posttoday

อัพเกรดท่าเรือแหลมฉบัง ขึ้นแท่น Smart City

18 มกราคม 2565

การท่าเรือฯผนึก สศด.ยกระดับแหลมฉบังสู่ท่าเรืออัจฉริยะ ลดต้นทุนโลจิสติกส์ แก้จราจร วางเป้าหมายเป็นพื้นที่ Smart City

เรือโท ยุทธนา โมกขาว รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารการเงินและกลยุทธ์องค์กร รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (สศด.) ผลักดันนโยบายการบริหารการจราจร และการบูรณาการด้านข้อมูลเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อดำเนินการพัฒนาท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Port) ในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) มุ่งสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ Smart City

ทั้งนี้เดินหน้าพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ทันสมัยช่วยแก้ปัญหาการจราจรของ ท่าเรือแหลมฉบัง(ทลฉ.) โดยมีข้อตกลงความร่วมมือเป็นระยะเวลา 3 ปี หลังจากสิ้นสุดของระยะเวลาตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับแรกในวันที่ 11 มกราคม 2565

สำหรับโครงการพัฒนา Smart City ในพื้นที่ ทลฉ. ประกอบด้วย การส่งเสริมด้านการบูรณาการข้อมูลกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง อาทิ สายเรือ ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ กรมศุลกากร ผู้ประกอบการขนส่งสินค้า พัฒนาระบบการบริหารจัดการท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Port) และระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อช่วยบริหารเวลารถบรรทุกสินค้าเข้าออก ทลฉ. (Truck Queue) เป็นต้น มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งพัฒนาระบบท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Port System) ส่งเสริมให้เกิดการต่อยอดการใช้ประโยชน์จากข้อมูลท่าเรืออัจฉริยะให้มีศักยภาพ เพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการตู้คอนเทนเนอร์ ลดต้นทุนโลจิสติกส์ แก้ปัญหาการจราจร ลดมลภาวะและปัญหาสิ่งแวดล้อม เพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับชุมชนโดยรอบ ทลฉ.

นอกจากนี้ระบบดังกล่าวจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลการขนส่งหลากหลายรูปแบบ ทั้งทางถนน ทางเรือและทางรางร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สายเรือ ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ ผู้ประกอบการรถขนส่งสินค้า ผ่านระบบเทคโนโลยีดิจิทัล ได้แก่ Smart Port Traffic (ระบบจัดการข้อมูลการจราจร) Smart Port EDI (ระบบเชื่อมต่อ Big Dataจากระบบต่าง ๆ) Smart Port Payment (ระบบชำระเงินแบบ QR Code) เป็นต้น

“กทท. มีหน้าที่ผลักดันให้เกิดการบูรณาการข้อมูล สนับสนุนและส่งเสริมการนำร่องสู่การรวบรวมและเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อพัฒนาท่าเรืออัจฉริยะสำหรับ ทลฉ. พร้อมส่งเสริมให้มีการนำข้อมูลที่เกิดขึ้นไปวิเคราะห์ พัฒนาบริการต่อยอดเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อ กทท. และอุตสาหกรรมดิจิทัลในอนาคต”