posttoday

แจ็กกาลีน ซิม ชีวิตในเมืองไทยคือ การสร้างสรรค์

28 พฤศจิกายน 2556

เมื่อก่อนมาเที่ยวเมืองไทยในช่วงฮอลิเดย์ แต่ด้วยวิสัยทัศน์ของ โจ ซิม นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ ผู้เป็นบิดา

โดย...ปอย ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์

เมื่อก่อนมาเที่ยวเมืองไทยในช่วงฮอลิเดย์ แต่ด้วยวิสัยทัศน์ของ โจ ซิม นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ ผู้เป็นบิดา จึงได้ให้ลูกไปศึกษาภาษาไทยอย่างจริงๆ จังๆ แจ็กกาลีน ซิม Executive Director ผู้บริหารรุ่นใหม่ของบริษัท Venture Group Holdings กล่าวว่า เพราะครอบครัวมีธุรกิจร้านอาหารอยู่ที่เมืองไทยมา 20 กว่าปีแล้ว และในรุ่นทายาทจึงมีหน้าที่สานต่อธุรกิจ เข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ เมื่อปี 2553 หลังจากนักธุรกิจสาวชาวสิงคโปร์ ใบหน้าใส ดูอ่อนเยาว์ แต่มีโปรไฟล์ผ่านงานด้านการธนาคารในสิงคโปร์มาถึง 5 ปี ซึ่งเป็นการเริ่มต้นที่เมืองไทยในตำแหน่งผู้บริหารในวัย 30 ปีพอดิบพอดี

แจ็กกาลีน จบการศึกษาชั้นปริญญาตรี ศิลปศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ในปี พ.ศ. 2548 ระหว่างนั้นได้ฝึกงานกับบริษัท CPG Corporation Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นผู้นำเกี่ยวกับด้านการให้บริการจัดการและพัฒนาโครงสร้างบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จากนั้นเริ่มทำงานที่ประเทศสิงคโปร์กับธนาคารยูโอบี เกี่ยวกับด้านดูแลและบริการลูกค้าระดับสูง ในแผนกลูกค้าสัมพันธ์ รวมถึงจัดการเอกสารของโรงแรมระดับแนวหน้าของสิงคโปร์ถึง 95 เปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้น เธอได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลเกี่ยวกับการตลาดของบัตรเครดิตธนาคาร และลูกค้ารายย่อยของบัตร ยูโอบี ซึ่งเป็นส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์

“ดิฉันทำงานอยู่แบงก์ยูโอบี 5 ปีค่ะ คุณพ่อซึ่งปักหลักวางรากฐานธุรกิจในเมืองไทย และเริ่มมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มตั้งคำถามว่าทำไมไปทำงานให้คนอื่น ธุรกิจของเราก็มี ดิฉันจึงตัดสินใจในปี 2553 เข้ามาช่วยธุรกิจของครอบครัว ร้านแรกคือ ร้านแชมเปี้ยน เรสเตอรองท์ แอนด์ สปอร์ตบาร์ (ชื่อเดิมคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เรสเตอรองท์ แอนด์ บาร์ กรุงเทพฯ) ซึ่งเป็นร้านอาหารในเครือของบริษัท เว็นเจอร์ฟู้ด แอนด์ อีเวนท์ และร้านอาหารซึ่งเปิดใหม่ล่าสุด คือ “ปิง ไทยแต้จิ๋ว ซีฟู้ด เรสเตอรองท์” และ “ปิง ฮอทพอท” ทั้ง 2 ร้านตั้งอยู่ที่โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ดิฉันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการในธุรกิจสาย F&B และยังรวมไปถึงภัตตาคารปิงหูฉลาม สาขาอโศก ซึ่งเปิดมา 13 ปีแล้วเป็นสาขาดั้งเดิมของเราค่ะ

ถึงเป็นธุรกิจครอบครัว ดิฉันในฐานะลูกสาวก็ต้องทำงานตั้งแต่ล้างจาน (หัวเราะ) เสิร์ฟ ดูแลลูกค้า ไปจนถึงการทำธุรกิจให้ดำเนินต่อไปโดยราบรื่น คุณพ่อให้ดิฉันดูแลร้านอาหารทั้งหมดค่ะ ท่านไอเดียเยอะแยะ ท่านมีธุรกิจทั้งทางด้านรับเหมาก่อสร้าง และการค้าเรื่องการนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คุณพ่อบอกว่าการทำธุรกิจในเมืองไทยบางอย่างง่ายกว่าที่สิงคโปร์ เช่น แรงงานหาง่ายกว่า คู่แข่งขันในด้านร้านอาหารก็ไม่ดุเดือด และการลงทุนไม่สูงเหมือนที่สิงคโปร์

ภาษาไทยอ่านกับเขียนยากมากค่ะ พูดง่ายกว่าเยอะ ดิฉันอาศัยการฟังบ่อยๆ ค่ะ คุณปู่แจ็กกี้เป็นคนไทยจีนนะคะแต่ท่านไปอยู่ประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่อายุ 16 ปี และไปเจอคุณย่าที่นั่น” แจ็กกาลีน บอกด้วยภาษาไทยคล่องแคล่วฉะฉาน เมื่อถามถึงสไตล์การทำงาน แจ็กกาลีน บอกว่า งานของเธอค่อนข้างซีเรียสกับเอกสารมากมาย แกดเจ็ตที่ใช้เป็นอุปกรณ์การทำงานติดตัวตลอดเวลา คือ ไอโฟน แบล็กเบอร์รี Z10 ที่มีดีไซน์ทันสมัยขึ้น รวมไปถึงด้านสเปกที่รองรับการเขียนอีเมลได้สะดวก และที่สำคัญไว้แชทกับเพื่อนๆ ที่สิงคโปร์ที่ยังนิยมสมาร์ทโฟนรุ่นนี้

