posttoday

อ่วม!!! น้ำมัน - เงินเฟ้อ ฉุดดัชนีเชื่อมั่นอุตฯร่วงต่ำสุด 5 เดือน จี้รัฐดันคนละครึ่งเฟส 5 กระตุ้นศก.

18 พฤษภาคม 2565

ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตฯเดือนเม.ย.ต่ำสุดรอบ 5 เดือน หลังเผชิญต้นทุนผลิตพุ่ง น้ำมันแพง เงินเฟ้อสูง กดดันกำลังซื้อประชาชนลด กระทุ้งรัฐตรึงดีเซลไม่เกิน35บาท3เดือนเร่งคนละครึ่งเฟส5

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยาถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2565 อยู่ที่ระดับ 86.2 ปรับตัวลดลงจากระดับ 89.2 ในเดือนมีนาคม ต่ำสุดในรอบ 5 เดือน โดยองค์ประกอบดัชนีฯ ปรับตัวลดลงทุกองค์ประกอบ  ได้แก่ คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลกระกอบการ

ปัจจัยที่ส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ ความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งจากราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงานรวมถึงค่าขนส่ง ขณะที่กำลังซื้อในประเทศชะลอตัวจากปัญหาเงินเฟ้อและหนี้ครัวเรือน ส่งผลให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายและอุปสงค์ในประเทศชะลอตัวลง

นอกจากนี้วันหยุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ทำให้การผลิตลดลง ในด้านการส่งออกสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าโลก รวมทั้งกระทบต่อราคาสินค้านำเข้าประเภทวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปุ๋ยเคมี สินค้ากลุ่มโลหะ เป็นต้น

อย่างไรก็ตามปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังไม่คลี่คลาย และ Space บนเรือไม่เพียงพอต่อความต้องการส่งออกสินค้า รวมทั้งความล่าช้าของเรือขนส่งยังเป็นปัจจัยกดดันต่อภาคการส่งออก อีกทั้งปัจจัยค่าเงินบาทที่อ่อนค่าสุดในรอบ 5 ปี แม้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ส่งออกก็ตาม แต่สิ่งที่น่ากังวลคือเงินบาทที่อ่อนจะส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบต่างๆ โดยเฉพาะสินค้าน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นจนอาจยิ่งเร่งให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นอีกได้

ทั้งนี้จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,320 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในเดือนเมษายน 2565 พบว่า ปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้นได้แก่ ราคาน้ำมัน ร้อยละ 80.4 สถานการณ์ระบาดของโควิด-19  ร้อยละ 68.0 สภาวะเศรษฐกิจโลก ร้อยละ 60.2 และเศรษฐกิจในประเทศ ร้อยละ 55.2 ตามลำดับ

ส่วนปัจจัยที่มีความกังวล ลดลง ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ร้อยละ 40.1  สถานการณ์การเมืองในประเทศ ร้อยละ 38.5 และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ร้อยละ 37.6 ตามลำดับ

สำหรับดัชนีฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 95.9 ปรับตัวลดลงจาก 99.6 ในเดือนมีนาคม เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นภายหลังจากภาครัฐลดการอุดหนุนราคาโดยจะปรับขึ้นแบบขั้นบันไดจนถึง 35 บาท ต่อลิตร

รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตกจะทำให้ราคาพลังงานในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นซึ่งจะกระทบต้นทุนการผลิตและค่าขนส่ง ขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงยืดเยื้ออาจส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง นอกจากนี้นโยบายปิดเมืองของจีนเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การขนส่งสินค้ามีความล่าช้า ขณะเดียวกันยังมีปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบและส่งผลกระทบต่อ Supply Chain ในตลาดโลก แต่อย่างไรก็ตามการยกเลิกระบบ Test & Go เพื่อเปิดประเทศเต็มรูปแบบในวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 จะสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศมากขึ้นและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศในระยะต่อไป

นายเกรียงไกร กล่าวว่า ทางส.อ.ท.ได้จัดทำข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ดังนี้ 1. ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 35 บาท/ลิตร เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านต้นทุนการ ผลิตให้แก่ผู้ประกอบการ  2. ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชนอาทิ โครงการคนละครึ่งเฟส 5 และขยายจำนวนสิทธิ์โครงการเราเที่ยวด้วยกัน

3. สนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Security) ที่มีความสำคัญกับเศรษฐกิจ เช่น อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ  4. ดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนจนเกินไปและให้สอดคล้องกับประเทศ อื่นในภูมิภาคเพื่อให้สามารถแข่งขันได้และ5. ออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวและอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายหลังการเปิดประเทศ