posttoday

พณ.ระงับขึ้นราคาน้ำตาลทรายบรรจุถุง

24 มีนาคม 2554

“พาณิชย์” เล็งใช้เงินกองทุนอ้อย 700-800 ล้านบาท อุ้มโรงงานน้ำตาลผลิตถุง 1 กก.แก้ขาดแคลน แทนอนุมัติขึ้นค่าบรรจุถุง

“พาณิชย์” เล็งใช้เงินกองทุนอ้อย 700-800 ล้านบาท อุ้มโรงงานน้ำตาลผลิตถุง 1 กก.แก้ขาดแคลน แทนอนุมัติขึ้นค่าบรรจุถุง

นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังการหารือร่วมกับตัวแทนจากกระทรวงอุตสาหกรรม และโรงงานผลิตน้ำตาลทราย เพื่อแก้ปัญหาน้ำตาลทรายบรรจุถุงขนาด 1 กก. ขาดแคลนว่า ได้เสนอแนวทางนำเงินกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายประมาณ 700-800 ล้านบาท มาจ่ายชดเชยให้กับโรงงานน้ำตาลทราย เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผลิตน้ำตาลบรรจุถุงมากขึ้น หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ไม่อนุมัติให้โรงงานขึ้นค่าบรรจุถุงเป็น 1.40 บาท จาก 75 สตางค์ ตามที่เสนอมา

ทั้งนี้เงินจำนวน 700-800 ล้านบาท คำนวณจากส่วนต่างการขอขึ้นค่าบรรจุถุงเพิ่มประมาณ 50-60 สตางค์ โดยแต่ละปีมีความต้องการบริโภคน้ำตาลทราย 600 ล้านกก. แบ่งเป็นสัดส่วน 25% บรรจุถุง ที่เหลือเป็นการขายแบบตวง ถือว่าใช้เงินจำนวนไม่มากมาแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภค เมื่อเทียบกับเงินกองทุนที่เรียกเก็บจากโควตาก. หรือโควตาในประเทศ ซึ่งปีนี้ได้มีการเพิ่มน้ำตาลโควตาก. จาก 22 ล้านกระสอบ เป็น 25 ล้านกระสอบ ทำให้มีเงินไหลเข้ากองทุน 1.25 หมื่นล้านบาท โดยในส่วนที่เกินมา 3 ล้านกระสอบ มีเม็ดเงินมากถึง 1,500 ล้านบาท สามารถนำมาจ่ายชดเชยให้กับโรงงาน และยังมีเงินเหลือที่จะใช้หนี้กองทุนที่มีหนี้เหลือ 7,000 ล้านบาทเท่านั้น

แนวทางดังกล่าวน่าจะเป็นไปได้ เพราะกองทุนนี้ได้จากเงินที่ประชาชนจ่ายเพื่อซื้อน้ำตาลทราย ซึ่งเก็บจากประชาชนแล้วกก.ละ 5 บาท เพื่อนำเงินสบทบเข้ากองทุนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย แต่เมื่อประชาชนเดือนร้อน กองทุนก็น่าจะช่วยเหลือประชาชนบ้าง หากช่วยไม่ได้ เพราะผิดวัตถุประสงค์ของกองทุน ก็ต้องขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขยายขอบเขตความช่วยเหลือของกองทุน จากเดิมที่ช่วยเหลือเฉพาะเกษตรกร เป็นช่วยประชาชนด้วย ซึ่งจะต้องหารือกับรมว.อุตสาหกรรมก่อน แล้วจึงนำผลหารือเสนอให้ครม.พิจารณาอนุมัติต่อไป

พร้อมกันนั้น ยังได้ขอความร่วมมือให้โรงงานน้ำตาลทราย 4 แห่งที่ผลิตแบบถุง เพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้น รวมทั้งส่งข้อมูลการผลิตต่อเดือน และปริมาณการขายมาให้กรมการค้าภายในด้วย  หากพบว่าทั้ง 4 แห่งไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ จะหาโรงงานอื่นมาผลิตแทน