posttoday

'วิโนน่า คอสเมติกส์' ธุรกิจจากจุดซ่อนเร้นสู่เงินล้าน

17 พฤศจิกายน 2562

"วิโนน่า คอสเมติกส์" เอสเอ็มอีไทย ที่มองเห็นโอกาสการทำธุรกิจจากคนใกล้ตัว ที่มีปัญหาโรคภายในของผู้หญิง ตั้งแต่ 5 ปีก่อน จากนั้นจึงได้เริ่มงานวิจัยศึกษาคุณสมบัติสมุนไพรไทย "หญ้ารี แพร์" พัฒนาไปสู่ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเครื่องสำอาง ภายใต้อนุสิทธิบัตร

โดย ดวงใจ จิตต์มงคล

"วิโนน่า คอสเมติกส์" อีกหนึ่งธุรกิจเอสเอ็มอีไทย ที่มองเห็นโอกาสการทำธุรกิจจากคนใกล้ตัว ที่มีปัญหาโรคภายในของผู้หญิง ตั้งแต่ 5 ปีก่อน จากนั้นจึงได้เริ่มงานวิจัยศึกษาคุณสมบัติสมุนไพรไทย "หญ้ารีแพร์" อย่างจริงจัง ก่อนพัฒนาไปสู่ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเครื่องสำอาง ภายใต้อนุสิทธิบัตร แบรนด์ "วิโนน่า คอสเมติกส์" เพื่อทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ

อิทธิพล ศรีอิทยาจิต กรรมการผู้จัดการบริษัท วิโนน่า คอสเมติกส์ เจ้าของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแบรนด์ "วิโนน่า" เล่าจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจสินค้าที่มาจาก "Pain Point" ของภรรยา ด้วยมีปัญหาเกี่ยวกับโรคในจุดซ่อนเร้นของผู้หญิง

จากนั้น จึงได้หันมาศึกษาวัตถุดิบพืชสมุนไพรไทย "หญ้าฮี๋ยุ่ม" หรือ "หญ้ารีแพร์" อย่างจริงจังพร้อมขอทุนวิจัยสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และได้ค้นพบคุณสมบัติเชิงลึกว่าหญ้าดังกล่าวสามารถยับยั้งและป้องกันการเกิดอาการโรคภายในส่วนตัวอันไม่พึงประสงค์ของผู้หญิง ได้อย่างดี

พร้อมพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์ชิ้นแรก คือ "สบู่วิโนน่า" วางตำแหน่งเป็นสินค้าเครื่องสำอางที่ดูแลจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงโดยเฉพาะ มีจุดเด่นด้านวัตถุดิบหญ้ารีแพร์ ดังกล่าว เพื่อสร้างความแตกต่างไปจากสินค้าประเภทเดียวที่ทำตลาด ในปัจจุบัน พร้อมนำผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ดังกล่าว ไปขออนุสิทธิบัตร จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมกันด้วย

สำหรับเส้นทางการทำตลาดสินค้าดังกล่าวในช่วงแรกนั้น อิทธิพล ยอมรับว่า ประสบปัญหาภาวะต้นทุนการผลิตสินค้าที่ค่อนข้างสูง รวมไปถึงแผนธุรกิจในการทำตลาด ด้วยพื้นฐานเดิมธุรกิจเติบโตมาจากการทำตลาดแบบธุรกิจแบบธุรกิจ(บีทีบี) และเมื่อมาทำตลาด แบบธุรกิจต่อผู้บริโภค (บีทูซี) นั้นต้องเร่งสร้างแบรนด์สินค้าเพื่อให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มเป้าหมาย

โดยช่วงแรกของการทำตลาดสินค้า "สบู่วิโนน่า" จะมุ่งไปยังกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคภายในจุดซ่อนเร้น ควบคู่ไปกับแนวคิดการทำตลาดสินค้า "สร้างแรงบันดาลใจให้กับครอบครัว" พร้อมชูคุณสมบัติ (ฟังก์ชัน) สินค้า ซึ่งอย่างหลังยังได้นำมาใช้เป็นกลยุทธ์การทำตลาดในต่างประเทศ ด้วย

ปัจจุบันสินค้าสบู่วิโนน่า ทำตลาดครอบคลุมทั้งในประเทศ สปป.ลาว, เมียนมา, กัมพูชา รวมไปถึงประเทศเอเชีย โอมาน, ดูไบ และ จีน นอกจากนี้ยังทำตลาดในประเทศ แอฟริกา อูกันดา รวมถึงในยุโรป เช่น รัสเซีย เป็นต้น ทำให้ปัจจุบัน "วิโนน่า คอสเมติกส์" ได้กลายเป็น อินเตอร์เนชันแนล แบรนด์ ไปแล้ว

แนวทางการทำตลาดดังกล่าว อิทธิพล บอกว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จักเป็นอยางดีในตลาดต่างประเทศก่อนหันมาโฟกัสการทำตลาดเชิงรุกในประเทศ โดยนับจากนี้ไป บริษัทยังเตรียมขยายไลน์สินค้าใหม่ ออกมาทำตลาดเพิ่มเติมภายใต้รายการสินค้า (เอสเคยู) ต่างๆ เช่น วิปโฟม และ กระดาษชำระแบบเปียก เป็นต้น

