ช้อปวนไป!! 'ชิม ช้อป ใช้' กระตุ้นกำลังซื้อค้าปลีกข้ามจังหวัด

โดย ดวงใจ จิตต์มงคล

'ตั้งงี่สุน' ยักษ์ยี่ปั๊วค้าปลีกอีสาน ยืนหนึ่งในอุดรฯยอดการทำธุรกรรมสูงสุด เอ่ยปาก 'ชิม ชอป ใช้' เฟสแรกได้ผลเกินคาด ดันกำลังซื้อหมุนเวียนในร้านยอดพุ่งเกิน 50% ต่อวัน หนุนซัพพลายเออร์เติมของรองรับผู้บริโภคต่อเนื่อง ลุ้นเฟส 2 ปลุกบรรยากาศค้าปลีกปลายปีกระเตื้อง

หลังจากภาครัฐออกแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ "ชิม ช้อป ใช้" ลงทะเบียนรับ 1,000 บาท ในเฟสแรก จำนวน 10 ล้านคน ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก ที่ต่างพร้อมใจขอบตาดำรอลงทะเบียนออนไลน์เพื่อรับสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. โดยเปิดให้ลงทะเบียนวันละ 1 ล้านคนต่อวัน โดยผู้ลงทะเบียนจะได้เงินจำนวน1,000 บาทผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" และต้องนำสิทธิ์ที่ได้ไปจับจ่ายสินค้า/บริการในจังหวัดอื่น ภายใน 14 วันนับแต่วันที่ได้รับสิทธิ์

มิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ประธานกรรมการ บริษัท ตั้งงี่สุน ซุปเปอร์สโตร์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจห้างค้าปลีกค้าส่ง "ตั้งงี่สุน" จังหวัดอุดรธานี กล่าวถึงแคมเปญฯ ภายใต้มาตรการ "ชิม ช้อป ใช้" ถือเป็นนโยบายที่เกินความคาดหมายของผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกท้องถิ่น จากเดิมมาตรการดังกล่าว มองว่าจะส่งเสริมให้ประชาชนนำเงินไปจับจ่ายแต่เฉพาะในภาคธุรกิจกลุ่มที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร เท่านั้น

"ในสัปดาห์แรก หลังจากมาตรการฯดังกล่าวออกมา มีประชาชนกลุ่มลูกค้าเข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าในร้านเป็นจำนวนมากทั้ง 2 สาขา ในอำเภอเมือง และอำเภอนาดี จังหวัดอุดรธานี โดยเฉพาะในสาขาที่สอง มีรถเข้ามาจอดเต็มพื้่นที่จอดรถขนาด 10 ไร่ เกือบทุกวัน ซึ่งในช่วงวันสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งตรงกับวันหยุดยาวและเป็นวันออกพรรษา คาดว่าจะยิ่งมีลูกค้าจากจังหวัดใกล้เคียงเดินทางมาจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้นอีก" มิลินทร์ กล่าว

ยอดธุรกรรมขึ้นเบอร์หนึ่งของอุดรฯ

มิลินทร์ บอกว่าตลอดช่วงดำเนินการมาตรการ "ชิม ช้อป ใช้" ในเฟสแรก มีปริมาณการหมุนเวียนผู้เข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้า(ทราฟฟิก) ห้างตั้งงี่สุน ในวันธรรมดา (อังคาร-พุธ) เพิ่มขึ้น 50% วันพฤหัสบดี เพิ่มขึ้น 70% และ ในวันศุกร์เพิ่มขึ้น 80% ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ เพิ่มขึ้นเท่าตัว โดยได้รับรายงานจากผู้ให้บริการด้านอี-วอลเล็ต ระบุว่าห้างตั้งงี่สุน มีการทำธุรกรรม(ทรานแซคชัน)มากที่สุดในจังหวัดอุดรธานี

