ลอง 2 เอ็มพีวีน้องใหม่ ฮอนด้า ฟรีด และ โปรตอน เอ็กโซร่า
ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่าตลาดรถยนต์นั่งสำหรับผู้โดยสารมากกว่า 5 คน หรือรถยนต์ในกลุ่มรถอเนกประสงค์แบบมินิแวน เริ่มกลับมาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่าตลาดรถยนต์นั่งสำหรับผู้โดยสารมากกว่า 5 คน หรือรถยนต์ในกลุ่มรถอเนกประสงค์แบบมินิแวน เริ่มกลับมาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
โดย...พิสันต์ อิทธิวัฒนกุล
ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่าตลาดรถยนต์นั่งสำหรับผู้โดยสารมากกว่า 5 คน หรือรถยนต์ในกลุ่มรถอเนกประสงค์แบบมินิแวน เริ่มกลับมาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการที่ค่ายรถบางรายเริ่มหันกลับมานำเข้าสินค้าในกลุ่มดังกล่าวมาทำตลาดมากขึ้น โดยอาศัยเขตการค้าเสรีอาฟตานำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้สามารถแข่งขันกับรถยนต์ที่ผลิตในประเทศได้
และแน่นอนว่าคงต้องรวมไปถึงฮอนด้า ฟรีด และโปรตอน เอ็กโซร่า ที่เปิดตัวในช่วงใกล้เคียงกัน โดยคันแรกเป็นการนำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย ฐานการผลิตรถแบบเอ็มพีวีของค่ายฮอนด้า ขณะที่คันหลังมาจากแดนเสือเหลืองมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศแม่ของรถยนต์โปรตอนอยู่แล้ว
เริ่มกันที่คันแรก ฮอนด้า ฟรีด มาพร้อมกับภารกิจในการสร้างเป้าหมายให้ได้ 5,000 คัน ซึ่งต้องบอกว่าเป็นภารกิจที่ท้าทายใช่ย่อยกับรถยนต์เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ที่วางราคาจำหน่ายสูงถึง 8.945 แสนบาทในรุ่นเริ่มต้น และทะลุ 1.0745 ล้านบาทใน รุ่นท็อป
ถ้าตัดเรื่องของราคาออกไป ฮอนด้า ฟรีด มีจุดเด่นที่น่าสนใจไม่น้อยในเรื่องของการออกแบบรถยนต์ทั้งคัน โดยเฉพาะประตูสไลด์ด้านข้างทั้งสองด้าน ช่วยในเรื่องการเข้า-ออกจากห้องโดยสารตอนหลังให้ง่ายและสะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะในรุ่นท็อปที่เป็นประตูระบบไฟฟ้า ช่วยให้ผู้โดยสารไม่ต้องออกแรง แค่ดึงที่จับประตูเบาๆ ประตูก็พร้อมจะเปิดออกให้เข้าไปนั่งได้ทันที
พื้นของรถอยู่ค่อนข้างต่ำ ออกแบบมาเพื่อให้ผู้โดยสารไม่ต้องยกขาก้าวสูงมากนักเวลาจะขึ้นรถ ขณะที่ห้องโดยสารตอนหน้าของผู้ขับขี่ก็เปิดประตูได้กว้างขวาง และให้ความสะดวกสบายในการขับขี่ด้วยกระจกหน้าบานใหญ่เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่
ภายในห้องโดยสารออกแบบมาได้ล้ำยุคในสไตล์ของฮอนด้า ย้ายคันเกียร์ไปไว้ที่ตำแหน่งกลางคอนโซลหน้าใต้ระบบเครื่องเสียง เพื่อให้ห้องโดยสารสามารถเดินทะลุถึงกันได้หมด เบาะที่นั่งแถวกลางเป็นแบบเก้าอี้กัปตัน แยกอิสระซ้าย-ขวา ขณะที่แถว 3 ยังเป็นเบาะเก้าอี้ยาวสำหรับ 3 ที่นั่ง
