posttoday

เพชรเกษมเนอร์สซิ่งโฮม แบบของคนรุ่นใหม่

04 ตุลาคม 2561

ในปี 2561 ผู้สูงอายุในประเทศไทย จะเพิ่มเป็น 15% แสดงว่าประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุตามเกณฑ์ขององค์การสหประชาชาติ

ในปี 2561 ผู้สูงอายุในประเทศไทย จะเพิ่มเป็น 15% แสดงว่าประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุตามเกณฑ์ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมทำให้ครอบครัวสังคมไทยสมัยใหม่ที่สมาชิกในครอบครัวที่อยู่ในวัยทำงานต้องมีภารกิจภายนอกบ้านมากขึ้น ผู้สูงอายุต้องอยู่คนเดียวมากขึ้น ทำให้ธุรกิจเนอร์สซิ่งโฮมมีความจำเป็นมากขึ้น

ขณะที่ในปัจจุบันซึ่งเป็นยุคของอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยี ทำให้การจัดการเนอร์สซิ่งโฮมต้องปรับรูปแบบการบริหารจัดการเพื่อตอบสนองความต้องการของสังคมและผู้ใช้บริการมากขึ้น

ศิรสิทธิ์ ตั้งจิตกมล กรรมการบริษัท เพชรเกษมเนอร์สซิ่งโฮม ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยพักฟื้น ถือเป็นนักบริหารรุ่นใหม่ ผู้พลิกธุรกิจเนอร์สซิ่งโฮม ศูนย์ดูแลสูผู้งอายุและผู้ป่วยพักฟื้น ภายใต้สโลแกน เพราะความสุขของคุณ “สำคัญกับเรา” เล่าว่า ได้เริ่มสนใจในธุรกิจเนอร์ส
ซิ่งโฮม จากประสบการณ์ตรง เริ่มจากน้องสาวของคุณยายล้มป่วยและจำเป็นต้องมีการดูแลต่อเนื่อง จึงต้องนำไปฝากไว้บ้านพักผู้สูงอายุที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าพบปัญหาค่อนข้างมาก สมาชิกในครอบครัวเลยอยากทำธุรกิจเนอร์สซิ่งโฮมในรูปแบบที่เน้นคุณภาพของการดูแลด้วยใจ

“จังหวะที่คุณยายเสียชีวิต ผมเรียนจบและทำงานอยู่อเมริกาจึงคิดว่าน่าจะกลับมาทำงานบริหารจัดการด้วยตนเอง เนื่องจากเป็นคนรักการทำงานบริการและใกล้ชิดกับคุณยายมาตั้งแต่เด็กๆ จึงเข้าใจความต้องการทั้งทางร่างกายและจิตใจของสูงอายุ โดยได้รับการสนับสนุนจากคุณพ่อและคุณแม่ที่เป็นแพทย์ที่เน้นการดูแลแบบองค์รวมทั้งกายและใจ” ศิรสิทธิ์ กล่าว

ก่อนที่จะมาเปิด เพชรเกษมเนอร์สซิ่งโฮม มีการศึกษาข้อมูลโดยละเอียดถึงความเป็นอยู่ที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ และมีการดูงานเนอร์สซิ่งโฮมหลายๆ แห่งทั้งในและต่างประเทศ พบว่าเนอร์สซิ่งโฮมส่วนมากในประเทศไทยจะเป็นการต่อเติมจากบ้านหรืออพาร์ตเมนต์ทำให้ผังที่พักอาศัยไม่เหมาะสมสำหรับความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุ รวมทั้งยังขาดความพร้อมในหลายๆ ด้าน เช่น ระบบการดูแลสุขภาพใกล้ชิดโดยแพทย์ ระบบรักษาความปลอดภัย ระบบปฏิบัติการในกรณีฉุกเฉิน จึงนำหลายๆ สิ่งมาวางแผน โดยมีการออกแบบสถานที่ร่วมกันระหว่างแพทย์และสถาปนิก ซึ่งจะตอบโจทย์สร้างความลงตัวให้ได้ว่าผู้สูงอายุเขาควรจะมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไรเพื่อให้ปลอดภัย

“นโยบายของที่นี่ คือ เน้นให้เจ้าหน้าที่ทุกคนมีใจดูแลผู้พักอาศัยเหมือนญาติสูงอายุมากกว่าเป็นลูกค้าแบบธุรกิจอื่น ผมถือว่าทุกคนที่มาทำงานต้องมีใจให้กันเหมือนครอบครัวเดียวกัน มีการส่งเวร การประชุมสม่ำเสมอเพื่อรายงานสุขภาพผู้สูงอายุทั้งกายใจและอารมณ์ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคในการบริบาล”

ศิรสิทธิ์ กล่าวว่า เนอร์สซิ่งโฮม ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้สูงวัยในยุคปัจจุบัน เพราะมีการบริการจัดการอย่างมีระบบ มีการนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเหมาะสมเพื่อความปลอดภัย และมีกลุ่มกิจกรรมทางสังคม
ผู้สูงอายุอยู่ร่วมกัน โดยจะมีการประเมินความสามารถในการเคลื่อนไหว สังเกตพฤติกรรม อารมณ์และจิตใจ โดยการดูแลผู้สูงอายุของเพชรเกษม
เนอร์สซิ่งโฮมจะแยกเป็น 3 รูปแบบ คือ 1.ผู้ที่ช่วยตนเองได้แต่ต้องการเพื่อนผู้ดูแล 2.ผู้ที่ต้องได้รับการช่วยเหลือบ้าง อาจจะเป็นโรคอัมพาตครึ่งซีกหรือเดินไม่สะดวก ซึ่งมีประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ และ 3.ผู้ป่วยติดเตียง หมายถึง ถ้าไม่ได้ทำกายภาพ ก็มีสิทธิที่จะกลับมาเดินไม่ได้อีกสูง ผู้สูงอายุกลุ่มนี้จึงต้องได้รับการดูแลเต็มรูปแบบ

สำหรับธุรกิจ เพชรเกษมเนิร์สซิ่งโฮม ซึ่งให้การบริการแบบทันสมัยแต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยที่ต้องมีน้ำใจให้กัน ผมเน้นเสมอเรื่อง “ต้องสะอาด ต้องปลอดภัย ต้องมีความสุข”