posttoday

รวมสูตรเเซนวิช ฉบับรวมตึง B.L.T = Bacon, Lettuce, Tomato

11 เมษายน 2553

เรื่อง สีวลี ตรีวิศวเวทย์ / ภาพ cookool studio

 

เชื่อตามหลักวิชาการว่ามื้อเช้าสำคัญต่อสมอง ที่บ้านของผู้เขียนเลยมักจะเต็มที่กับอาหารเช้าเเบบ Full Course ครบถ้วน ถึงเเม้จะมีข้อจำกัดเรื่องเวลา เเต่หากเราบริหารเเละตระเตรียมอย่างดีจริงๆ เเล้วทำได้ไม่ยากเลย เด็กๆ ก็จะได้รับประทานอาหารมื้อเช้าที่มีคุณค่าด้วย

มื้อเช้าที่บ้านของผู้เขียน จัดว่านานาชาติเอาการอยู่ หากคุณผู้อ่านติดตาม Mcuisine มานาน อาจทราบว่าเรามีกันตั้งเเต่วัฟเฟิลเเบบเบลเยียม เเพนเค้กเเบบอเมริกัน ปลาย่างซีอิ๊วเเบบญี่ปุ่นกับซุปเต้าเจี้ยว เฟรนช์โทสต์เเบบฝรั่งเศส เคสซาดียาเเบบเม็กซิกัน กราโนลาเเละมูสลีย์เเบบเพื่อสุขภาพ

เเต่ตอนนี้ทุกเมนูต้องพับไว้ก่อน เนื่องจากเมนูที่มาเเรงเเซงโค้งทุกรายการ ต้องขอยกให้ “Sandwich” ที่ปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย ให้พลังงานได้ดี ที่สำคัญที่สุด คือ เตรียมง่าย ใช้เวลาไม่นาน ขอเพียงเเค่วางเเผนสักนิด ตั้งเเต่ฉบับนี้ไปผู้เขียนจึงอยากขอรวบรวมสูตรเเซนด์วิชที่เรารับประทานกันจริงๆ ที่บ้านมาให้คุณผู้อ่านเก็บเอาไว้เป็น Collection เสียเลย

เเซนด์วิชเริ่มมาตั้งเเต่สมัยไหนกัน? ผู้เขียนมีความทรงจำจากการอ่านการ์ตูนในวัยเด็ก ว่าเป็นเอิร์ลชาวอังกฤษท่านหนึ่ง ชอบเล่นไพ่เป็นที่สุด ชอบเล่นเสียจนไม่เป็นอันทำอะไร ข้าวปลาไม่ยอมรับประทาน เพราะการรับประทานอาหารเเบบตะวันตกในสมัยก่อนพิธีรีตองมาก จึงขอให้พ่อครัวประกอบส่วนต่างๆ ของอาหารที่เสิร์ฟเเบบปกตินั้นเข้าเป็นชิ้นๆ คำๆ เเละอาหารเเบบนี้จึงได้ชื่อว่า Sandwich

เลยไปหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ประกอบกับหนังสือประวัติอาหาร ถึงได้ความว่า จริงๆ เเล้วไอเดียของอาหารที่ได้จากขนมปังประกอบกับไส้นั้น มีมาตั้งเเต่ในยุคที่ชาวยิวข้ามมาจากอียิปต์ ส่วนผสมของไส้ประกอบไปด้วยถั่ว เครื่องเทศ ประกบด้วย Matzoh ซึ่งเป็นขนมปังเเบนๆ เเข็งๆ สไตล์ยิว ไม่ได้มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์เลย เพื่อเป็นอาหารระลึกความหลังความเเร้นเเค้นของชาวยิวในสมัยนั้น

