พล ตัณฑเสถียร...ชีวิตคือการทำอาหาร

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

จากลูกชายคนเล็กของครอบครัวตัณฑเสถียร ผู้ที่ร่ำเรียนด้านกฎหมาย ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วไปร่ำเรียนด้านเอ็มบีเอที่สหรัฐ เมื่อจบกลับมาก็ได้รับโอกาสให้เข้าสู่วงการแสดง หลังจากนั้นก็ได้ทำงานด้านมาร์เก็ตติ้ง เป็นคอลัมนิสต์เกี่ยวกับอาหารและร้านอาหารให้กับนิตยสารต่างๆ ต่อมาก็ได้เปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง รวมทั้งทำรายการสอนทำอาหารอีกด้วย

หากนี่คือเรื่องราวชีวิตแบบคร่าวๆ ของ “พล ตัณฑเสถียร” ผู้ซึ่งไม่เคยคิดฝันว่า วันหนึ่ง ตัวเองจะได้ทำหน้าที่เชฟ ผู้ซึ่งลงครัวส่วนกลาง เพื่อส่งอาหารเกือบสำเร็จรูปให้กับร้านอาหารของตัวเอง นี่คงเป็นชีวิตที่มีความน่าสนใจอยู่มิใช่น้อย

“ที่ชีวิตต้องมาเกี่ยวพันกับการทำอาหาร เริ่มต้นมาจากการเป็นนักแสดง ที่คนว่าจ้างงานตามอีเวนต์ต่างๆ มักถามว่าเราทำอะไรเป็นงานอดิเรก ผมก็เลยบอกว่า วาดรูปได้ ทำอาหารได้ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ผู้ว่าจ้างให้เราทำอาหารในงานอีเวนต์ พอทำไปทำมาเราเริ่มโดดเด่นกว่าคนอื่น อีกทั้งยังได้เขียนคอลัมน์อาหารลงในนิตยสาร ทำให้เราได้ไปกินอาหารหลากหลาย อาหารแปลกๆ ที่เราไม่เคยได้กิน สิ่งนี้ได้เปิดโลกด้านอาหารให้กับเรา ให้เราได้ศึกษาค้นคว้า และทำให้เราได้มีเพื่อนที่เป็นเจ้าของร้านอาหาร เป็นเชฟ เป็นผู้จัดการร้าน จากตรงนี้ก็ค่อยๆ ทำให้รู้สึกว่าเปิดร้านอาหารดีกว่า”

เมื่อชายหนุ่มผู้นี้ตัดสินใจเปิดร้านอาหาร ทำให้เขาค้นพบว่า จริงๆ แล้วเขาไม่มีความพร้อมเลย

“คงเป็นเพราะเรามีความรู้ด้านอาหารและการทำร้านอาหารไม่เยอะพอ นี่จึงเป็นจุดที่ทำให้เราต้องไปเรียนเพิ่ม เช่น เรียนทำอาหารไทย ทำขนมไทย เรียนแกะสลัก ที่โรงเรียนการเรือนยิ่งเจริญ เรียนกับอาจารย์ศรีสมร อีกทั้งไปเรียนทำอาหารฝรั่ง ที่เลอ กอร์ดอง เบลอ รวมทั้งไปเรียนในสิ่งที่เราไม่สนใจด้วย เช่น ชงกาแฟและต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง เนื่องจากสถานการณ์บีบบังคับ เช่น บาร์เทนเดอร์ของเราลาออกหมด ทำให้เราต้องไปร้านหนังสือ เอาหนังสือมาศึกษาและทำเอง”

ด้วยความสนใจทำอาหาร โดยเฉพาะอาหารไทย พลเปิดเผยว่า โดยความชอบส่วนตัว เขาชอบทำแกง “เพราะชอบพริกแกง เราว่าการทำพริกแกงมันมหัศจรรย์นะ ทำให้เราได้เรียนรู้พริกแต่ละชนิด ได้เรียนรู้วิธีการตำ เอกลักษณ์ของอาหารไทยอยู่ที่ครกกับสากที่เอาไว้ใช้ตำนี่แหละ (หัวเราะ)”

 

พลเผยว่า การได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับอาหารและการทำอาหาร สิ่งนี้ได้กลายเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเองในท้ายที่สุด

“สิ่งที่เราได้เรียนรู้ในหลายๆ อย่าง ทำให้เราสามารถครีเอตและประยุกต์ให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา เราคิดว่าการทำอาหารก็คือการทดลอง คืองานวิทยาศาสตร์ ที่ได้คิด ได้ลองทำ ได้ค้นพบว่าทำแบบนี้แล้วดีนะ ทำแบบนี้แล้วไม่น่าสนใจ ก็ทดลองทำใหม่ ครีเอตใหม่ เราว่ามันเป็นงานที่สนุกมากๆ เลยล่ะ ยิ่งเราทำรายการทำอาหารที่ให้กลุ่มแม่บ้านดู เรายิ่งต้องครีเอตอาหารที่ทำได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และไม่ยุ่งยาก”

