posttoday

มหาดไทยจัดงานโอทอป 9 วันยอดขายสู่ชุมชนกว่า 500 ล้าน

26 ธันวาคม 2564

นนทบุรี-กระทรวงมหาดไทยจัด“โอทอปไทย สู้ภัยโควิด-19” สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการชุมชนกว่า 500 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทยและประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ เยี่ยมชมและให้กำลังใจผู้ประกอบการโอทอปในงาน “โอทอปไทย สู้ภัยโควิด-19” ซึ่งจัดขึ้นเป็นวันสุดท้าย ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ได้เดินทางมาเยี่ยมชมและเป็นกำลังใจให้กับผู้ประกอบการโอทอปซึ่งจัดขึ้นในวันนี้เป็นวันสุดท้าย โดยกรมการพัฒนาชุมชน การจัดงานในครั้งนี้มีความพิเศษ เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ OTOP ทุกกลุ่ม ทุกระดับ ทุกดาว ได้นำสินค้าที่ได้รังสรรค์และทุ่มเทชีวิตในการผลิตจากภูมิปัญญามานำเสนอในราคาที่ยุติธรรม ตลอดการจัดงาน 9 วัน ทำให้ได้เห็นรอยยิ้ม และเห็นหยาดน้ำตา แห่งความตื้นตัน รวมทั้งความรู้สึกของผู้ประกอบการที่ได้แสดงออกผ่านคำพูดและแววตา การจัดงานในครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก หลังจากที่เราไม่ได้จัดงานในลักษณะนี้มาเป็นเวลา 1 ปี

มหาดไทยจัดงานโอทอป 9 วันยอดขายสู่ชุมชนกว่า 500 ล้าน

ทั้งนี้ การอุดหนุนสินค้าภูมิปัญญาจากพี่น้องประชาชนคนไทยด้วยกันในการจัดงานครั้งนี้ เป็นการตอกน้ำและแสดงให้เห็นถึงน้ำใจของคนไทยที่หลั่งไหลมาให้กำลังใจ มาช่วยกันพลิกฟื้นต่อลมหายใจผู้ประกอบการโอทอป เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยทุกคนที่ร่วมงานพร้อมใจกันให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

"รอยยิ้มและหยาดน้ำตาแห่งความตื้นตันของผู้ประกอบการ OTOP ในวันนี้ คือเครื่องหมายที่เป็นสัญลักษณ์แห่งกำลังใจจากพี่น้องคนไทยทั่วทั้งประเทศ ที่ได้ส่งมอบให้กับผู้ประกอบการผ่านการช่วยกันอุดหนุน ช่วยกันจับจ่ายใช้สอย สนับสนุน ภูมิปัญญาและสินค้าต่าง ๆ ในงานโอทอปไทยสู้ภัย โควิด-19 รายได้จากการขายเหล่านี้เป็นขวัญกำลังใจและจะกลับคืนสู่ชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและต่อยอดพัฒนาสินค้าต่าง ๆ ให้เกิดความหลากหลายและยั่งยืนต่อไป" นายสุทธิพงษ์ กล่าว

ด้าน ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทยและประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ กล่าวว่า จากการได้เยี่ยมชมงานตลอด 9 วัน โดยเฉพาะยิ่งในโซนผ้าถิ่นไทย และร้านผู้ประกอบการผ้าจากทั่วประเทศ เป็นสิ่งที่ตอกย้ำให้เห็นว่า น้ำพระราชหฤทัยที่เปี่ยมล้นของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงส่งเสริมให้พี่น้องคนไทยรวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มศิลปาชีพ นำเอาภูมิปัญญาฝีไม้ลายมือที่บรรพบุรุษถ่ายทอด มาถักทอเป็นผ้าไทยผืนต่าง ๆ กระทั่งได้รับการสืบสาน รักษา และต่อยอดโดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยทรงพระราชทานแบบผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ และพระราชทานคำแนะนำและกำลังใจให้กับประชาชนผู้ประกอบการผ้าไทย ทำให้ผลงานลวดลายผ้าไทยที่ถูกนำมานำเสนอ นำมาจัดแสดง และนำมาจำหน่ายในงานครั้งนี้ สามารถสร้างรายได้กลับคืนสู่พี่น้องประชาชนในชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ

มหาดไทยจัดงานโอทอป 9 วันยอดขายสู่ชุมชนกว่า 500 ล้าน

ดร.วันดีกล่าวว่า สมาคมแม่บ้านมหาดไทย จะได้น้อมนำแนวพระราชดำริของทั้งสองพระองค์ มาขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนผ่านโครงการ/กิจกรรมต่าง ๆ เช่น โครงการ "สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน" รณรงค์ให้คนไทยทั้งประเทศ ร่วมมือร่วมใจกันใส่ผ้าทอไทย ไม่ว่าจะเป็นผ้าฝ้าย ผ้าไหม เพื่อช่วยกันสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก และโครงการ "คาราวานสินค้าชุมชน" สัญจรไปจำหน่ายผ้าไทยและสินค้าชุมชน ที่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานในการรณรงค์ให้เพิ่มวันสวมใส่ผ้าไทย

"สิ่งที่ได้เห็นและเป็นกำลังใจที่สำคัญของผู้ประกอบการผ้าไทย คือ การที่พี่น้องคนไทย ต่างพร้อมใจกันสวมใส่ผ้าไทยมาเดินเยี่ยมชมงาน OTOP ไทยสู้ภัยโควิด-19 ในครั้งนี้ ถ้าเราช่วยกันอุดหนุนผ้าไทย และร่วมกันใส่ผ้าไทยจนเป็นวิถีชีวิต ก็จะเป็นการช่วยเหลือชุมชน ช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานราก เราทุกคนต้องช่วยกัน" ดร.วันดี กล่าว

ขณะที่ นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย มีความตั้งใจจะส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนฐานรากให้มีความเข้มแข็ง เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศให้มากยิ่งขึ้น การจัดงาน “โอทอปไทย สู้ภัยโควิด-19” ในครั้งนี้มียอดจำหน่ายสินค้าโอทอปกว่า 500 ล้านบาท อีกทั้งยังเป็นการขานรับนโยบายของรัฐบาล ในการร่วมสนับสนุนกระเช้าของขวัญจากผลิตภัณฑ์ OTOP เพื่อใช้เป็นสื่อกลางมอบความปรารถนาดีให้แก่กันเนื่องในเทศกาลปีใหม่ 2565 และเพื่อให้ประชาชน ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ สินค้า OTOP ในชุมชนหมู่บ้านมีรายได้กระจายไปทั่วประเทศ ยกระดับสินค้าให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยการสร้างโอกาสให้ชุมชนได้นำสินค้าที่มีคุณภาพออกสู่ตลาด