่างต่ำ 10 ปี เป็นผู้สอนทั้งในเรื่องการต่อสู้เพื่อป้องกันตัว การเรียนรู้ศิลปะการป้องกันตัว โดยคงเอกลักษณ์ความเป็นไทย การออกกำลังกายเพื่อฟิตหุ่น ตลอดจนมีเทรนเนอร์ที่มีประสบการณ์สำหรับคนที่ชอบออกกำลังกายประเภทอื่น เช่น ทีอาร์เอ็กซ์ หรือลูกบอล และถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าครูมวยที่นี่ทุกคนจะถูกบังคับให้สวมกางเกงมวยสีชมพู เพื่อให้ลดภาพความดุดันน่ากลัวลง เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่นี่มีตั้งแต่เด็กอายุ 47 ขวบขึ้นไป จนถึงพ่อแม่ผู้ปกครอง และนักมวยที่ต้องการฝึกฝนเพื่อเข้าแข่งขัน

อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีกระบวนการทำการตลาด วางแผนธุรกิจแบบชัดเจนแบบนี้ แต่เกศเฉลยว่า เธอไม่ได้ร่ำเรียนมาด้านนี้แม้แต่น้อย กลับกัน เธอเลือกเรียนมาในสายอาหารและโรงแรม เคยทำงานในครัว อยู่หน้าฟรอนต์ในโรงแรมตอนอยู่ที่บอสตัน สหรัฐอเมริกา และเคยทำงานเป็นที่ปรึกษาในหน่วยงานพัฒนาทรัพยากรบุคคลและองค์กร และเป็นเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆ แถวสาทร

“เกศเป็นพวกทำอะไรนาน อยู่ที่เดียวนานๆ ไม่ได้ อยากหาอะไรใหม่ๆ ที่ท้าทายมาทำตลอด ด้วยความที่เราเป็นแบบนี้ เกศเลยโชคดีได้เกี่ยวเก็บประสบการณ์ที่ทำงานต่างๆ มาใช้ประโยชน์เยอะมาก แม้ว่าบางงานจะไม่เกี่ยวข้องกันเลยก็ตาม อย่างทุกวันนี้เกศทำงาน 7 วัน ยุ่งมั้ย ก็ยุ่ง แต่ทุกอย่างอยู่ที่การจัดระบบ ทำอย่างไรให้ตัวเองเหนื่อยน้อยที่สุด จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้เกศรู้ว่าการวางคนให้ถูกจุดสำคัญที่สุด จะช่วยให้เราไม่เหนื่อย แต่ก่อนตอนทำธุรกิจใหม่ๆ เราพาตัวเองไปคุมทุกอย่างเอง เหนื่อยมาก”

เกศ บอกด้วยว่า คุณแม่เคยถามว่าทำไมเกศไม่ทำธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วขยายสาขาไปเรื่อยจะได้ไม่เหนื่อย ต้องมานับหนึ่งใหม่ตลอด เกศก็ลองว่าคิดดูว่า อาจจะเพราะเราเป็นพวกกล้าเสี่ยง และชอบไขว่คว้าทุกโอกาสที่เข้ามาไว้ก่อน ถ้าไม่ไหวเมื่อไหร่ค่อยปล่อยไป ถึงสุดท้ายจะล้มเหลวก็ไม่เสียใจ เพราะเราพยายามอย่างเต็มที่ในทุกอย่างที่ทำแล้ว ถึงล้มเหลวก็เป็นประสบการณ์

สำหรับอนาคต เกศบอกอย่างอารมณ์ดีว่า สักวันต้องมีร้านก๋วยเตี๋ยว เพราะยังเป็นความฝันลึกๆ

นอกสังเวียนกับสาวสุดแนว

“เกศชอบแต่งตัวนะ สนุกกับการแต่งตัว แต่ไม่ตามแฟชั่น อยากใส่อะไรก็ใส่ แค่เราชอบ เราไม่อายนะ บางทีแต่งตัวไปมีคนมอง หรือเพื่อนแซว ก็ไม่เสียความมั่นใจนะ ไม่ได้คิดว่าเราสวย แต่แค่เรามั่นใจในสิ่งที่เราทำ จำได้ว่าเคยใส่ชุดนี้ไปเจอญาติๆ วันนั้นกลายเป็นว่าเหมือนเราเป็นดารา มีแต่คนขอถ่ายรูป”

“เสื้อผ้าส่วนใหญ่ในตู้จะใช้ตัดเป็นส่วนใหญ่ เพราะเกศชอบดูหนังสือแฟชั่น แล้วก็ไปบอกช่างว่าเอาลายผ้านี้ แต่ตัดเป็นแบบนี้ ประยุกต์ตามแบบที่เราชอบไปเลย”

“ซิกเนเจอร์ของเกศ คือ ต้องใส่หมวก ชอบหมวกมาก มีไม่ต่ำกว่า 100 ใบ ใส่แทบทุกวันนะ เพราะบางทีเราไม่ได้สระผม หรือขี้เกียจเซตผม ใส่หมวกไปก็จบ”

“แอกเซสซอรี่ทุกวันต้องจัดเต็ม ทั้งกำไล แหวน และหมวก วันไหนถ้าลืมถึงกับไม่มั่นใจ ถ้าให้ใครไปเอามาให้ได้ เกศก็ทำนะ”