posttoday

พิชญ์สินี ตันวิบูลย์ นางแบบแถวหน้าของเมืองไทย

23 กุมภาพันธ์ 2557

หลายปีก่อนชื่อของ สิพิชญ์สินี ตันวิบูลย์ โด่งดังแซงหน้านางแบบไทยคนอื่นๆ เพราะเธอได้รับโอกาสทองที่ไม่ได้หาได้ง่ายๆ

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล

หลายปีก่อนชื่อของ สิ-พิชญ์สินี ตันวิบูลย์ โด่งดังแซงหน้านางแบบไทยคนอื่นๆ เพราะเธอได้รับโอกาสทองที่ไม่ได้หาได้ง่ายๆ เธอได้เดินเฉิดฉายบนรันเวย์แฟชั่นหมายเลขหนึ่ง “ปารีส แฟชั่น วีก” อย่างเต็มภาคภูมิ เธอเป็นหนึ่งในนางแบบที่ดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลกอย่าง มาร์ค เจค็อบส์ (Marc Jacobs) ปิแอร์ การ์แดง (Pierre Cardin) ฌอง ปอล โกลติเยร์ (Jean Paul Gaultier) และเจ้าแม่พังก์กูตูร์ อย่าง วิเวียน เวสต์วูด (Vivienne Westwood) กดไลค์ให้ไปเดินอวดโฉมคอลเลกชั่นใหม่ของพวกเขา

มาวันนี้ เธอยังเป็นหนึ่งในนางแบบแถวหน้าของเมืองไทย ที่ไม่ว่าแบรนด์ไหน งานอีเวนต์ไหนก็ต้องมีชื่อของเธอเป็นหนึ่งในทำเนียบนางแบบงานนั้น อะไรทำให้เด็กสาวจากเวที “ไทย ซูเปอร์ โมเดล 2006” มาได้ไกลแบบนี้ สิ พิชญ์สินี คือคนเดียวที่มีคำตอบ

ไม้แขวนเสื้อที่มีชีวิต

สิ ยอมรับว่า การที่มีโอกาสไปเดินแบบเมืองนอก ได้ร่วมงานกับแบรนด์ดังๆ เป็นใบเบิกทางที่สำคัญในอาชีพนางแบบของเธอ ทำให้มีคนรู้จักเธอมากขึ้น ทว่า เบื้องหลังฉากหน้าอันสวยหรู ได้แต่งหน้าสวยๆ ใส่เสื้อผ้าแพงๆ สิ บอกว่า เบื้องหลังกว่าจะมาถึงตรงนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายแม้แต่น้อย

“บางคนอาจจะมองว่าอาชีพนางแบบสบายๆ แค่ออกมาเดินๆ แต่จริงๆ แล้ว นางแบบต้องตีโจทย์ว่าจะเดินอย่างไรให้สวย ให้คนชม สิ่งเหล่านี้ต้องใช้พลังงานและสมาธิมหาศาล ต้องพยายามสื่อสารกับคนดูให้ได้ ซึ่งช่องทางเดียวในการสื่อสารของนางแบบ คือ สายตา แต่จะสื่อสารอย่างไรให้ออกมาดี เรื่องแบบนี้สอนกันไม่ได้ ต้องอาศัยประสบการณ์จากชั่วโมงการทำงาน”

พิชญ์สินี ตันวิบูลย์ นางแบบแถวหน้าของเมืองไทย

 

ถามว่า นางแบบก็เปรียบเหมือนไม้แขวนเสื้อที่ไว้โชว์เสื้อผ้า สิไม่เถียงว่าไม่ใช่ ในแง่หนึ่งนางแบบคือไม้แขวนเสื้อที่ทำให้เสื้อผ้าที่อยู่บนตัวดูสวย ผู้ชมเห็นแล้วอยากหยิบมาใส่บ้าง แต่อีกแง่หนึ่ง นางแบบก็เป็นมากกว่าไม้แขวนเสื้อ เพราะนางแบบเป็นมากกว่านั้น เราต้องนำเสนอความเป็นศิลปะ เป็น Live Show

“เสื้อผ้าจะสวยไม่สวยนอกจากจะอยู่ที่ดีไซน์แล้ว ยังอยู่ที่บุคลิก การก้าวเท้าเดินของนางแบบด้วย จะนำเสนอเสื้อผ้าชุดนั้นออกมาอย่างไร อย่างที่บอกว่าเรื่องแบบนี้เลียนแบบกันไม่ได้ ต้องหาความโดดเด่นและสไตล์ของตัวเองให้เจอ อย่างสิ จะเป็นสไตล์หวานนิด เดินพลิ้วๆ หน่อย เพราะสิเดินแล้วน้ำหนักลงสะโพก”

