posttoday

ธนันท์กาญจน์ สมทรัพย์ เรียนรู้เพื่อค้นพบ

22 พฤษภาคม 2557

หลังจากได้นั่งฟัง ปูธนันท์กาญจน์ สมทรัพย์ เล่าเรื่องราวชีวิตการทำงานของเธอ ความรู้สึกแปลกใจปนทึ่งก็เกิดขึ้นกับผู้หญิงหน้าหวานนัยน์ตาคมคนนี้

โดย...พงศ์ พริบไหว/ภาพ ประกฤษณ์ จันทะวงศ์ &<2288;

หลังจากได้นั่งฟัง ปู ธนันท์กาญจน์ สมทรัพย์ เล่าเรื่องราวชีวิตการทำงานของเธอ ความรู้สึกแปลกใจปนทึ่งก็เกิดขึ้นกับผู้หญิงหน้าหวานนัยน์ตาคมคนนี้ ข้อแรกที่ต้องยอมรับเลยเมื่อแรกรู้จัก เธอไม่ใช่คนสวยธรรมดา แต่ฉลาดเป็นกรด พูดจามีเหตุมีผล มีร้อยยิ้มที่ตรึงใจ ทั้งขยันทำงานหาเงินดูแลครอบครัว ชอบความท้าทายเป็นชีวิตจิตใจ มองโลกในแง่ดีเสมอ และอีกไม่นานเธอเองก็จะเรียนจบเป็นดอกเตอร์ ซึ่งเป็นการทำตามความฝันของคนในครอบครัว

เรียกได้ว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ปูผ่านชีวิตที่เคี่ยวกรำตัวเองมาอย่างหนักหนา ทำงานตั้งแต่ยังเรียนปริญญาตรีสารพัดสารเพจนมีลิสต์งานที่เคยทำยาวเป็นหางว่าว ไม่ว่าจะเป็นช่างภาพ ช่างตัดต่อ แอมบาสซาเดอร์สินค้า นางแบบ นักแสดง นางเอกหนังสั้น ครูสอนการแสดง งานด้านเอเยนซี ฯลฯ ปัจจุบันเธอเองเมื่อมีประสบการณ์เต็มที่ จึงตัดสินใจนั่งแท่นเป็นเจ้าของบริษัท โตเร็ว เอเจนซี่แอนด์ครีเอชั่น ซึ่งร่วมหุ้นทำกับพี่ที่รู้จัก โดยบริษัทจะทำด้านผลิตสื่อบันเทิง ดนตรี สื่อภาพยนตร์ อีเวนต์ และการวางแผนด้านการตลาด แม้จะเป็นบริษัทน้องใหม่ที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจ แต่สาวเจ้าคนนี้ก็อยู่เบื้องหลังรับทำงานอีเวนต์ใหญ่หลายงาน หากจะพูดถึงก็คงยาวเหยียด

ธนันท์กาญจน์ เข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการแสดงหนังสั้นและมีงานแสดงเรื่อยมาจนได้เป็นนางเอกเอ็มวีหลายเรื่อง โดยผลงานล่าสุดคือภาพยนตร์ร่วมทุนไทยจีน เรื่อง “มหาราชสองแผ่นดิน” ที่กำลังจะเปิดกล้อง อีกทั้งยังมีละครดังไฟใต้น้ำ ละครรีเมกซึ่งกำลังจะออนแอร์ในอีกไม่นานนี้ แต่สิ่งที่เธอเองฝันมานานและสนุกที่ได้ทำเสมอคือ การทำงานเบื้องหลังที่ต้องใช้ประสบการณ์ของเธอเองเข้ามาปรับแก้ปัญหา และเป็นงานที่ท้าทายเธอตลอดเวลา

