posttoday

สนช.เดินหน้าตั้งสถาบันใหม่ กำหนดเทรนด์ประเทศไทย

31 สิงหาคม 2561

สนช.ผุดสถาบันการมองอนาคตนวัตกรรม คาดการณ์อนาคตประเทศ ดันไทยเป็นผู้กำหนดเทรนด์โลก

โพสต์ทูเดย์ - สนช.ผุดสถาบันการมองอนาคตนวัตกรรม คาดการณ์อนาคตประเทศ ดันไทยเป็นผู้กำหนดเทรนด์โลก ปั้นคนรุ่นใหม่อย่างสตีฟ จ็อบส์

นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. เปิดเผยว่า สนช.ได้จัดตั้งสถาบันการมองอนาคตนวัตกรรม (Innovation Foresight Institute) หรือ ไอเอฟไอ หน่วยงานใหม่ ทำหน้าที่เฉพาะด้านอนาคตศาสตร์ การคาดการณ์ทิศทางอนาคตของประเทศไทย และทิศทางนวัตกรรมประเทศ พร้อมกับให้ทุนส่งเสริมเพื่อศึกษาภาพและแนวโน้มอนาคต เพื่อร่วมกำหนดนโยบายของประเทศและทำให้ประเทศสร้างคนรุ่นใหม่ได้อย่าง สตีฟ จ็อบส์ หรือ แจ็ค หม่า

ทั้งนี้ สถาบันการมองอนาคตนวัตกรรม ได้มุ่งเป้าหมายสำคัญทั้งการสร้างนักอนาคตศาสตร์และสร้างเครือข่ายนักอนาคตศาสตร์ที่เข้มแข็งให้แก่ประเทศไทย จากปัจจุบันมีความขาดแคลนอย่างมาก การศึกษาภาพและแนวโน้มอนาคตที่มีผลต่อประเทศไทย รวมถึงการส่งเสริมใช้ประโยชน์เชิงนวัตกรรมผ่านการมีเครื่องมือและร่วมพัฒนาศักยภาพให้ธุรกิจไทย โดยการจัดตั้งสถาบันฯ ได้ดึงผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกมาร่วมเป็นเครือข่ายกับประเทศไทยและร่วมมือกับมหาวิทยาลัยไทยในประเทศ 4 แห่ง

ขณะเดียวกัน จะผลักดันให้ทุนส่งเสริมเพื่อศึกษาภาพและแนวโน้มอนาคตให้แก่ภาคเอกชน หน่วยงานรัฐ หรือสถาบันการศึกษา จำนวน 10 ทุน รวม 30 ล้านบาท เพื่อร่วมศึกษาภาพและแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคตระยะยาว จะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2562 เดือน ต.ค.นี้ โดยปัจจุบัน สถาบันไอเอฟที ได้ศึกษาแนวโน้มของอนาคตทั้งอาหาร เมืองและผู้ประกอบการ

“ในอาเซียนมีประเทศสิงคโปร์จัดตั้งศูนย์อนาคตเชิงยุทธศาสตร์ร่วมกำหนดวางนโยบายอนาคตของสิงคโปร์ในเวลา 20-30 ปีจะเป็นอย่างไร รวมถึงมีหน่วยงานชื่อว่า สำนักงานประเมินความเสี่ยงและการกวาดสัญญาณแนวระนาบแห่งชาติ ติดตามโชเชียลและสัญญาณการเปลี่ยนแปลง เพื่อดูว่าชาวสิงคโปร์มีความคิดเห็นอย่างไร ทำให้รัฐบาลวางนโยบายของประเทศเพื่อให้ตรงกับความต้องการของชาวสิงคโปร์” นายพันธุ์อาจ กล่าว

ทั้งนี้ ในปีแรกจะสร้างรูปแบบและจัดระบบข้อมูล องค์ความรู้และสร้างเครือข่าย ส่วนระยะยาวสามารถร่วมกำหนดนโยบายประเทศ โดยสถาบันฯ มีเครือข่ายความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) อีกทั้งช่วยผลักดันให้ไทยเป็นผู้กำหนด แนวโน้มอนาคต (Trend Setter) ของแต่ละธุรกิจในอนาคตได้