posttoday

ไอซีซีเล็งปรับโครงสร้างรับตลาดอาเซียน

07 มิถุนายน 2554

ไอ.ซี.ซี.ฯ ขยับใหญ่ในรอบ 45 ปี เล็งปรับโครงสร้างองค์กรใหม่รับตลาดอาเซียนในอนาคต ชี้ยอดขายแบรนด์แฟชั่น 5 เดือนแรกโต 20 %

ไอ.ซี.ซี.ฯ ขยับใหญ่ในรอบ 45 ปี เล็งปรับโครงสร้างองค์กรใหม่รับตลาดอาเซียนในอนาคต ชี้ยอดขายแบรนด์แฟชั่น 5 เดือนแรกโต 20 %

นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัทไอ.ซี.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ผลิตและทำตลาดสินค้าอุปโภคแฟชันแบรนด์เนม เปิดเผยว่าบริษัทมีแนวคิดในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรบริษัทใหม่ เพื่อให้มีความคล่องตัวสูง หรือ ดำเนินการด้านต่างๆที่สามารถเปลี่ยนถ่าย และแทรกซึมได้ทุกสถานการณ์ หรือ ‘แบบไร้กระบวนท่า’ ในลักษณะเดียวกับธาตุน้ำ ที่เปลี่ยนแปลงสถานภาพได้ดีในทุกสถานการณ์ จากปัจจุบันบริษัท มีอายุอยู่ในตลาดมานานร่วม 45ปี

สำหรับแนวคิดการปรับโครงสร้างองค์กรดังกล่าว อยู่ระหว่างการดำเนินงานอย่างค่อยเป็นค่อยไป ที่จะสอดคล้องกับบุคคลากรในองค์กร ที่ปัจจุบันผสมผสานกันระหว่างบุคคลากรเก่าและใหม่ ที่กลุ่มหลังมีสัดส่วนมากกว่ากลุ่มบุคลากรคนรุ่นเก่า และยังพบว่ามีแนวโน้มอัตราการเข้าใหม่และลาออกสูงมากกว่าบุคคลากรรุ่นเก่า ส่วนการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร ใหม่จะเป็นในลักษณะใดนั้น อยู่ระหว่างกำหนดกรอบแนวคิดที่ชัดเจนอีกครั้ง

“แนวทางดังกล่าว เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมขององค์กร ในการทำตลาดใหม่ในภูมิภาคอาเซียน ที่จะรวมกันเป็นตลาด1เดียว ในเศรษฐกิจประชาคมอาเซียน หรือ ในปี2558” นายธรรมรัตน์ กล่าว

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมองหาโอกาสในการทำตลาดสินค้าเครื่องแต่งกายแฟชันแบรนด์ต่างๆ ในตลาดาเซียน เช่นกัน โดยเบื้องต้นจะพิจารณาในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาตลาด ใน2 ประเด็นหลัก คือ 1.ผู้บริโภค และ 2.ฐานการผลิตสินค้าใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับต้นทุนการผลิต ในการทำตลาดในแต่ละประเทศ จากปัจจุบันยอมรับว่ากลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต ประสบปัญหาแรงงานขาดแคลน

ล่าสุดผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในแบรนด์วาโก้ ที่บริษัทเป็นผู้ทำตลาด ได้ขยายกำลังการผลิตสินค้าเพิ่มในโรงงานแห่งใหม่ ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ที่อยู่ติดชายแดนไทย-พม่า เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และควบคุมตุ้นทุนการผลิต และมองถึงโอกาสการขยายตลาดชุดชั้นในวาโก้ ในอนาคต ที่บริษัทได้รับสิทธิบริหาร(ไลเซนส์)เพื่อทำตลาดในประเทศเพื่อนบ้านด้วย

ขณะที่แนวทางการทำตลาดชุดชั้นในวาโก้ ในปีนี้บริษัทจะเปิดตัวคอลเล็กชันสินค้ามากขึ้นอยู่ที่ 8 คอลเล็กชันต่อปี หรือ มีของใหม่ราว 12-16 รายการต่อคอลเล็กชัน จากเดิมอยู่ที่1-2 คอลเล็กชันต่อปี ซึ่งบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ดังกล่าวมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับตลาดชุดชั้นในผ่านช่องห้างสรรพสินค้ามูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท ที่แข่งขันสูง จากผู้เล่นหลายรายในตลาดขณะนี้ คาดในปีนี้ตลาดรวมเติบโตอีก 10% โดยแบรนด์วาโก้ ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ1 กว่า 60%

พร้อมกันนี้บริษท ยังเพิ่มความถี่ในการจัดกิจกรรม “วาโก้โบว์ชมพู สู้มะเร็งเต้านม” มากขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปีนี้ ที่ได้จัดงานดังกล่าวไปแล้ว 3-4 ครั้ง เพื่อสร้างความตระหนักในเรื่องนี้มากขึ้น จากเดิมอยู่ที่ปีละครั้ง ล่าสุดร่วมกับ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จัดโครงการ เดอะ เลิฟ โปรเจคส์ เชิญชวนลูกค้าซื้อชุดชั้นในรุ่นวาโก้โบว์ชมพู ตั้งแต่วันนี้-31 ส.ค. เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งมอบสมทบทุนสนับสนุนการรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ขาดแคลนทุกทรัพย์ ณ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ

สำหรับผลดำเนินงานรายได้บริษัทใน 5เดือนแรกปีนี้ มีอัตราการเติบโตกว่า 20% จากเป้าเดิมวางไว้ที่ 30% โดยแบรนด์แฟชันที่ทำตลาดดี อาทิ วาโก้, แอร์โรว์, บีเอสซี และ ลาคอส ส่วนในครึ่งปีหลัง คาดว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับในช่วงที่ผ่านมา จากบรรยากาศและกำลังซื้อในภาพรวม โดยเฉพาะใช่วงการเลือกตั้ง และหลังเลือกตั้ง1-2เดือนที่ยังมีเงินสะพัดอยู่ แต่หลังจากนั้นอาจต้องจับตาสถานการณ์ทางการเมืองอีกครั้ง ว่าจะมีการเคลื่อนไหวของม็อบต่างๆเกิดขึ้นอีกหรือไม่