“ตอนนี้เรียนปริญญาเอกด้านการตลาดอยู่ค่ะ คือเราทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยมาตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย ปูเลยมีประสบการณ์ในการทำงานหลายอย่าง โดยเฉพาะงานเบื้องหน้าที่เหมือนจุดพลิกผันให้เราเองอยากทำงานเบื้องหลัง คือเริ่มจากว่าเราบ้างานมาก (หัวเราะ) เลยลองทำอะไรใหม่ๆ เสมอ คือเราเองชอบความท้าทายชอบเรียนรู้ พอทำเรื่องหนึ่งได้เราจะเปลี่ยนไปเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ อย่างตอนนี้เราเรียนเรื่องการตลาดก็จะสนใจเรื่องของการวางแผน คือเราเห็นว่าคนไทยเป็นคนชอบทำอะไรเช้าชามเย็นชาม เราไม่ชอบแบบนั้น คิดว่าต้องมองไปไกลต้องมีแผน อย่างในหนึ่งปีเราจะเติบโตไปยังไง จะทำอะไร อีกห้าปีสิบปีจะเป็นยังไง คือเราชอบวางแผน แล้วก็ไม่ได้ซีเรียสด้วยว่าแผนการนั้นจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ยังไง แต่เราต้องพร้อมตั้งรับ”

ด้วยความคิดเช่นนี้ทำให้สาวสวยคิดอยากทำงานใหญ่ดูสักครั้งเพื่อวาดหวังถึงอนาคต ซึ่งก็ใหญ่โตมากกระทั่งผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอ ต้องใช้เวลาถึงสองปีเต็มเพื่อพยายามและพยายาม

เธอเล่าให้ฟังด้วยแววตาเป็นประกาย ว่า เมื่อนั่งคุยกับหุ้นส่วนเธอเองเล่าถึงแผนการในอนาคตที่วางไว้ ถึงความต้องการจัดงานสักอย่างในนามบริษัทเอง หากทำได้สำเร็จคงเป็นอะไรที่ท้าทายตัวเองไม่น้อย ซึ่งกว่าจะมาเป็นโปรเจกต์ก็เริ่มตั้งแต่ต้องคิดโครงงานเป็นสิบชิ้น ก่อนหอบหิ้วโปรเจกต์ไปยื่นตามที่ต่างๆ

ธนันท์กาญจน์ สมทรัพย์ เรียนรู้เพื่อค้นพบ

 

“ตอนแรกก็วิ่งเสนองานหลายที่นะ ถูกปฏิเสธมาตลอด เขาบอกไม่มีอะไรน่าสนใจเลย เราก็พยายามเข้าไปหาหน่วยงานต่างๆ หลายหน่วยงานมาก ก็โดนปฏิเสธหมด แต่เราเป็นคนชอบความท้าทายไง เราอยากทำให้มันสำเร็จให้ได้ให้เกิดเป็นจริง เราก็คิดว่าไม่เป็นไร ลองหาวิธีอื่นด้วยการหาสปอนเซอร์เองดู เราก็พยายามเข้าไปหาสินค้าต่างๆ มันก็ได้เข้ามาเรื่อยๆ นะ ก็มีกำลังใจขึ้นมา แต่ก็ไม่ง่ายเลยคือบางครั้งต้องวิ่งงานไปไหนมาไหนเองหมด ขับรถไปกลับต่างจังหวัดทุกวันบางครั้งทำแบบนั้นทุกวันเสาร์อาทิตย์ก็มี เรียกได้ว่าเกือบท้อตั้งหลายครั้งแต่ก็เป็นงานที่ท้าทายและสนุกดี”

งานที่เธอเล่ามาคือเทศกาลดนตรี ที่มีชื่อว่า “สปช.เฟส ตอน โสดแก่นซ่าส์” ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 พ.ค.นี้ โดยในงานจะจัดเป็นตอนๆ ไล่ไปตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเทศกาลดนตรีที่สุดพิเศษไม่เหมือนใคร ไล่เรียงตั้งแต่คอนเซปต์งานที่จัดการประกวดดนตรีเฟ้นหาวงหน้าใหม่เข้ามาร่วมแสดงในงาน เสมือนเป็นการเปิดพื้นที่ให้นักร้องหน้าใหม่เข้ามาแสดงผีมือ

