posttoday

‘บ้านปู เน็กซ์’ลุยขยายพอร์ตโซลาร์ ปักหมุดบิ๊กโปรเจกต์นิคมฯในไทย

22 มีนาคม 2565

‘บ้านปู เน็กซ์’ เดินหน้าลุยขยายพอร์ตโซลาร์ทุกรูปแบบในนิคมฯ โชว์ 2 โปรเจ็กต์ โซลาร์ลอยน้ำ ที่นิคมฯ หลักชัยเมืองยางช่วย ลดค่าไฟปีละ 1 5 ล้าน ขณะที่นิคมฯเอเพ็กซ์กรีน กำลังผลิตใหญ่สุด 32 เมกะวัตต์

นายชนิต สุวรรณพรินทร์ ผู้อํานวยการอาวุโส – บริหารการตลาด และการขาย บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จํากัด  เปิดเผยว่าในปี 2565 บ้านปู เน็กซ์ วางแผนรุกติดตั้งโซลาร์ทุกรูปแบบในไทยให้กับอุตสาหกรรมทุกประเภท โดยเฉพาะกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โดยโครงการโซลาร์ลอยน้ำ ในนิคมอุตวสาหกรรม เอเพ็กซ์กรีน อินดัสเตรียล เอสเตท ถือเป็นโครงการโซลาร์ลอยน้ำภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของไทย ติดตั้งบนพื้นที่บ่อน้ำขนาด 200 ไร่ กำลังผลิตรวม 32 เมกะวัตต์ คาดเริ่มจ่ายไฟเข้าระบบจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ปีละกว่า 36 ล้านบาท และช่วยส่งเสริมระบบนิเวศบริเวณนิคมฯ สิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบข้างให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน 

ทั้งนี้ที่ผ่านมา บริษัทฯเดินหน้าขยายบริการโซลูชันฉลาดผลิต (Smart Energy Generation) หรือระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับลูกค้าในไทยอย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้โครงการโซลาร์ลอยน้ำขนาดใหญ่ ในนิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จ.ระยอง ของบริษัท ไทร เบคก้า เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด กำลังการผลิตรวม 16 เมกะวัตต์ ที่ติดตั้งคืบหน้าแล้วเสร็จกว่า 95% คาดว่าจะเปิดจ่ายไฟฟ้าได้ในกลางปีนี้ พร้อมติดตั้งดิจิทัลแพลตฟอร์มและแดชบอร์ดที่ช่วยให้นิคมฯ มอนิเตอร์คุณภาพและระดับน้ำ รวมถึงการทำงานของระบบโซลาร์ได้แบบเรียลไทม์ เพื่อการผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของบ่อน้ำ ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้า ลดการปล่อย CO2 ได้ถึง 11,000 ตันต่อปี ทั้งยังเสริมภาพลักษณ์ต้นแบบนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่มุ่งพัฒนานิคม ชุมชน และพนักงานตามหลักความอย่างยั่งยืนอีกด้วย

“ปัจจุบัน บ้านปู เน็กซ์ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าหลากหลายธุรกิจ ทั้งนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โรงงาน โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ โรงเรียน โรงแรม ตลาด สถานีบริการน้ำมัน ฯลฯ เนื่องจากเชื่อมั่นในจุดแข็งด้าน ความเชี่ยวชาญในการติดตั้งโซลาร์ทุกประเภท ทั้งโซลาร์รูฟท็อป โซลาร์คาร์พอร์ต โซลาร์ลอยน้ำ และโซลาร์ฟาร์ม การดำเนินงานที่ยึดหลักความต้องการของลูกค้าเป็นความสำคัญ (Customer centric) เริ่มจากการใช้โซลูชันฉลาดวิเคราะห์มาวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้พลังงานของลูกค้าแต่ละราย และนำดาต้ามาออกแบบระบบโซลาร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการและปัญหา (Pain point) เหมาะสมกับการใช้พลังงาน ที่สำคัญมีดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ลูกค้าตรวจสอบการผลิต การใช้ไฟฟ้าทั้งจากระบบโซลาร์ และแหล่งไฟฟ้าอื่น รวมถึงดูผลประหยัดค่าไฟ และลด CO2 ได้แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านแอปพลิเคชัน ทั้งยังสามารถแจ้งเตือนเมื่อมีเหตุขัดข้องได้ทันทีในแอปฯเดียว ” นายชนิต กล่าว