“หน้าจอ แบล็กเบอร์รี Z10 ขนาด 4.2 นิ้ว ความละเอียด 768 x 1280 พิกเซล การสัมผัสพิมพ์ง่ายด้วยค่ะ น้ำหนักก็เบากว่าไอโฟน ทำให้เราอยู่หน้าจอได้นานกว่า เพราะการทำงานบางครั้งก็ต้องใช้คำว่า ออล ไทม์ นะคะ ( บอกพร้อมรอยยิ้ม) มีอยู่วันหนึ่งแบล็กเบอร์รีใช้ไม่ได้ ดิฉันรู้สึกดีใจมากก็เข้าใจนะคะว่านี่คือโมเดิร์นไลฟ์ แต่บางครั้งก็อยากเลี่ยงการอยู่กับแกดเจ็ตตลอดเวลาเหมือนกันนะคะ

การทำงานร้านอาหารเสาร์อาทิตย์ ก็ต้องทำงานค่ะ บางอาทิตย์ถ้างานมีปัญหาทำให้ไม่มีวันหยุดก็ต้องยอมรับ การทำธุรกิจโดยมีความกล้าในการตัดสินใจคือสิ่งที่ดิฉันได้มาจากคุณพ่อค่ะ ซึ่งสิ่งที่แตกต่างกันคือดิฉันยังไม่กล้าหาญมากเท่ากับท่าน คือถ้ามีโอกาสเข้ามา ดิฉันจะคิดว่าดีไม่ดี คุ้มไม่คุ้มหรือไม่ แต่คุณพ่อจะทำทันทีที่มีไอเดียและเห็นโอกาส การบริหารธุรกิจไปพร้อมๆ กับการแก้ไขปัญหา สไตล์ของดิฉัน Just do it. แต่กลับบ้านแล้วต้องนอนหลับ พนักงานและทีมต้องมีความสุข นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยค่ะ” แจ็กกาลีน บอกพร้อมรอยยิ้ม

ถ้าถามถึงผลงานก้าวต่อไป แจ็กกาลีน บอกว่าเมื่อปี 2555 ได้เข้าร่วมกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นคณะประสานงานการจัดการ ฟีฟ่า ฟุตซอลโลก ครั้งที่ 7 ซึ่งจัดที่ประเทศไทย

“ดิฉันได้ทำงานนี้เพราะคุณพ่อได้เป็นกรรมการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ดิฉันชอบเล่นกีฬาด้วยนะคะ ปีหน้าซึ่งจะมีการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ประเทศบราซิล บริษัทเราได้เป็นเอเยนต์จำหน่ายตั๋ว ดิฉันคิดว่านี่คือโอกาสที่ท้าทาย น่าตื่นเต้นมาก” แจ็กกาลีน บอกทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มสดใส

แจ็กกาลีน ซิม ชอบศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ โดยได้เข้าร่วมทั้งชมรมกีฬาและวิชาการ เธอได้เข้าร่วมทีมซอฟบอลของโรงเรียน และเคยได้รับเหรียญเงินในการแข่งขันร่วมกับโรงเรียนนานาชาติ

แจ็กกี้ยังได้เข้าร่วมเป็นผู้อำนวยการของ NUS Mensa Society ด้วยความกระตือรือร้นของเธอ ทำให้สมาคมมีสมาชิกเพิ่มขึ้นจำนวนมาก รวมทั้งทำให้สมาคมเข้าถึงนักเรียนได้มากขึ้นด้วยการจัดกิจกรรมต่างๆ เพิ่มความกล้าให้กับสมาชิกให้ออกมายืนในแถวหน้า

ในด้านสังคม แจ็กกี้มีจิตใจมุ่งมั่นในการกุศลและทำเพื่อสังคมจนได้รับการเลือกตั้งจาก สมาคมหอการค้าไทยสิงคโปร์ (STCC) เธอได้เป็นกรรมการที่อายุน้อยที่สุดที่เคยร่วมในคณะบริหารของสมาคม เธอยังได้เข้าร่วมงานเทศกาลอาหารเอเซี่ยนกับสมาคม แจ๊กกี้มีความกระตือรือร้นที่จะแนะนำและทำให้เครือข่ายชาวสิงคโปร์ในประเทศ ไทยเป็นที่รู้จัก และหวังว่าจะสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นภายในหอการค้า กลุ่มธุรกิจ และชุมชนชาวสิงคโปร์ แจ็กกี้ยังได้ร่วมจัดงาน The Merlion Night โดยบริการอาหารสิงคโปร์ให้กับกลุ่มนักธุรกิจสิงคโปร์และไทย เพื่อความเข้าใจในวัฒนธรรมสิงคโปร์ แน่นอนว่าแจ็กกี้ปรารถนาที่จะใช้อาหารประจำชาติสิงคโปร์เป็นตัวช่วยส่งเสริม ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมานานระหว่างประเทศไทยและสิงคโปร์

ในเวลาว่าง แจ็กกี้มักใช้เวลาไปกับงานการกุศลและยังเคยเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือและบรรเทาผู้ประสบภัยจากน้ำท่วม เมื่อปี 2554