สำหรับกลุ่มลูกค้าที่เดินทางมาจับจ่ายซื้อสินค้าในห้างฯ จะมาจากจังหวัดใกล้เคียงอุดรธานี คือ หนองคาย หนองบัวลำภู ขอนแก่น สกลนคร และ เลย โดยมีพฤติกรรมการจับจ่ายครบทุกรูปแบบ ทั้งจับจ่ายตามสิทธิ์ 1,000 บาท/คน หรือ มาในลักษณะมาเป็นกลุ่ม/ครอบครัว ที่ลงทะเบียนรับสิทธ์และนำมาใช้งานพร้อมกัน เช่น ในหนึ่งครอบครัวจำนวน 4 คน ใช้สิทธิ์รวมกัน 4,000 บาท เป็๋นต้น รวมไปถึงการใช้กระเป๋าสองใส่เงินตัวเองเข้าไปแล้วรัฐคืนให้ 15% (แคชแบ็ก) ใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาท

มิลินทร์ กล่าวว่านอกจากผลลัพธ์ที่เห็นได้จากความต้องการของผู้บริโภคตัวจริง(เอนด์ ยูสเซอร์)แล้ว ยังส่งผลถึงซัพพลายเออร์ เจ้าของสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ ต่างเริ่มตื่นตัวจัดหาสินค้ามาวางจำหน่ายภายในชั้นวางจำนวนมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ซึ่งถือว่าเข้ามาสร้างบรรยากาศธุรกิจค้าปลีกท้องถิ่นในภาพรวมที่ดี ผ่านมาตรการระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงนี้

"ไม่ใช่แค่เฉพาะในจังหวัดอุดรฯที่คึกคัก แต่ยังรวมไปถึงคนในจังหวัดอุดรฯเอง ก็ยังนำสิทธิ์ชิม ช้อป ใช้ ไปใช้ในจังหวัดตรงข้ามด้วย ซึ่งมองว่ามาตรการฯนี้เข้ามาปลุกบรรยากาศกำลังซื้อค้าปลีกท้องถิ่นในโค้งสุดท้ายปลายปีนี้ได้ค่อนข้างโอเค และสร้างการจับจ่ายหมุนเวียนระหว่างจังหวัดให้เกิดขึ้น" มิลินทร์ กล่าว

เปิดสู่ สังคมไร้งินสด ทางอ้อม

มิลินทร์ เสริมว่ามาตรการชิม ช้อป ใช้ ยังเข้าไปสร้างการรับรู้ด้านเทคโนโลยีให้กับประชาชนท้องถิ่นต่างจังหวัด โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ รุ่น ลุง ป้า น้า อา ด้านแคชเลส โซไซตี หรือ สังคมไร้เงินสด ในทางอ้อมอีกด้วย

ด้วยปัจจุบันสังคมคนต่างจังหวัด มีกลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์มือถือทุกระดับราคา ที่นำมือถือตัวเองมารับสิทธิ์ชำระสินค้าตามมาตรการฯ ซึ่งหากเป็นกลุ่มคนผู้สูงอายุ ก็จะมีลูกหลาน ที่เป็นคนรุ่นใหม่ มาเป็นเพื่อนเพื่อช่วยเหลือการจับจ่ายซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชันดังกล่าว ซึ่งมองว่ายังเป็นมาตรการที่เข้ามาสร้างประสบการณ์การเข้าสู่สังคมไร้เงินสด โดยอัตโนมัติ ด้วย

พร้อมปิดท้ายว่า สถานการณ์ดังกล่าวว่าส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจท้องถิ่นในระดับหนึ่ง และเป็นสัญญาณที่ดีหากภาครัฐจะเร่งดำเนินมาตรการชิม ช้อป ใช้ในเฟสที่สอง ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ช่วงปลายปีนี้

ในเบื้องต้น ชิม ช้อป ใช้ เฟสสอง จะเปิดลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์จำนวน 5 ล้านคน คาดว่าจะเริ่มในช่วงเดือน พ.ย. - ธ.ค. 2562 เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ให้มีบรรยากาศการจับจ่ายฟื้นคืนกลับมาเช่นเดิม