posttoday

ธกส.เตรียม3หมื่นล.ลุยปุ๋ยลดต้นทุน

26 พฤษภาคม 2554

ธ.ก.ส.เตรียมเงินกว่า 3 หมื่นล้าน เดินหน้าโครงการปุ๋ยลดต้นทุน

ธ.ก.ส.เตรียมเงินกว่า 3 หมื่นล้าน เดินหน้าโครงการปุ๋ยลดต้นทุน

นายไตรงรงค์  สุวรรณคีรี  รองนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรว่า  ตามมติคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบให้ดำเนินงานโครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร โดยกำหนดราคาปุ๋ย 6 สูตร คือ  46-0-0 , 16-20-0, 16-16-8, 16-8-8, 18-12-6  และ 15-15-15 พร้อมเห็นชอบให้มีการชดเชยส่วนต่างราคาปุ๋ยเคมีให้แก่ผู้ข้าร่วมโครงการนี้ ในอัตรากิโลกรัมละ 1.50 บาทหรือตันละ  1,500  บาท ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นเกษตรกรในโครงการประกันรายได้ข้าวนาปี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง ปี53/54 ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรกรรวม 4.78 ล้านราย โดยจะได้รับการชดเชยตามจำนวนพื้นที่เพาะปลูกที่มีสิทธิตามโครงการประกันรายได้ ซึ่งงบประมาณที่ใช้ดำเนินการมีจำนวนทั้งสิ้น  3,901  ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินชดเชยส่วนต่างราคาปุ๋ย  3,450  ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นค่าดำเนินการและค่าอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่เจ้าหน้าที่และเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ

สำหรับการเข้าร่วมโครงการกรณีเกษตรกรประสงค์จะซื้อปุ๋ยเป็นเงินสด สามารถนำเงินสดมาชำระค่า  ณ ธ.ก.ส. สาขา ซึ่ง ธ.ก.ส. จะออกใบจัดหาปุ๋ยให้เกษตรกรไปรับปุ๋ย ณ ร้านที่ขึ้นทะเบียน โดยร้านค้าที่ขึ้นทะเบียนจะจ่ายปุ๋ยตามใบจัดหาปุ๋ย จากนั้น ธ.ก.ส. จะโอนเงินค่าปุ๋ยให้ร้านค้า ตามใบจัดหาปุ๋ย ส่วนกรณีเกษตรกรที่ประสงค์จะขอกู้เงินจาก ธ.ก.ส. เพื่อนำมาซื้อปุ๋ย ธ.ก.ส. ได้เตรียมวงเงินไว้ทั้งสิ้น 3 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ย MRR หรือ 7 % ต่อปี ซึ่งในการทำสัญญากู้เงินซื้อปุ๋ยเกษตรกรต้องทำสัญญากู้เงินซื้อปุ๋ย    โดย ธ.ก.ส. จะออกใบจัดหาปุ๋ยให้เกษตรกรไปรับปุ๋ย ณ ร้านขึ้นทะเบียน และร้านขึ้นทะเบียนจ่ายปุ๋ยตามใบจัดหาปุ๋ย จากนั้น ธ.ก.ส. จึงจะโอนเงินค่าปุ๋ยให้ร้านค้า ตามใบจัดหาปุ๋ย

ขณะที่ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเช่น สหกรณ์การเกษตรกรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. สหกรณ์การเกษตร ร้านค้าองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ตลอดจนร้านค้าท้องถิ่น โดยคุณสมบัติร้านที่ขึ้นทะเบียนจำหน่ายปุ๋ยมีดังนี้ เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนตามกฎหมาย มีสถานที่ตั้งของกิจการอยู่ในพื้นที่ดำเนินงานของ ธ.ก.ส. และต้องได้รับอนุญาตการจำหน่ายปุ๋ยจากกรมวิชาการเกษตร มีความมั่นคงโดยต้องดำเนินกิจการมาไม่น้อยกว่า 1 ปี และจำหน่ายปุ๋ยคุณภาพและปริมาณครบถ้วนตามมาตรฐานของคณะกรรมการวิจัยและพัฒนากรมวิชาการเกษตร (กวก.) อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับเกษตรกรและอำนวยความสะดวกในการใช้บริการ ธ.ก.ส. ได้มีการขึ้นทะเบียนร้านค้าปุ๋ยในท้องถิ่นที่มีคุณสมบัติครบถ้วนจำนวนกว่า 7,000 แห่งทั่วประเทศ