วงดนตรีจาก 100 วง จะถูกคัดเหลือเพียง 5 วงดนตรี เพื่อขึ้นเล่นสลับกับศิลปินหลักในงานแบบสดๆ อีกทั้งยังเป็นเทศกาลดนตรีแรกของโลกที่ผู้เข้างานจะต้องใส่ป้ายคล้องคอแสดงสถานะของตัวเองที่มีให้เลือกทั้งโสด พร้อมมีกิ๊ก และมีแฟนแล้ว ซึ่งรายละเอียดของงานยังมีอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง ซึ่งก็ล้วนน่าสนใจแทบทั้งสิ้น เพราะเป็นการรวมเอาโปรเจกต์ทั้งหมดสิบกว่าชิ้นมาเป็นงานเดียว

“ตอนเริ่มแรกรู้สึกเหนื่อยจนน้ำตาไหลเลยนะ คือเราไม่ได้เป็นบริษัทใหญ่ที่จะมีพลังมีคนเยอะ เราก็เลยต้องใช้แรงเยอะกว่าคนอื่น คือปูจะบอกตัวเองเสมอแหละว่า เรามีฝันนะแล้วมันก็เป็นฝันที่ยิ่งใหญ่ เราอยากทำให้มันเป็นจริง คือเราเชื่อว่าหลายๆ คนยังหลงทางกับคำว่าฝันและโลกแห่งความจริงอยู่ แต่เราไม่ใช่แบบนั้นเราคิดว่าฝันแล้วก็ต้องทำบนโลกความจริงให้ได้ บางคนก็บอกว่าเราฝันใหญ่ไปหรือเปล่า แต่จริงแล้วถ้าเรากล้าฝันเราต้องกล้าทำสิ นั่นแหละมันเลยเป็นแรงผลักทำให้เกิดเทศกาลดนตรีนี้ขึ้น”

นอกจากงานข้างต้นที่เธอกล่าวถึง ผู้หญิงเก่งคนนี้ยังแบ่งเวลาวันหยุด เพื่อเปิดสอนการแสดงให้เด็กๆ ในโรงเรียนของเธออีกใต้ชื่อ “@ToReo Star Club” ส่วนวันจันทร์ถึงศุกร์ก็แบ่งเวลาไปเรียนและออกไปทำงาน จากที่ดูตารางการใช้ชีวิตต้องบอกเลยว่า เป็นผู้หญิงที่แทบไม่ได้หยุดเดินทางเลย หนำซ้ำชีวิตยังเต็มไปด้วยสีสันที่หลากหลาย ด้วยเพราะเป็นคนที่มุ่งมั่นเรียนรู้และมักหาอะไรทำอยู่เสมอเพื่อท้าทายตัวเอง

เชื่อแน่ว่าเมื่อผ่านงานใหญ่ครั้งนี้ไปเธอก็คงจะค้นพบแรงบันดาลใจใหม่อีกหน และออกเดินทางต่อเพื่อไปถึงจุดหมายใหม่ๆ

คลายเครียดสไตล์ปู

เห็นทำงานเยอะขนาดนี้ แต่เธอเองก็มีวิธีทำลายความเครียดแปลกไม่เหมือนใครด้วยการ “ถ่ายภาพ” ซึ่งเจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า เธอเองรักการถ่ายรูปมาก เคยส่งเข้าประกวดได้รางวัลหลายหนแต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่ด้วยเพราะเธอเองชอบบันทึกความทรงจำ เมื่อเห็นอะไรสวยๆ ก็จะเก็บช่วงโมเมนต์นั้นด้วยการลั่นซัตเตอร์ โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นภาพธรรมชาติเพราะรู้สึกว่าช่างมีชีวิตชีวาดูเย้าหัวใจ หากเมื่อไรที่ว่างก็มักจะออกไปรับงานเสมอ และเมื่อเครียดมากๆ เธอเองจะหายไปจากผู้คนพร้อมกล้องคู่ใจและออกเดินทางเพื่อไปปลดปล่อยอารมณ์