ผมลองมุดเข้ามุดออกระหว่างเบาะที่นั่งทั้งสามตอนดู ก็ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่ง ที่นั่งตอน 3 นั่งได้แต่ไม่ถึงกับสบายนัก ในขณะที่เบาะที่นั่งตอน 2 ที่ควรจะสบายก็กลับสอบตกในเรื่องของวัสดุที่ใช้ทำเบาะที่ดูไม่รับกับตัวเท่าที่ควร รวมไปถึงเบาะด้านหน้าก็เช่นเดียวกัน ซึ่งทำให้ออกอาการเมื่อยจากการนั่งขับขี่เป็นระยะเวลานานๆ เหมือนกัน
ช่องวางของเยอะๆ ก็ยังเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ที่ฮอนด้าผลิตมาในช่วงหลังๆ นี้ และแน่นอนว่าฟรีดก็เต็มไปด้วยที่วางของจุกจิกทั้งคันเช่นเดียวกัน แม้จะใส่ของชิ้นใหญ่มากไม่ได้ แต่สำหรับผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารที่มีสัมภาระเยอะน่าจะชอบช่องวางของตรงคอนโซลหน้าที่แบ่งเป็นช่องเล็กช่องน้อย เหมาะสำหรับการวางอุปกรณ์ที่จำเป็นระหว่างการเดินทาง
ในส่วนของเครื่องยนต์ไอ-วีเทค 1.5 ลิตร ขนาด 118 แรงม้า มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และใช้ได้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี20 และมีค่ามาตรฐานไอเสียเทียบเท่าระดับยูโร 4 แน่นอนว่าอืดครับเมื่อต้องมารับกับน้ำหนักรถขนาดนี้ แถมด้วยผู้โดยสารที่ทางฮอนด้าจัดให้นั่ง 4 คน แน่นอนว่าต้องเกิดอาการอืดให้เห็นแบบไม่ต้องสงสัย
ในช่วงความเร็วกลางประมาณ 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นช่วงที่ตัวรถมีความลื่นไหลมากที่สุด ขณะที่ตีนต้นออกจะอืดอาดไปสักนิด ความเร็วท้ายไหลไปได้เกิน 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแบบเอื่อยๆ แถมยังต้องสู้กับเสียงลมปะทะหน้ารถที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ตามความเร็วของรถอีกต่างหาก ขณะที่ช่วงล่างให้ความรู้สึกสบายแต่ไม่สนุกในแบบรถครอบครัวทั่วไป
บวกลบกลบหนี้กับความอเนกประสงค์ของตัวรถที่ให้มาแบบไม่น้อยหน้าใครแล้ว ลูกค้ากลุ่มที่ต้องการรถครอบครัวที่นั่งได้ 6-7 ที่ นั่งแบบขับไปเรื่อยๆ ไม่เน้นเรื่องสมรรถนะปรื๊ดปร๊าดน่าจะชื่นชอบในรถยนต์คันนี้ แต่ก็ต้องเป็นลูกค้ากระเป๋าหนักที่พร้อมยอมจ่ายแพงกว่าที่มีคนคาดหมาย เพราะฮอนด้าบอกแล้วว่าระดับราคานี้คือช่องว่างของอุตสาหกรรมที่ฮอนด้าจะใช้ฟรีดถมให้เต็ม
กลับมาที่คู่แข่งอย่างเอ็กโซร่า ที่ทางพระนครยนตรการเปิดตัวและให้ทดสอบกันสั้นๆ ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไม่นาน ก่อนจะไปฟันยอดขายหลักพันคันจากงานมหกรรมยานยนต์ช่วงปลายปี พร้อมประกาศความห้าวด้วยการขอยอดจำหน่ายอีกไม่ต่ำกว่า 3,000 คันในปีนี้
