posttoday

ดนิศร์ เหมาคม หัวใจเต้นไปเสียงดนตรี

28 มกราคม 2557

ด้วยตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเอนเตอร์เทนเมนต์ของคูเดทา กรุงเทพฯ อาจทำให้ใครวาดภาพ ดนิศร์ เหมาคม หนุ่มสัญชาติไทยที่เติบโตในอเมริกา

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

ด้วยตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเอนเตอร์เทนเมนต์ของคูเดทา กรุงเทพฯ อาจทำให้ใครวาดภาพ ดนิศร์ เหมาคม หนุ่มสัญชาติไทยที่เติบโตในอเมริกา เป็นหนุ่มปาร์ตี้ ชอบสังสรรค์ แต่เกือบ 1 ชั่วโมงที่ได้ทำความรู้จักกับชายหนุ่มวัย 37 ปีคนนี้ ค่อยทลายภาพหนุ่มแบดบอย เป็นแฟมิลี่แมนขึ้นมาทันที โดยเฉพาะน้ำเสียงและแววตาที่อ่อนโยนยามเล่าถึงลูกสาววัย 2 ขวบ

“ผมอาจจะแก่แล้วมั้ง อายุ 37 แล้ว (หัวเราะ) ผ่านมาหมดแล้ว เดี๋ยวนี้ไลฟ์สไตล์วันว่างของผมไม่ใช่ปาร์ตี้ หรือแอลกอฮอล์แล้ว สิ่งเหล่านี้อยู่ในชีวิตประจำวันของผมเป็นงาน เวลาว่างผมเลือกที่จะมองหาความสงบ พาลูกสาวไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะ”

ปัจจุบัน ดนิศร์ นั่งเก้าอี้หัวหน้าฝ่ายเอนเตอร์เทนเมนต์ ดูแลในภาพรวมทั้งเรื่องดนตรี ทีมนักแสดง และดีเจ ตั้งแต่กระบวนการคัดเลือก จนมาสู่ความสมบูรณ์แบบในการนำเสนอความบันเทิงให้กับแขกที่มาใช้สองไนต์คลับ 1 บาร์ ซาวด์การ์เดน เอเวียรี่ และคลับ เลานจ์ ซึ่งทั้งหมดถือว่ายังเป็นแหล่งบันเทิงน้องใหม่ของเมืองไทย เพราะเพิ่งเปิดบริการเมื่อกลางเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ถึงไนต์คลับและบาร์ที่ดูแลจะใหม่ แต่ประสบการณ์ในด้านธุรกิจบันเทิงที่ดนิศร์สั่งสมมากลับยาวนานกว่า 10 ปี

เขาเริ่มต้นเดินทางถนนสายนี้ด้วยการเป็นดีเจที่คิว บาร์ (Q Bar) ไนต์คลับหรูระดับ 5 ดาว สัญชาติอเมริกัน และได้ก้าวกระโดดสู่การเป็นผู้อำนวยการด้านความบันเทิงอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงก้าวไปอีกขั้นการเปิดไนต์คลับใหม่แกะกล่องที่ชื่อว่า 808 Bangkok รวมทั้งเปิดเอเยนซี Mishmash Creative โดย 808 Bangkok ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วว่าเป็นไนต์คลับแนวเพลงอิเล็กทรอนิกส์สุดล้ำที่เป็นที่นิยมของเหล่านักท่องโลกมากมาย และยังได้มีโอกาสจัดงานอีเวนต์ยักษ์ใหญ่ร่วมกับแบล็ก เลเบลและไนต์คลับสุดฮอตอย่างมิวส์และร้านนั่งเล่น

ดนิศร์ เหมาคม หัวใจเต้นไปเสียงดนตรี

หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการก่อตั้งบริษัท Mishmash Creative เขาก็ได้กลับไปกุมบังเหียน Q Bar ในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปอีกครั้ง และได้นำคิวบาร์โฉมใหม่สู่ความสำเร็จอย่างล้นหลาม

