posttoday

บริษัทยาปรับธุรกิจรุกตลาดของใช้ส่วนบุคคล

07 มีนาคม 2554

บริษัทยารายใหญ่ร็อตต้าฟาร์ม ปรับพอร์ทธุรกิจยามุ่งสู่สินค้าส่วนตัว เปิดตัว“ซอลเจลล่า อูโม่” เจาะตลาดครีมอาบน้ำเวชสำอางหนุ่มไทย

บริษัทยารายใหญ่ร็อตต้าฟาร์ม ปรับพอร์ทธุรกิจยามุ่งสู่สินค้าส่วนตัว เปิดตัว“ซอลเจลล่า อูโม่” เจาะตลาดครีมอาบน้ำเวชสำอางหนุ่มไทย

น.ส.ภัสรา อรุณสมสิริ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ บริษัทร็อตต้าฟาร์ม (ประเทศไทย) ในเครือกลุ่มบริษัทร็อตต้าฟาร์ม-มาเด็าส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์และสุขภาพ จากประเทศอิตาลี เปิดเผยว่าบริษัทแม่ วางนโนยายการดำเนินธุรกิจนประเทศไทยนับจากนี้ มุ่งสู่ธุรกิจสินค้าดูแลส่้วนบุคคล(เพอร์ซันนัล แคร์) อาทิ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์ดูแลผมภายใต้ แบรนด์ต่างๆ เพื่อทำตลาดในประเืทศไืทยมากขึ้น

สำหรับปี54 บริษัทวางแผนเปิดตัวสินค้่ากลุ่มของใช้ส่วนบุคคลไม่ต่ำกว่า3แบรนด์ใหม่ ล่้าสุดเปิดตัวครีมอาบน้ำภายใต้แบรนด์ “ซอลเจลล่า อูโม่” เพื่อทำตลาดกลุ่มใหม่ครั้งแรกในประัเทศ คือ ครีัมอาบน้ำเวชสำอางสำหรับผู้ชาย ซอลเจลล่า อูโม่ ทรีอินวัน ทริปเปิลแอคชัน คูณ3 โดยบริษัทแม่ยังเลือกเปิดตัวสินค้าดังกล่าวในไทยเป็นแห่งแรกในภูิมิภาคเอเชีย ด้วยเป็นตลาดที่มีัการเติบโตของสินค้ากลุ่มดุแลผิวสำหรับผู้ชายเติบโตสูงเป็นอันดับต้นๆ

พร้อมกันนี้บริืษัทยังใช้ ศิลปินนักร้อง “บุรินทร์ บุญวิสุทธิื์” เป็นพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์ดังกล่ี่าว ไปพร้อมกับการสื่อสารผลิตภัณฑ์ที่ระงับกลิ่นกายจากต้นเหตุ ซึ่งเป็นทั้งครีมอาบน้ำ โรลออนระังับกลิ่นกาย และครีมบำำรุงผิว โดยวางจำหน่ายขนาด100 มล. ราคา 194 บาท ผ่านช่องทางจำหน่ายหลัก ร้านค้าเ้พื่อสุขภาพ หรือ ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ และร้านขายยาทั่วไป

ในปีแรกบริษัทวางเป้าส่วนแบ่งตลาด5% ของตลาดรวมครีมอาบน้ำสำหรับผู้ชายมูลค่า 140 ล้านบาท ซึ่งมีัอัตราการเติืบโตกว่า 50% และมีเนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง50% จากตลาดรวมครีมอาบน้ำ5,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตราว10% ทุกปี โดยปัจจุบันแบรนด์ อาดิดาสและัโชกุบุสซึ  ครองส่วนแบ่งตลาดหลักรวมกันกว่า 80%

ขณะที่กลางปีนี้ บริษัทจะทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อาทิ สินค้าสำหรับเด็กแบรนด์ “เบบี เจลล่า” ผลิตภัณฑ์ดูแลผิืวพรรณ ชะลอริ้วรอย แบรนด์ โนแอล เดอร์มา และผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมสำหรับผู้ชายและัหญิง แบรนด์ไบโอ ไธมัส เข้ามาทำตลาดในไทยต่อเนื่อง พร้อมวางเป้าในปี2558 บริษัทจะัมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มสินค้าอุปโภคดูแลส่วนบุคคลเพิ่มเป็น 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10%

สำหรับการปรับทิศทางธุรกิจ เป็นไปตามสภาพตลาดในประเทศไทย จากวิถีผู้บริโภคที่หันมาดูแลรักษาตัวเองมากขึ้น ขณะัที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ยาีมีอัตราเติบโตเฉลี่ย10% จากการที่ประเทศไทยหันมาผลิตยารองรับความต้องการภายในประเทศมากกว่าการนำเข้า รวมถึงเรื่องสิทธิบัตรยาที่เริ่มหมดอายุ จากนโยบายรัฐ เป็นต้น โดยปัจจุบันบริษัทเป็นผู้วิืจัยและพัฒนายาด้านโรคข้อเข่าและน้ำในข้อเทียมฯลฯ