posttoday

ตั้งอนุกก.ร่วมภาครัฐ-เอกชน รับมือแก้ไขปัญหาการค้าใกล้ชิด

07 สิงหาคม 2561

กระทรวงพาณิชย์ตั้ง อนุกรรมการร่วมภาคเอกชน 2 ชุด ส่งเสริมแก้ปัญหาอุตสาหกรรม-การค้าใกล้ชิด เตรียมเสนอที่ประชุม กกร.วันนี้ (7ส.ค.)

กระทรวงพาณิชย์ตั้ง อนุกรรมการร่วมภาคเอกชน 2 ชุด ส่งเสริมแก้ปัญหาอุตสาหกรรม-การค้าใกล้ชิด เตรียมเสนอที่ประชุม กกร.วันนี้ (7ส.ค.)
          
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 2 ชุด คือ คณะอนุกรรมการส่งเสริมด้านอุตสาหกรรมและการค้าภาคเอกชน และคณะอนุกรรมการแก้ปัญหาด้านอุตสาหกรรมและการค้าภาคเอกชน ตามข้อเสนอของ ส.อ.ท. แต่เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการทำงานร่วมกับภาคเอกชน จึงได้เสนอให้คณะอนุกรรมการทั้งสองชุดมีตัวแทนจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ด้วย
         
"การตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ที่จะมีตัวแทนจากกระทรวงพาณิชย์ร่วมด้วย ถือเป็นการขับเคลื่อนและทำงานใกล้ชิดร่วมกับภาคเอกชนทั้งด้านการส่งเสริมและแก้ไขปัญหาอุปสรรคให้กับภาคเอกชน ส่วนข้อเสนอที่ ส.อ.ท.ให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยสนับสนุนการใช้สินค้าไทย (เมดอินไทยแลนด์) ด้วยนั้น ยืนยันว่าอะไรที่ ส.อ.ท.ร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมไว้นั้น กระทรวงพาณิชย์ก็จะร่วมมือด้วย โดยในส่วนของภาครัฐได้สนับสนุนการจัดซื้อจัดจ้างที่กำหนดการใช้สินค้านวัตกรรมไทยอยู่แล้ว" นายสนธิรัตน์ กล่าว
         
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การประชุม กกร.ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ จะมีการเสนอในที่ประชุมเรื่องการตั้งคณะอนุกรรมการ 2 ชุดร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ โดยให้ทางหอการค้าไทยและสมาคมธนาคารไทยร่วมกับคณะอนุกรรมการทั้ง สองชุดนี้ด้วย เพื่อให้การทำงานระหว่างภาครัฐและเอกชนมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น สามารถติดตามสถานการณ์การค้าทั้งด้านการส่งเสริมและอุปสรรคที่จะเกิดขึ้น เพื่อหารือและรับมือกับสถานการณ์ได้ทันท่วงที
         
นอกจากนี้ ส.อ.ท.ได้เสนอให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยสนับสนุนเมดอินไทยแลนด์ โดยขอให้ภาครัฐเข้ามาสนับสนุนการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐที่จะต้องใช้สินค้าไทย และงบประมาณในการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์โครงการเมดอินไทยแลนด์เพื่อรณรงค์ให้คนไทยใช้สินค้าไทย ซึ่งส.อ.ท.จะเร่งทำแผนเมดอินไทยแลนด์ คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน ส.ค.นี้ หากโครงการประสบความสำเร็จเชื่อว่าจะช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ไทยให้สามารถแข่งขันกับสินค้าจากต่างประเทศได้ และยังช่วยลดผลกระทบจากมาตรการกีดกันการค้าที่ไทยยังคงรักษาดุลการค้าไว้ได้ เพราะมีการใช้สินค้าไทยมากขึ้น
         
"ปัจจุบันยอดขายของเอสเอ็มอียังแย่อยู่ ต้องมีโครงการเข้ามากระตุ้น ขณะที่ จีดีพีปีนี้คาดว่าจะโต 4.3-4.8% ซึ่งเป็นการเติบโตจากการส่งออก ท่องเที่ยวเป็นหลัก ส่วนรายได้จากฐานรากยังเติบโตน้อยอยู่" นายสุพันธุ์ กล่าว.