“12 ปีที่แล้ว ผมเดินทางกลับมาเมืองไทย ตอนแรกก็ได้รับการทาบทามให้ไปเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยมหิดล แต่ด้วยความที่มหาวิทยาลัยอยู่ไกลถึงศาลายา ตัวผมเองติดใจในความเป็นเมืองของกรุงเทพฯ ไม่อยากไปอยู่ไกล เลยตัดสินใจไม่ไปเป็นอาจาย์ ปรากฏว่ามีคนชวนให้มาเป็นดีเจที่คิวบาร์ ผมก็เลยคิดว่าน่าลองดู เลยเป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพผมมาจนทุกวันนี้”

นอกจากจะมาเป็นดีเจแบบไม่ตั้งใจแล้ว ถามไถ่ไปจึงรู้ว่าแรกเริ่มเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาด้านธุรกิจบันเทิงเลย เพราะเรียนมาทางด้านวิทยาศาสตร์ เดิมตั้งใจจะเป็นหมอ แต่พอเรียนไปก็พบว่าตัวเองคงไม่อยากใช้เวลาทั้งชีวิต หรืออีกเป็นสิบปีเพื่อเรียนหมอ เลยเบนเข็มมาเรียนสาขาชีวะวิทยา คณะวิทยาศาสตร์

“ตอนเรียนจบมาอายุ 22 ปี ผมทำงานด้านวิทยาศาสตร์อยู่ 5 ปี ได้มีโอกาสติดต่องานกับนักวิชาการ สถาบันชั้นนำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเด็กจบใหม่ แต่ก็ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ได้เรียนรู้การทำงานแบบมืออาชีพ ซึ่งกลายเป็นข้อดีที่ผมมีติดตัวมาจนทุกวันนี้ เพราะคนทำงานในธุรกิจบันเทิงส่วนใหญ่จะเน้นสนุกสนานแต่ไม่ค่อยมีความเป็นอาชีพ แต่ผมผ่านงานสายวิชาการ เลยนำประสบการณ์ตรงนั้นมาช่วยในงานด้วย”

ถามว่าอยู่ในธุรกิจบันเทิงมาร่วม 10 ปี เวลาทำงานสวนทางกับคนอื่น ทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ดนิศร์ บอกว่า แน่นอนว่าเวลาทำงานไม่เหมือนคนอื่น ต้องเลิกงานดึกตี 1 ตี 2 เพราะต้องดูความเรียบร้อยในงาน แต่กว่าจะเริ่มงานก็ประมาณเที่ยงวัน ข้อคดีของเวลางานที่สวนทางกลับคนอื่นคือ ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาการจราจรติดขัด แถมได้มีเวลาอยู่กับลูกสาวมากขึ้น เพราะถ้าทำงานปกติ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น กว่าจะกลับถึงบ้านคงหาเวลาเจอกับลูกยาก

สำหรับเป้าหมายในอนาคต ดนิศร์ บอกว่า สมัยเด็กชอบวางแผนหลายอย่างในชีวิต แต่ตอนนี้ไม่แล้วปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปตามที่ควรจะเป็น สำหรับคูเดทาเขามุ่งมั่นจะสร้างสรรค์ความบันเทิงแบบสุดพิเศษ เพื่อให้เป็นแหล่งบันเทิงที่ถูกใจคนกรุงเทพฯ

ดนิศร์ เหมาคม

การศึกษา : ปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ สาขาชีวะวิทยา ณ มหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ มลรัฐแมรี่แลนด์ สหรัฐ

ของสะสม : รองเท้าและกางเกงยีนส์

วันว่าง : อยู่กับเสียงดนตรีถึงจะทำงานอยู่กับเสียงเพลง แต่เวลาว่าง ดนิศร์ บอกว่าชอบฟังเพลง เล่นดนตรีคนเดียว วันละประมาณ 1 ชั่วโมง อีกกิจกรรมที่ชอบคือ ตามหาซีดีเพลงที่หายากๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะอาศัยเพื่อนๆ ช่วยหา เพราะในเมืองไทยค่อนข้างหายากและราคาแพง