ปัจจุบันนอกจากพลจะเป็นเจ้าของรายการทำอาหาร ที่มีชื่อว่า พลพรรคนักปรุง เขายังมีหน้าที่ลงครัวส่วนกลาง เพื่อทำอาหารส่งให้ร้านสปริงแอนด์ซัมเมอร์ ซึ่งเป็นร้านอาหารของเขาเองอีกด้วย

“เราทำหน้าที่ลงครัวกลาง คือ ทำอาหารส่งร้าน ทำซอส ทำโน่นทำนี่ ทำให้พร้อมสำหรับลงครัวที่ร้านก่อนเสิร์ฟให้ลูกค้า ซึ่งเราต้องเตรียมให้พร้อม 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอาหารแต่ละเมนู เราทำสูตรของเราเอง”

สำหรับเมนูที่เขาอยากแนะนำให้นักอ่านโพสต์ทูเดย์ได้ลองทำดู พลได้นำเสนอเมนูคุกกี้ชอกโกแลตหน้าบุ๋ม ซึ่งเป็นคุกกี้รสช็อกโกแลตเคลือบด้วยน้ำตาลทราย มีรอยบุ๋มตรงกลาง และมีไส้เป็นไวต์ช็อกโกแลตเนื้อเนียน

“ตัวของรอยบุ๋มเกิดจากการกดให้ตัวแป้งยุบ เพื่อที่จะสามารถใส่ไส้ลงไป เทคนิคง่ายๆ ที่มากับสูตรคุกกี้แสนง่ายที่ไม่ว่าใครก็ทำก็อร่อยได้ไม่แพ้กันครับ ยังไงก็ฝากให้ลองทำดูนะ เผื่อจะได้ทำเป้นของขวัญปีใหม่ให้กับคนที่คุณรัก”

เกี่ยวกับ พล ตัณฑเสถียร

นอกจากเป็นเจ้าของร้านอาหาร เจ้าของรายการทำอาหาร พลยังเป็นแอมบาสซาเดอร์ให้กับซีเมน หนึ่งในแบรนด์นำเข้าและจัดจำหน่ายของบริษัท บีเอสเอช โฮม แอพพลายแอนซ์ ที่เพิ่งทุ่มทุน 20 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมศุนย์บริการลูกค้าแบบครบวงจรอีกด้วย

ยามว่าง พลได้ฝึกโยคะที่บ้าน โดยจ้างครูมาสอน “การฝึกโยคะเป็นกิจกรรมที่ผมทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ได้สุขภาพที่ดีนะ เพราะผมเป็นคนมีปัญหาเรื่องยืนผิดท่ามาตั้งแต่เด็ก คือยืนแล้วพุงป่องหน้าและก้นกระดกไปข้างหลัง ซึ่งแก่ตัวแล้วเราจะแย่ ยิ่งฝึก ร่างกายเราก็ยิ่งปรับตัวไปเรื่อยๆ ซึ่งผมจะฝึกตอน 7 โมงเช้า เอาเป็นว่าต้องขอบคุณครูด้วยที่มาสอนเราแต่เช้าเลย (หัวเราะ)”

ปัจจุบันพลกำลังเริ่มต้นเรียนโภชนาการอีกด้วย “ที่ผมเรียนด้านโภชนาการ ก็เพื่อจะได้เรียนรู้การกินที่ถูกต้อง กินอย่างไรให้ปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ และที่สำคัญทำให้เราไม่กินตามใจตัวเอง”

Chocolate Thumbprint Cookie คุกกี้ช็อกโกแลตหน้าบุ๋ม

ส่วนผสม

แป้งสาลีอเนกประสงค์ 135 กรัม

ผงโกโก้ 33 กรัม

เกลือ 1 ช้อนชา

เนย 120 กรัม

น้ำตาลทราย 145 กรัม + สำหรับคลุก

ไข่แดง 1 ฟอง

ครีม 1 ช้อนโต๊ะ

กลิ่นวานิลลาสกัด 1 ช้อนชา

ไวต์ช็อกโกแลตคอมพาวด์สำหรับเป็นไส้

วิธีทำ

1.เปิดเตาอบที่ 170 องศาเซลเซียส

2.ร่อนแป้ง ผงโกโก้ และเกลือพักไว้

3.ตีเนยที่นุ่มดีแล้วกับน้ำตาลทรายให้เข้ากัน ใส่ไข่แดง ครีม และกลิ่นวานิลลาตามลงไปเป็นลำดับ

4.พอเข้ากันดี จึงค่อยใส่ส่วนประกอบของแห้งลงไป คนให้เข้ากันดี ปั้นเป็นก้อนเล็กๆ นำไปคลุกกับน้ำตาลทราย วางลงบนถาดอบ ใช้มือกดลงเล็กน้อย แล้วใช้นิ้วกดลงตรงกลางให้เป็นรอยบุ๋ม นำเข้าแอบเป็นเวลา 10 นาที

5.ตอนที่คุกกี้ออกจากเตาใหม่ๆ สามารถกดซ้ำที่รอยบุ๋มให้ชัดเจนขึ้นได้อีก พักให้เย็นลง

6.ละลายไวต์ช็อกโกแลตคอมพาวด์ แล้วหยอดลงในหลุม พักให้แข็งตัวดี พร้อมรับประทาน