อย่างไรก็ตาม แต่ละโชว์ก็ต้องการรูปแบบการเดินการนำเสนอที่ไม่เหมือนกัน อย่าง แบรนด์นาการา (Nagara) ต้องเดินดูแข็งแรง หรูหรา แบรนด์มิลิน (Milin) ก็ต้องเดินแข็งแรงแต่แฝงความเซ็กซี่ ส่วนแบรนด์สเรตซิส (Sretsis) เป็นแนวหวานแฝงความเซ็กซี่ ซึ่งแต่ละโชว์สิ่งที่นางแบบทำได้ คือ เปลี่ยนสไตล์การเดินโดยไม่ใช้การพูดจา แต่นำเสนอผ่านการเดิน และการใช้สายตาเท่านั้น

นางแบบโกอินเตอร์

ถามถึงความแตกต่างของการร่วมงานกับระดับอินเตอร์กับการทำงานในเมืองไทย สิตอบแบบไม่ต้องใช้เวลาคิดนานว่า เมืองไทยทำงานสบายกว่ามาก เพราะทำงานกันแบบพี่ๆ น้องๆ พี่ๆ ในวงการให้ความเอ็นดู และให้งานต่อเนื่องตลอด แต่ถ้าเป็นเมืองนอกมีการแข่งขันสูง ต้องเจอแรงกดกันหลายรูปแบบ แต่สิยอมรับว่าเธอก็ชอบทั้งสองแบบ เพราะงานที่ยากและกดดัน ก็ทำให้เธอมีแรงขับที่อยากจะพัฒนาตัวเองให้สู้คนอื่นได้

“โชคดีที่เมืองไทยเป็นเมืองแฟชั่นอยู่แล้ว สิเองก็มีประสบการณ์การทำงาน ตอนไปทำงานที่ต่างประเทศเลยไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรมาก เพราะบ้านเราก็มีความทันสมัยอยู่แล้ว”

พิชญ์สินี ตันวิบูลย์ นางแบบแถวหน้าของเมืองไทย

 

สำหรับหลักการทำงานของนางแบบสุดฮอตวัย 26 ปี เธอบอกว่า จะไม่ปฏิเสธโอกาสที่เข้ามา จะมุ่งมั่นในอาชีพ ก้าวไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่นแบบคนญี่ปุ่น สำหรับรุ่นน้องที่อยากเข้ามาในวงการ สิแนะนำให้หาตัวตนของตัวเองให้เจอ เก็บสิ่งดีๆ ของรุ่นพี่ในวงการมาใช้ แต่อย่าลอกเลียนแบบ พยายามสร้างความโดดเด่นในแบบของตัวเอง

ส่วนอนาคต นอกจากจะโลดแล่นในอาชีพนางแบบต่อไป สิ บอกว่า เธอกำลังทำแบรนด์เครื่องประดับของตัวเอง “Si Selected” ซึ่งสิบอกว่าอยากทำเพราะหน้าที่การงานก็เกี่ยวข้องกับความสวยความงามอยู่แล้ว ปกติก็ขายของ (เสื้อผ้า) ให้คนอื่นอยู่แล้ว เลยอยากลองขายให้ตัวเองบ้าง

“สิว่าก็วินวินนะ แต่ที่สิเลือกทำเครื่องประดับไม่ทำแบรนด์เสื้อผ้า เพราะสิเคารพพี่ๆ ดีไซเนอร์ในวงการ สิว่า ถ้าสิทำได้ไม่ดีเท่าพี่ๆ เขา สิไม่ทำดีกว่า แต่ในอนาคตสิอาจจะร่วมมือกับพี่ๆ ดีไซเนอร์ทำคอลเลกชั่นออกมาก็เป็นได้” นางแบบอนาคตไกล กล่าวทิ้งท้าย

ดูแลตัวเองสไตล์นางแบบ

สิยืดอกยอมรับว่า ถึงจะเป็นนางแบบ แต่ชอบกินมาก กินเยอะแต่ก็ออกกำลังเยอะตามไปด้วย ทุกครั้งก่อนไปเดินแบบจะเข้าฟิตเนสเพื่อไปเผาผลาญแคลอรีประมาณ 30 นาที ทุกสัปดาห์จะไปเข้าฟิตเนส ไปเจอเทรนเนอร์ เพื่อบริหารร่างกายให้มีกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ก็ยังเล่นกีฬาขี่ม้าและเวฟบอร์ด

“สิไม่ค่อยกลัวอ้วนนะ เน้นออกกำลังกาย สิถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของงาน สิว่าออกกำลังกายแล้วติดนะ วันไหนไม่ได้ออกกำลังรู้สึกอึดอัด ส่วนใหญ่ถ้าจะเช็กว่าเริ่มอ้วนหรือยัง จะดูจากเสื้อผ้าที่ใส่ ต้องไม่มีไขมันส่วนเกิน เพราะด้วยอาชีพ เราต้องรักษาคุณภาพ ไม่ให้หน้าท้องหรือสะโพกใหญ่

เอื้อเฟื้อเครื่องแต่งกาย : แบรนด์อิชชู่