ต่อมาในยุคกรีก โรมัน ก็มีเรื่องราวของการใช้ขนมปังเก่าๆ เเห้งเเละเเข็ง ฝานออกเพื่อใช้เป็นจานในการเสิร์ฟอาหาร เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งซอส ความชื้นจากเนื้อสัตว์ เนื้ออบต่างๆ ถูกดูดซึมเข้าสู่ขนมปัง เเละสุดท้ายขนมปังที่เหมือนฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ก็จะถูกยกให้ผู้ที่ยากจนกว่า กลายเป็นอาหารจานอร่อยไป ซึ่งจุดนี้เองเป็นเหมือนไอเดีย OpenFace Sandwich ในปัจจุบัน ซึ่งอาหารที่ใกล้เคียงไอเดียนี้ที่ยังมีให้เห็นในปัจจุบัน ก็คือ Bruschetta เเละ Crostini ของอิตาลีไง

ส่วนคำว่าเเซนด์วิชนั้น เกิดขึ้นจากท่านเอิร์ลท่านหนึ่ง ชื่อจริงของท่านคือ John Montague ซึ่งท่านเป็นเอิร์ลรุ่นที่ 4 ของ Sandwich ท่านช่วยสนับสนุนการเงินให้กับ Captain Cook ในการล่องเรือสำรวจดินเเดนแถบอะแลสกา ฮาวาย เเละนิวซีเเลนด์ เมื่อพบเกาะเเก่งต่างๆ เเถบทะเลเเปซิฟิก เลยตั้งชื่อเกาะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Montague Island, Cook Island เเละ Sandwich Island ซึ่งปัจจุบันก็คือฮาวาย เพื่อเป็นเกียรติเเก่ตระกูลของท่านเอิร์ลผู้ให้การสนับสนุน

ท่านเอิร์ลติดนิสัยชอบคุยการเมือง ชอบเล่นพนัน ติดลมบนโต๊ะในร้านเชคสเปียร์ทาเวิร์น จนต้องสั่งให้พ่อครัวห่อเนื้อเย็น พวกเเฮม โรสบีฟด้วยขนมปังที่หั่นเป็นเเผ่นบางๆ ใครเห็นใครก็สั่ง ขอเเบบท่านเอิร์ลเเซนด์วิชกันทั้งนั้น เลยเป็นที่มาให้อาหารชนิดนี้ถูกเรียกว่าแซนด์วิชในที่สุด

จึงนับได้ว่า เเซนด์วิช ถือกำเนิดขึ้นมาเป็นอย่างเเรกในอังกฤษ จึงไม่เเปลกที่เราเห็นชาวอังกฤษรับประทานเเซนด์วิชกันเเพร่หลาย จนมาถึงอเมริกา จริงๆ เเล้วอาหารสไตล์นี้มีให้เห็นหลากหลายรูปเเบบ มีอยู่ทุกชาติ ขึ้นกับว่าจะเปลี่ยนเเปลงไส้ เครื่องเคียง เครื่องปรุงรสเป็นอย่างไร ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมการรับประทานของชาตินั้นๆ โลกนี้จึงมีเเซนด์วิชรูปแบบต่างๆ อยู่เป็นร้อยๆ ชนิดในทุกชาติ

เเซนด์วิชที่อยากเเนะนำให้คุณผู้อ่านรู้จักในฉบับนี้ คือ BLT เป็นหนึ่งในเเซนด์วิชโปรดของผู้เขียน ด้วยรสชาติมันเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ ชื่อของเเซนด์วิชนี้ออกจะเเปลกสักหน่อย เพราะเป็นชื่อย่อสไตล์กอสซิปดารา ซึ่งย่อจาก Bacon Lettuce เเละ Tomato

เเซนด์วิชเบคอน อันที่จริงเเล้วมีในอังกฤษ เพียงเเต่เสิร์ฟเเค่ขนมปังนิ่มๆ กับเบคอนที่ทอดพอสุกเท่านั้น นิยมเสิร์ฟในร้านสไตล์ Greasy Spoon ซึ่งหมายถึงร้าน Diner ระดับกลางที่ไม่มีเครื่องล้างจาน เลยทำให้จาน ชาม ช้อน ส้อมของร้านสไตล์นี้ออกจะมันๆ เลยได้ชื่อเล่นนั้นมา

