posttoday

พรานทะเลปรับกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าสินค้า

22 มีนาคม 2554

ยูเนี่ยน โฟรเซ่นส์ชี้น้ำท่วมทำไทยวิกฤตขาดแคลนกุ้ง รับยอดส่งออกไม่โต รุกปรับกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าเพิ่มการผลิตลดการใช้วัตถุดิบ พยุงยอดรายได้เท่าปีที่ผ่านมา 9,000 ล้านบาท

ยูเนี่ยน โฟรเซ่นส์ชี้น้ำท่วมทำไทยวิกฤตขาดแคลนกุ้ง รับยอดส่งออกไม่โต รุกปรับกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าเพิ่มการผลิตลดการใช้วัตถุดิบ พยุงยอดรายได้เท่าปีที่ผ่านมา 9,000 ล้านบาท

นายอนุรัตน์ โคว์คาสัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัทยูเนี่ยน โฟรเซ่นส์ โปรดักส์ และบริษัทพรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง เปิดเผยว่า บริษัทได้ประเมินภาพรวมผลผลิตวัตถุดิบอาหารในปีนี้จะลดลง โดยเฉพาะกุ้งซึ่งคาดว่าเกษตรกรไทยจะเพาะเลี้ยงได้น้อยลง เนื่องจากผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัดของประเทศไทยในปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ผลกระทบที่เกิดขึ้น บริษัทได้ปรับกลยุทธ์การแปรรูปสินค้า ด้วยการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ โดยใช้การวัตถุดิบกุ้งลดลง จากปัจจุบันใช้จำนวน 70-80% ของการผลิต เหลือเพียง 60% ด้วยการนำวัตถุดิบอื่นมาผสม เช่น กุ้งชุบแป้งถอด ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า แต่ช่วยลดวัตถุดิบการผลิตลงได้

นอกจากนี้วิกฤตการขาดแคลนวัตถุดิบ ทำให้ในปีนี้ภาพรวมการส่งออกสินค้าแปรรูปของบริษัทไม่เติบโตเป็นปีแรก โดยมีมูลค่าการส่งออกราว 9,000 ล้านบาท เท่ากับปีที่ผ่านมา จากเดิมบริษัทเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ขณะที่เหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิถล่มประเทศญี่ปุ่น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัท เนื่องจากโรงงานผลิตกุ้งชุบแป้งทอดที่เซนได ประเทศญี่ปุ่น ได้รับความเสียหายไม่สามารถเดินเครื่องการทำงานต่อได้ ทางยูเนี่ยนประเทศไทยจะเป็นผู้ผลิตในส่วนดังกล่าว โดยเดินเครื่องเต็มกำลังเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวโดยไม่ต้องลงทุนใหม่ ซึ่งคาดว่าจะทำให้การส่งออกสินค้าไปยังประเทศญี่ปุ่น จากเดิม 2,000 ล้านบาท/ปี เพิ่มเป็น 2,200 ล้านบาท

นายอนุรัตน์ กล่าวว่า ด้านสินค้าภายใต้แบรนด์ พรานทะเลไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากจำหน่ายสินค้าเฉพาะในประเทศเท่านั้น ซึ่งล่าสุดได้ปรับลดราคาสินค้าลงเมนูละ 10 บาท โดยดึงกระแสลดโลกร้อนมาช่วยในการผลิตสินค้า ซึ่งบริษัทได้ลดการใช้พลาสติกการผลิตถ้วยข้าวต้ม ทำให้ปรับลดราคาลงได้

ทั้งนี้ช่วงไตรมาสที่ 3 เตรียมออกสินค้าประเภท ฟิวชั่นฟูดส์ ผสมผสานกับรสชาติต่างประเทส ได้แก่ เกาหลี ญี่ปุ่น อิตาเลี่ยน เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลุกค้าและปรับรสชาติให้ถุกปากคนไทยยิ่งขึ้น โดยในปีนี้คาดว่ายอดขายจะเติบโต 10% จำนวน 1,200 ล้านบาท เทียบกับปีที่ผ่านมายอดขาย 1,100 ล้านบาท