สำหรับช่องทางการทำตลาดสินค้าของบริษัท จะมีทั้งช่องทางออฟไลน์ ในสถานที่เมืองท่องเที่ยวต่างๆ เช่น พัทยา ภูเก็ต ฯลฯ และช่องทางออนไลน์ ผ่านแพล็ตฟอร์มเฟซบุ๊ค และ อินสตาแกรม โดยแต่ละประเทศจะมีสัดส่วนการขายต่างกัน เช่น ไทยมียอดขายออนไลน์ 70% ออฟไลน์ 30% ลาว 60% และ 40% ส่วนแอฟริกา อยู่ที่ 40% และ 60%

"การทำตลาดสบู่วิโนน่า ในแต่ละประเทศ บริษัทจะเข้าไปศึกษาข้อมูลผู้บริโภคเชิงลึกเพราะตลาดมีความแตกต่างกัน ดังนั้นช่องทางขายสินค้าแต่ละประเทศก็ต้องดีไซน์ออกมาให้ต่างกัน เช่น ไทย จะเป็นไลน์@ ลาวเป็นวอทแอพ เมียนมาใช้ไวเบอร์ ส่วนจีน ปัจจุบันทำตลาดครอบคลุม 10 มณฑล และในช่องทางออนไลน์ผ่าน วีแชท และ เถาเป่า เป็นต้น" อิทธิพล อธิบาย

อิทธิพล กล่าวต่อถึงแผนธุรกิจใน 3ปีนับจากนี้ บริษัทเตรียมใช้งบลงทุนเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท สร้างพื้นที่เกษตรอินทรีย์(ออร์กานิค) หญ้ารีแพร์ พร้อมนำไปใช้เป็นวัตุถดิบหลักในการผลิตสินค้าออร์กานิค เพื่อรองรับความต้องการลูกค้ากลุ่มใหม่ในอนาคตด้วย

นอกจากนี้ ภายใน5 ปี บริษัทยังเตรียมลงทุนเพิ่มอีก 10 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจรูปแบบใหม่ จาการนำเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วม โดยจะพัฒนาแอพพลิเชันสำหรับวัดค่าความเป็นกรดด่าง(ph) สารคัดหลั่งประเภทต่างๆ จากจุดซ่อนเร้นของผู้หญิง

โดยแอพฯ ดังกล่าวจะมีคุณสมบัติอ่านค่า ph ที่ได้จากการสแกนมาอยู่ในรูปภาพ จากนั้นแอพฯ จะวิเคราะห์เพื่อประเมินอาการ หรือ โรคที่จะเกิดขึ้นได้โดยผ่านภาพดังกล่าว ซึ่งแผนธุรกิจนี้ยังสอดคล้องกับทิศทางธุรกิจบริษัทในอนาคต ซึ่งจะวางตำแหน่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ ให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับโรคต่างๆในจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงด้วย และยังสามารถแนะนำสินค้าวิโนน่าที่้หมาะสมตรงกับความต้องการ หรือ อาการของลูกค้าด้วย

ปัจจุบัน บริษัท ทำตลาดสินค้าหลัก คือ สบู่วิโนน่า บาร์ คลีนเซอร์ วางราคาจำหน่าย 390 บาท นอกจากนี้ยังมี สเปรย์ วิโนน่า ราคา 490 บาท ปัจจุบันทำตลาดในฮ่องกง และเตรียมทำตลาดในไทย เดือนพ.ย. 
นี้ และ เดอะ ดีพ คลีนซิง เซนซิทีฟ เฟมินีน คลีนเซอร์ ราคา 490 บาท และ วิปโฟม ซึ่งจะเตรียมทำตลาดในปลายปีนี้ เช่นกัน

และในไตรมาส 3 ปี2563 บริษัทเตรียมทำตลาดสินค้าใหม่ คือ กระดาษทิชชูเปียก เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าผู้หญิง ที่ใช้บริการห้องน้ำสาธารณะโดยเฉพาะ ซึ่งจะวางราคาขายอยู่ที่ 48 บาท/1กล่อง(จำนวน 10
ชิ้น)

อิทธิพล ปิดท้ายการดำเนินธุรกิจในรอบ 3ปีที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราการเติบโตน่าพอใจ จากในปี 2016 มียอดขายไม่ถึงล้านบาท และขยับมาเติบโตกว่า 300% ในปี 2017 และเติบโตอีกหนึ่งเท่าตัวในปี 2018
ส่วนในปี 2019 บริษัทวางเป้าหมายรายได้อยู่ที่ประมาณ 12 ล้านบาท

และจากแผนธุรกิจดังกล่าวที่วางไว้ บริษัทมองเป้าหมายภายใน 3 ปีข้างหน้า จะมีอัตราการติบโตไม่ต่ำกว่า 300% หรือมีรายได้มากกว่่า 36 ล้านบาท