มองจากหน้ารถไปท้ายรถ เอ็กโซร่าเหมือนเอาหน้าและท้ายของเอ็มพีวี 7 ที่นั่งรุ่นเก่าของยี่ห้อใหญ่มาต่อกัน ตัวรถแบบ 7 ที่นั่ง 3 แถว เบาะกลางแบบเต็มตัว เวลาจะผ่านเข้า-ออกไปแถว 3 ต้องพับเบาะแถว 2 ลงสถานเดียว
เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เพิ่มเทคโนโลยีระบบวาล์วแปรผัน พีเอสและ เทคโนโลยีท่อ ไอดีแปรผัน ทำให้กำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์เพิ่มมากขึ้น เหมาะสมกับการเป็นรถยนต์สำหรับครอบครัวที่ต้องขนผู้โดยสารและสัมภาระจำนวนมากติดตัวไปด้วย
ในการทดสอบมีปัญหานิดหน่อยที่รถทดสอบ 2 คันที่ทีมงานบอกว่าเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ให้ผลการทดสอบที่แตกต่างกันเล็กน้อยในส่วนของอัตราเร่งและเสียงของเครื่องยนต์ คันที่ดีกว่าให้อัตราเร่งที่ดีและมีการเก็บเสียงของเครื่องยนต์ที่ดีกว่าอีกคันอย่างเห็นได้ชัด การวิ่งที่ความเร็วต้นไปถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไหลไปได้อย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็ต้องรอให้มีพื้นที่มากพอในการเร่งความเร็วไปมากกว่านั้น
อัตราเร่งเวลามีผู้โดยสาร 1-2 คน อยู่ในระดับยอมรับได้ การวิ่งทดสอบในสนามทดสอบของโปรตอนนั้น เอ็กโซร่าสามารถวิ่งผ่านไปในจุดทดสอบต่างๆ ได้แบบไม่มีปัญหาอะไร แม้เสียงปะทะของลมที่ความเร็วสูงจะมีมากพอให้รู้สึกโดยไม่ต้องเพ่งเล็งแต่อย่างใด
โปรตอนคุยว่ารถยนต์คันนี้มีอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยเต็มรูปแบบเหมือนรถยนต์จากยี่ห้อใหญ่ทั่วไป รวมไปถึงตัวถังโครงสร้างความปลอดภัยสูงที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยยูโร-เอนแคป ระดับ 4 ดาวอย่างสบาย
พร้อมทั้งติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบ บีซีเอ็ม ซึ่งติดตั้งในรถยนต์ยุโรประดับสูงเท่านั้น และเอ็กโซร่าเป็นรถรุ่นแรกในค่ายโปรตอนที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าว ซึ่งทำหน้าที่ได้มากกว่า 20 ฟังก์ชัน อาทิ ไฟนำทางเข้าบ้าน การตั้งโปรแกรมการล็อกประตู การควบคุมการทำงานที่ปัดน้ำฝน การทำงานของสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติระหว่างการหยุดโดยฉุกเฉินจากความเร็วที่ 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
สิ่งที่ทำให้เอ็กโซร่าน่าสนใจมากขึ้นก็คือ การ ตั้งราคาจำหน่าย 6.99 แสนบาทในรุ่นล่าง และ 7.99 แสนบาทในรุ่นท็อป ซึ่งราคาที่เปิดออกมานี้ลูกค้าหลายคนบอกว่าโดนใจเหลือที่จะกล่าว ทำให้ตัดสินใจยอมเป็นเจ้าของรถคันนี้อย่างไม่ยากเย็น
และนี่คือเอ็มพีวี 2 รุ่นใหม่ล่าสุดที่เข้ามาบุกตลาดรถยนต์ในประเทศไทย โดยมีความหวังว่าจะสามารถเบียดแย่งพื้นที่และส่วนแบ่งการตลาดจากรถยนต์นั่งทั่วๆ ไปที่ทำตลาดอย่างแข็งขันในตลาดรถยนต์ประเทศไทยในปีนี้!!!