posttoday

จอห์น เรย์ ปีนี้มาสด้าจะส่งเสียงดังในตลาดมากขึ้น

25 มกราคม 2553

มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) อาศัยช่วงจังหวะของการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างมาสด้า 2 เบียดทำยอดขายเข้าเป้าไปอย่างน่าชื่นชมในปี 2552 ที่ผ่านมา....

มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) อาศัยช่วงจังหวะของการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างมาสด้า 2 เบียดทำยอดขายเข้าเป้าไปอย่างน่าชื่นชมในปี 2552 ที่ผ่านมา....

โดย...พิสันต์ อิทธิวัฒนกุล

เป็นอีกหนึ่งค่ายรถยนต์ที่เติบโตขึ้นมาสวนทางการหดตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวม มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) อาศัยช่วงจังหวะของการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างมาสด้า 2 เบียดทำยอดขายเข้าเป้าไปอย่างน่าชื่นชมในปี 2552 ที่ผ่านมา

แต่ดูเหมือนยังไม่เพียงพอ เพราะทีมงานของมาสด้าที่นำโดย จอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ ประกาศเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยเตรียมขนสินค้าใหม่ พร้อมเดินหน้าขยายตัวแทนจำหน่าย รวมถึงอัดแผนการตลาดเพื่อรุกอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี

"ปีนี้เราจะทำตัวให้เสียงดังมากขึ้น เราจะทำให้แบรนด์ยักษ์ใหญ่รับรู้ถึงความเป็นมาสด้า และหันมามองเรามากกว่าเดิม ซึ่งเรามีความพร้อมในทุกด้านที่จะเดินหน้าทุกแผนงานที่วางไว้ ขอให้ทุกคนจับตามองสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงต่อจากนี้ให้ดี"

ความมั่นใจของนายใหญ่ค่ายปีกบินในประเทศไทย มาพร้อมตัวเลขที่พิสูจน์ได้จริงจากปี 2552 ที่ผ่านมา ที่มาสด้าสร้างประวัติศาสตร์ด้วยยอดจำหน่าย 13,241 คัน มีอัตราการเติบโตกว่า 18% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2551 โดยถือเป็นค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด

หากลงไปในรายละเอียดจะพบว่ายอดขายแบ่งออกเป็นรถสปอร์ตปิคอัพมาสด้า บีที-50 ใหม่ ทำยอดขาย 5,574 คัน ลดลง 20.3% รถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า 3 สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกครั้ง ด้วยยอดจำหน่าย 4,800 คัน มีอัตราการเติบโต 16% รถสปอร์ตโรดสเตอร์มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 จำนวน 47 คัน รถสปอร์ตครอสโอเวอร์หรู 7 ที่นั่ง มาสด้า ซีเอ็กซ์-9 จำนวน 26 คัน

และที่กำลังร้อนแรงสุดสุดอยู่ในขณะนี้ ทั้งที่เพิ่งเปิดตัวเพียงแค่เดือนครึ่ง รถยนต์มาสด้า 2 ในกลุ่มบี-เซกเมนต์ สามารถส่งมอบให้ลูกค้าไปแล้วถึง 2,794 คัน พร้อมกับยอดจองที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้มาสด้ากำลังเร่งส่งมอบให้กับลูกค้าอีกกว่า 2,500 คัน

“ถ้าดูจากยอดขายของเราจะเห็นการเติบโตที่น่าสนใจ เพราะหากดูจากตลาดรวม ที่ปิกอัพหดตัวไปประมาณ 21% รถยนต์ระดับซี-เซกเมนต์หดตัวลง 8.6% และรถยนต์ระดับบี-เซกเมนต์เติบโต 13.7% จะเห็นได้ว่ามาสด้ามียอดจำหน่ายที่เหนือกว่าการเติบโตในทุกตลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้มาสด้ามั่นใจมากว่าเดินมาถูกทางแล้วสำหรับตลาดในประเทศไทย”
เขากล่าวอีกว่าสิ่งที่น่าสนใจก็คือการเปิดตัวมาสด้า 2 ไม่ส่งผลกระทบต่อสินค้ารุ่นอื่น ๆ ของมาสด้าเหมือนที่มีการคาดการณ์กัน แต่ยังเป็นข้อดีที่ทำให้ลูกค้าหลายรายเข้ามาในโชว์รูมของมาสด้ามากขึ้น เพื่อที่จะเข้ามาดูมาสด้า 2 แต่อาจจะไปปิดการขายที่มาสด้า 3 แทนก็มีจำนวนไม่น้อย เนื่องจากลูกค้าจะเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเองเป็นหลัก

เรย์บอกว่ามาสด้าจะเดินหน้าต่อในปีนี้ แม้จะมีการเปิดตัวรถในโครงการอีโคคาร์ ก็จะไม่ส่งผลกระทบกับรถกลุ่มบี-เซกมนต์ เนื่องจากลูกค้าเป็นคนละกลุ่มกัน และลูกค้าชาวไทยมักจะตัดสินใจในการซื้อรถที่แตกต่างกัน ทำให้อีโคคาร์จะกลายเป็นเพียงซับเซกเมนต์ของบี-เซกเมนต์เท่านั้น ในกลุ่มของบี-เซกเมนต์ก็จะเติบโตต่อไป โดยในปี 2553 น่าจะมียอดจำหน่ายไม่น้อยกว่า 1.5 แสนคัน และมีส่วนแบ่งการตลาดรวมถึง 22% เติบโตขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ที่มียอดจำหน่าย 1.2 แสนคัน

และเพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้ามากขึ้นไปอีก มาสด้าเตรียมที่จะเปิดตัวมาสด้า 2 ซีดานรุ่น 4 ประตูเข้ามาเปิดตัวในช่วงงานมอเตอร์โชว์ ปลายเดือนมีนาคมนี้ โดยเชื่อว่าเมื่อถึงสิ้นปี มาสด้า 2 จะทำยอดจำหน่ายให้มาสด้าได้ถึง 2.4 หมื่นคัน แบ่งเป็นรุ่นซีดาน 55% และรุ่นแฮทช์แบ็ก 45%

ขณะที่ยอดจำหน่ายมาสด้า 3 น่าจะปรับตัวลดลงมาเล็กน้อย เหลือที่ระดับ 4,500 คัน พร้อมรถปิกอัพบีที-50 ที่ประมาณ 6,500 คัน ไม่รวมตัวเลขของการจำหน่ายรถสปอร์ตโรดสเตอร์และสปอร์ตครอสโอเวอร์อีกจำนวนหนึ่ง จะทำให้มาสด้าในปีนี้มียอดจำหน่ายสูงถึง 3.5 หมื่นคัน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 164%

"อัตราการเติบโตที่เราคาดการณ์จะถือเป็นอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดเหนือการเติบโตของตลาดที่มาสด้าคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 10% หรือมียอดขายรวม 6.1 แสนคันเท่านั้น ซึ่งหากเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ มาสด้า ประเทศไทยจะมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 5.7% เพิ่มขึ้นจาก 2.4% ในปีที่ผ่านมา"

อย่างไรก็ตาม เรย์บอกว่าโอกาสที่ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยจะเติบโตมากกว่า 6.1 แสนคัน และขึ้นไปถึงระดับ 6.5 แสนคันก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน แต่ต้องดูปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามาประกอบกันตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความมั่นคงทางการเมือง หรือแม้แต่การปรับเปลี่ยนในเรื่องของภาษีต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมได้ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ นอกจากการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดในปีนี้แล้ว มาสด้าก็เตรียมความพร้อมที่จะขยายโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่เพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยมีแผนที่จะขยายเพิ่มอีก 24 แห่งในปีนี้ ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ามาสด้าด้วยบริการด้วยมาตรฐานระดับโลกอย่างเต็มประสิทธิภาพ

เมื่อแผนในปัจจุบันมีความชัดเจน จึงมีคำถามว่านายใหญ่มาสด้าคนนี้มองอนาคตของมาสด้าในประเทศไทยในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าต่อไปอย่างไร เรย์บอกว่าเป้าหมายของเขาก็คือการผลักดันให้มาสด้ามียอดจำหน่ายที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต โดยเชื่อว่าน่าจะขึ้นไปได้ถึงอันดับที่ 4 ของตลาดรถยนต์รวมในประเทศไทย พร้อมกับการลุ้นขึ้นถึงอันดับ 3 ของตลาดรถยนต์นั่งก็มีความเป็นไปได้

อย่างไรก็ตาม ด้วยตัวสินค้าที่ทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน 5 รุ่นอาจจะยังไม่เพียงพอในการแบ่งชิงยอดจำหน่ายในตลาด ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว มองว่าอาจจะต้องเพิ่มอีกอย่างน้อย 1 รุ่น โดยเล็งไปที่รถยนต์นั่งขนาดกลางระดับดี-เซกเมนต์หรือคอมแพคท์เอสยูวี ซึ่งเป็นรถที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย เพื่อเข้ามาทำตลาดในอนาคต

"แต่หากจะทำจริง ๆ คงต้องมองไปถึงการขึ้นไลน์ผลิตรถรุ่นนั้น ๆ ในประเทศไทย เพื่อให้ราคาสามารถแข่งขันได้ แต่ก็คงต้องเจรจรากับบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น พร้อมทั้งศึกษาแผนงานทั้งหมดอย่างรอบคอบอีกครั้ง แต่อนาคตอะไรก็เกิดขึ้นได้เหมือนกัน เราต้องมาคอยดูกัน"

และนี่คือคำให้การของนายใหญ่ค่ายรถเจ้าของโลโก้ปีกบิน ที่ดูเหมือนว่าวันนี้ ปีกจะมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะบินสูงพอสมควร และทำให้ผู้บริหารทำงานกันง่ายขึ้น แม้หนทางจะยังยากลำบากเหมือนที่ผ่านมา กับการแข่งในตลาดที่มี่ผู้นำตลาดที่ชัดเจนในประเทศไทย

แต่ถ้ากายพร้อม ใจพร้อม สินค้าพร้อม แผนงานเตรียมมาดี ก็อาจจะมีเซอร์ไพร์สเกิดขึ้นได้เหมือนกัน...ใครจะรู้!!!