ปกติเเซนด์วิชเบคอนสไตล์อังกฤษนั้นไม่ได้เลิศหรูอะไร ไม่มีในเมนูร้านอาหารด้วยซ้ำ การทำก็ง่ายๆ เเค่เอาขนมปังทาเนยเเล้ววางเบคอนทอดมันเยิ้มๆ ประกบด้วยขนมปังอีกแผ่น รับประทานเเล้วอาจมันๆ เอียนๆ เเต่ก็เป็นที่นิยมในอังกฤษ บางครั้งอาจเสิร์ฟเเซนด์วิชเบคอนด้วยไข่คน ถั่ว ซอสมะเขือเทศ หรืออีกขั้นอาจเป็น Brown Sauce ที่คล้ายเกรวี

พอเเซนด์วิชชนิดนี้ข้ามฝั่งความนิยมมาถึงอเมริกา ก็ได้มีการจับมาเเต่งองค์ทรงเครื่องเสียใหม่ จนได้รับความนิยมล้นหลาม ถึงกับมีคำกล่าวถึง BLT ว่า “BLT is wherever Americans go, which is everywhere” คือ มี BLT ให้เห็นทุกทีที่คนอเมริกันไปถึง ซึ่งมันหมายถึงทุกที่นั่นเเหละ

ความอร่อยของ BLT ถูกปรับปรุงตั้งเเต่ขนมปังที่ใช้ก็จะถูกปิ้งให้กรอบนอกนุ่มใน รับประทานทันทีหลังจากทำเสร็จ จะอร่อยที่สุด เลือกใช้ได้ทั้ง White Bread, Whole Wheat หรือ Whole Grain ตามชอบ

มีเครื่องปรุงรสมาเสร็จสรรพ ด้วยมายองเนสที่ทำหน้าที่คล้ายกาวยึดขนมปังกับส่วนประกอบอื่นๆ ด้วยความที่มายองเนสมีน้ำมันเป็นส่วนผสม เลยช่วยเคลือบผิวของขนมปังจากน้ำในมะเขือเทศ ไม่ให้ซึมสู่ขนมปังจนเปียกเเฉะ

ส่วนเบคอน สำคัญมาก จะต้องมีไขมันแทรกกำลังดี มีส่วนเนื้อสัมพันธ์กับมัน อบหรือทอดจนกรอบกร๊วบๆ ไม่มีเหนียวให้เเหนงใจ เหมือนฉบับดั้งเดิม

เพื่อสุขภาพสักนิด เลยมีผักกาดเเละมะเขือเทศเเก้เลี่ยน ผักกาดที่ใช้มักเป็น Iceberg ผักกาดเเก้ว ให้ความกรอบสดชื่น รสชาติกลางๆ ไม่จัดจ้าน หรือถ้าชอบรสเข้มหน่อย อาจจะเป็น Romaine Lettuce หรือผักกาดซีซ่าส์ สังเกตว่าจะเป็นผักกาดใบเเข็งสักนิด เพื่อให้เนื้อสัมผัสเข้ากันได้ดีกับเบคอนที่กรอบ

ส่วนมะเขือเทศ เเนะนำให้เป็น Beef Tomato หรือมะเขือเทศเนื้อ ซึ่งจะให้เนื้อที่มากกว่าน้ำ ทำให้เเซนด์วิชของเราไม่เเฉะ หากไม่ได้รับประทานในทันที หลายๆ คนไม่ชอบมะเขือเทศ อาจปรับเป็น BLA หรือ Bacon Lettuce Avocado ที่งดมายองเนส เพราะได้ความมันอร่อยโดยธรรมชาติของอะโวคาโด เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

เป็นอันครบถ้วนส่วนผสมง่ายๆ เพียงเเค่ 5 อย่าง ขนมปัง มายองเนส ผักกาดเเก้ว มะเขือเทศ เเละเบคอนอบกรอบ หากพร้อมอร่อย มาดูสูตรกันเลย