posttoday

ซาลาเปา "ซั่งไห่"ต่อยอดสู่แฟรนไชส์

04 มีนาคม 2557

การทำธุรกิจอาหารล้มเหลวถึง 90% เป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้น สำหรับซั่งไห่ ถ้าไม่มั่นใจจะไม่ขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์เด็ดขาด

เบ็ญจวรรณ รัตนวิจิตร

“เชื่อหรือไม่ว่า การทำธุรกิจอาหารล้มเหลวถึง 90% เป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้น สำหรับซั่งไห่ ถ้าไม่มั่นใจจะไม่ขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์เด็ดขาด”

ข้างต้นเป็นคำกล่าวของ อรัญ เอี่ยมสุรีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซั่งไห่ฟู้ด กว่า 10 ปีที่ดำเนินธุรกิจร้านอาหารจีน ซั่งไห่ เสี่ยวหลงเปา ข้าวมันไก่ ซั่งไห่ และล่าสุดกับแฟรนไชส์ “ซาลาเปาซั่งไห่” ที่มาพร้อมกระแสความนิยมในการบริโภคซาลาเปาไส้ลาวา หรือซาลาเปาไส้ไหล

เดิมซาลาเปาไส้ไหล ซั่งไห่ มีวางจำหน่ายอยู่แล้วในร้านอาหารจีนซั่งไห่ เสี่ยวหลงเปา ตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจเมื่อ 10 กว่าปีก่อน เป็นสูตรดั้งเดิมจากประเทศจีน แต่กระแสนิยมในการบริโภคซาลาเปาไส้ไหลเพิ่งเกิดขึ้นในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา จึงศึกษาโอกาสในการขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์เมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา เพราะมีความพร้อมทั้งสินค้า (Product) ราคา (Price) และโปรโมชั่น ด้วยแบรนด์ “ซั่งไห่” ซึ่งเป็นที่รู้จัก เหลือแต่ทำเล (Place) ที่ต้องศึกษาให้ละเอียดรอบคอบ

“สำหรับแฟรนไชส์ชี ที่ติดต่อเข้ามา หากเราไม่มั่นใจในทำเลจะไม่ให้เปิด เพราะกลัวธุรกิจเจ๊ง ทุกวันนี้มีคนอยากมีธุรกิจของตัวเองเป็นจำนวนมาก หากเราปล่อยให้เขาล้มเหลวถือเป็นบาปมาก” อรัญ กล่าว

แฟรนไชส์ซาลาเปาซั่งไห่เริ่มสาขาแรกเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา หลังจากวางรูปแบบจนมั่นใจ โดยแฟรนไชส์ทั่วไปจะใช้เงินลงทุนขั้นต่ำ 3-4 แสนบาท ใช้เวลา 11 ปีครึ่ง ถึงจะคืนทุน แต่สำหรับแฟรนไชส์ซาลาเปาซั่งไห่ลงทุนประมาณ 1.5 แสนบาท สาขาแรกย่านสีลม คืนทุนภายในเดือนแรก เพราะถือเป็นสาขาที่มีทำเลดีมาก ขายวันละ 1.7-1.8 หมื่นบาท หรือตกเดือนละ 3.5 แสนบาท จากการขายเฉพาะวันจันทร์ศุกร์เท่านั้น

ขณะที่สาขาอีกทำเลหนึ่งในย่านสุขุมวิทขายได้วันละ 6,000-7,000 บาท เดือนละ 1.8 แสนบาท ภายใน 3 เดือน คืนทุน เพราะฉะนั้นทำเลถือเป็นเรื่องที่บริษัทให้ความสำคัญและมีทีมงานเข้าไปดูอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ซื้อแฟรนไชส์จะสามารถทำยอดขายและมีกำไรได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับการลงทุนแฟรนไชส์ซาลาเปาซั่งไห่จะมีค่าแฟรนไชส์ 5 หมื่นบาท ค่าอุปกรณ์ ประกอบด้วย ตู้แช่แข็ง อุปกรณ์นึ่งและตู้อุ่นร้อนอีกประมาณ 5 หมื่นบาท ค่าสินค้าสต๊อก 1 หมื่นบาท ที่เหลือเป็นค่าเช่าพื้นที่ ซึ่งแล้วแต่ละทำเลและอาจมีค่ามัดจำล่วงหน้าในการเช่าพื้นที่ 2.5-3 หมื่นบาทต่อเดือน

อรัญ กล่าวว่า ด้วยความที่บริษัทมีความพร้อมในการด้านการผลิตสินค้า ซึ่งมีโรงงานเป็นของตัวเอง มีกำลังการผลิตซาลาเปา 2 แสนลูกต่อวัน นอกจากจะผลิตป้อนให้กับร้านของตัวเองแล้ว ยังรับผลิตแบบโออีเอ็มให้ผู้ประกอบการรายอื่นด้วย ทำให้สามารถทำต้นทุนสินค้าที่จำหน่ายให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ได้ในราคา 50% ของราคาขายปลีก ทำให้คู่ค้ามีกำไรสูงขึ้น

ปัจจุบันร้านซาลาเปาซั่งไห่มีประมาณ 20 สาขา และปีนี้จะเปิดให้ได้ประมาณ 70 สาขา หรือเดือนละ 5 สาขาเป็นอย่างน้อย โดยนอกจากสินค้าเด่นคือ ซาลาเปาไส้ลาวา ไส้ครีมไข่เค็มแล้ว ยังมีไส้ช็อกโกแลต คาปูชิโน ชานม ชาเย็น เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากไส้หลัก เช่น หมูสับ หมูแดง ครีม งาดำ ไส้ผักรวม เป็นต้น

“การขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ ข้อดี คือ เจ้าของธุรกิจ จะมีความกระตือรือร้นในการทำธุรกิจมากกว่าการเปิดร้านสาขาของบริษัทที่มีพนักงานกินเงินเดือน ซึ่งบางครั้งก็ทำงานตามหน้าที่ สู้คนที่เป็นเจ้าของร้านเองไม่ได้ ขณะเดียวกัน บริษัทในฐานะที่เป็นคู่ค้าก็สามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น” อรัญ กล่าว

หากสนใจธุรกิจแฟรนไชส์ซาลาเปาซั่งไห่ ติดต่อได้ที่ฝ่ายธุรกิจแฟรนไชส์ โทร. 0863163619 มีโอกาสมารอแล้วอย่าช้า หากอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง