เห็ดหลินจือแดง ขุมทรัพย์แห่งใหม่ของเกษตรวังน้ำเขียว

โดย: ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ

ไทยถือว่าเป็นประเทศที่โชคดีมาก เนื่องจากมีวัฒนธรรมที่หลากหลาย และยังมีความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณนานาชนิด โดยเฉพาะพืชสมุนไพรต่างๆ ทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และที่เกษตรกรทำการปลูกในเชิงเศรษฐกิจ เพราะพื้นที่ของไทยนั้นมีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกพืชได้สารพัดอย่าง จนแทบจะกลายเป็นศูนย์กลางของพืชสมุนไพรโลกเลยทีเดียว แม้แต่พืชสมุนไพรบางอย่างอาจจะคิดว่าปลูกได้เฉพาะประเทศอื่น แต่เมื่อนำมาปลูกในไทยก็ได้ผลผลิตดีไม่ต่างจากประเทศต้นตำรับเลยทีเดียว

นั่นคือ เห็ดหลินจือแดง มีต้นกำเนิดในจีนที่ยกให้เป็น “เห็ดอมตะ” หรือ “เทพเจ้าแห่งชีวิต” เพราะมีสรรพคุณเหนือเห็ดสายพันธุ์อื่นๆทั้งปวง ยังถูกใช้เป็นยาอายุวัฒนะ สำหรับบำรุงกำลัง และรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ได้สารพัด ล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน วิทยาศาสตร์ยุคใหม่ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า เห็ดหลินจือแดง อุดมด้วยสารสำคัญหลายชนิดที่มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งและรักษาโรคต่างๆ ได้มากมาย

อรทัย แก้วสุวรรณ์ เจ้าของไร่แก้วสุวรรณ ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา คือหนึ่งในเกษตรกรที่ได้ทดลองเพาะเห็ดหลินจือแดงในพื้นที่บ้าน โดยศึกษาค้นคว้าในอินเทอร์เน็ต เกี่ยวกับการเพาะเห็ดหลินจือแดงอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเริ่มสร้างโรงเรือนขนาดไม่ใหญ่นักไว้หลังบ้าน แล้วเริ่มเพาะเห็ดหลินจือแดงชุดแรกเมื่อช่วงต้นปี 2561 จนสามารถเก็บดอกเห็ดมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ส่งจำหน่ายได้ทั่วประเทศ สร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวอย่างเป็นกอบเป็นกำ เมื่อเห็นช่องทางธุรกิจที่สดใจ ล่าสุดได้ติดสินใจลงทุนขยายโรงเพาะเห็ดเพิ่มขึ้นอีก 1 โรง และสร้างโรงอบเห็ดที่ได้มาตรฐานขึ้นมา เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์จากเห็ดหลินจือแดงจำหน่ายอย่างเต็มรูปแบบ

อรทัย กล่าวอีกว่า พื้นที่ อ.วังน้ำเขียว มีสภาพอากาศเย็นตลอดปี จึงลงทุนเพาะเห็ดหลินจือแดง โดยเริ่มจากแปลงพื้นที่เพาะเห็ดนางฟ้าเดิมให้มาเป็นโรงเพาะเห็ดหลินจือแดง ชุดแรกซื้อก้อนเห็ดมาจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ 2,000 ก้อน ในราคาก้อนละ 10 บาท มาจัดเรียงไว้ในโรงเรือน ควบคุมระบบน้ำด้วยสปริงเกอร์ รดน้ำวันละ 2 รอบ เช้า-เย็น รอบละ 2 นาที ทำเช่นนี้เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ เห็ดก็เริ่มออกดอก ผ่านไปประมาณ 50 วัน เห็ดก็จะเริ่มโตและมีสปอร์ออกมา ซึ่งสปอร์นี้จะมีสารออกฤทธิ์ทางยาสูงมากก็เริ่มเอาพู่กันมาปัดเอาสปอร์เห็ดเก็บไว้ขายได้ โดยสปอร์เห็ดหลินจือแดง จะมีราคาสูงถึงกรัมละ 3.3 หมื่นบาทเลยทีเดียว

“เมื่อเห็ดหลินจือแดงอายุได้ประมาณ 75 วัน ดอกเห็ดจะมีสีแดงมันวาว แสดงว่าโตเต็มที่พร้อมเก็บได้แล้ว ก็เริ่มทำการเก็บดอกเห็ด โดยในโรงเรือนแรกที่เริ่มเพาะ 2,000 ก้อน จะได้เห็นหลินจือสดประมาณ 70 กิโลกรัม หลังจากนั้นจะนำไปผ่านกระบวนการ ล้าง นึ่ง และอบแห้ง เพื่อให้สามารถเก็บไว้ได้นาน ซึ่งเมื่ออบแห้งแล้วจะได้เห็ดแห้งประมาณ 23 กิโลกรัม ก่อนนำมาบรรจุใส่ห่อจำหน่ายได้”

ปัจจุบันเห็ดหลินจืออบแห้งได้ใช้นามสกุลเป็นชื่อยี่ห้อว่า “บ้านไร่แก้วสุวรรณ” ซึ่งจะจำหน่ายเป็น 2 ขนาด ได้แก่ ขนาดห่อละ 1 ขีด ราคา 350 บาท และขนาดห่อละ 2.4 ขีด ราคาห่อละ 900 บาท ซึ่งดอกเห็ดหลินจืออบแห้งนี้ สามารถนำไปต้มรับประทานเหมือนน้ำชาได้ จะเป็นยาสมุนไพรรักษาโรคต่างๆ ได้มากมายตามสรรพคุณที่แพทย์แผนปัจจุบันพิสูจน์มาแล้วทั่วโลก ส่วนสปอร์เห็ดนั้นจะทำเป็นแคปซูลขาย เฉลี่ยแคปซูลละ 100 บาท

หลังจากเก็บเห็ดหลินจือแดงรุ่นแรกจำหน่ายไปหมดในเวลาอันรวดเร็ว ตอนนี้เริ่มมีเห็ดรุ่น 2 ออกดอกแล้วจึงมองเห็นอนาคตของธุรกิจที่สดใจ จึงได้ตัดสินใจลงทุนสร้างโรงเรือนที่ 2 ขึ้นมา ขนาดใหญ่กว่าเดิม สามารถเพาะเห็ดได้ถึง 4,000 ก้อน ใช้เงินกว่า 4 หมื่นบาท ถ้ารวมกับโรงเรือนเดิม 2,000 ก้อน ขณะนี้ก็จะมีเห็ดหลินจือแดงจำนวน 6,000 ก้อน พร้อมกันนี้ก็ได้ทุ่มเงินอีกกว่า 1 แสนบาท สร้างโรงผลิตภัณฑ์ขึ้นมา 1 โรง ซึ่งภายในจะมีพื้นที่เก็บเห็ดหลินจือที่อบเห็ด และที่บรรจุใส่ห่อ เพื่อให้เป็นระบบมากขึ้น โดยวางแผนไว้ว่าอนาคตจะทำเป็นจุดท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม ในรูปแบบธุรกิจครอบครัว

เกษตรกรสนใจปลูกเห็ดหลินจือแดงแวะมาเที่ยวชมได้ที่บ้านไร่แก้วสุวรรณ ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา