posttoday

พาณิชย์ ถกอุปทูตสหรัฐฯ หนุน BCG โมเดล ลุ้นปลดไทยพ้นบัญชี WL

15 ธันวาคม 2564

‘จุรินทร์’ หารือสหรัฐฯ ประสาน USTR ปลดไทยออกจากบัญชี WL พร้อมจับมือเดินหน้าขยายการค้าการลงทุน แย้มปีหน้าค่ายรถยนต์สนลงทุน EV เพิ่มขึ้น

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังหารือกับนายไมเคิล ฮีธ (Michael Heath) อุปทูตสหรัฐฯ รักษาการเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2564 ณ กระทรวงพาณิชย์ ว่า รักษาการเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ได้กล่าวชื่นชมรัฐบาลไทย และกระทรวงพาณิชย์ ที่สามารถดูแลห่วงโซ่การผลิต และเศรษฐกิจในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา สามารถดำเนินการไปได้อย่างดี และมีความต่อเนื่อง แม้จะเผชิญสถานการณ์โควิด

ทั้งนี้พร้อมสนับสนุน BCG โมเดล (Bio-Circular-Green Economy Model) ของไทย โดยเฉพาะในช่วงการประชุมเอเปคที่ไทยเป็นเจ้าภาพในปี 2565 และขอบคุณไทยที่ช่วยสนับสนุนพัฒนาและปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาออนไลน์ โดยเฉพาะบทบาทของไทยในการให้ความรู้ในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยมีกระทรวงพาณิชย์เป็นแกนหลัก นอกจากนี้ ยังมีข่าวดีสำหรับเกษตรกรไทย โดยสหรัฐฯ ได้อนุญาตให้ส้มโอจากไทยสามารถส่งออกไปสหรัฐฯ ได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

นอกจากนี้สหรัฐฯยังให้ความสำคัญกับการลงทุนเรื่องการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า(EV)โดยแจ้งว่าในอนาคตมีหลายยี่ห้อที่จะเข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ บริษัทฟอร์ดได้เข้ามาลงทุนในไทยแล้ว มูลค่า 950 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3 หมื่นล้านบาท)

ขณะที่ในส่วนของไทยได้แจ้งสหรัฐฯ 3 ประเด็นสำคัญ ดังนี้ ประเด็นที่ 1 ไทยให้ความสำคัญกับการเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบผสมผสาน โดยเฉพาะการใช้ BCG Model ในการขับเคลื่อน โดยไทยจะชู BCG Model ในการประชุมเอเปคที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพปีหน้า

ประเด็นที่ 2 เรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ไทยแจ้งว่าได้จับมือกับสำนักผู้แทนการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Trade Representative: USTR) ขับเคลื่อนแผนดำเนินการด้านทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกันเป็นระยะเวลายาวนานและมีความคืบหน้าเป็นรูปธรรม ในการพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งการปกป้องและการบังคับใช้กฎหมายในการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งสหรัฐฯได้ปลดประเทศไทยจากบัญชีที่อาจจะต้องจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) เป็นจับตามอง (WL) และขอให้ท่านทูตประสานไปยัง USTR ให้ปลดไทยจากบัญชี WL ต่อไป ซึ่งจะมีการพิจารณาเร็วๆนี้

และประเด็นที่ 3 ไทยและสหรัฐฯ เห็นว่าสองฝ่ายสามารถหารือเพื่อสนับสนุนการค้าการลงทุนในเชิงลึกระหว่างกันได้ ผ่านเวที TIFFA ซึ่งไทยได้เป็นเจ้าภาพการประชุมเมื่อ 2 ปีที่แล้ว และได้แจ้งว่าอยากเห็นสหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพการประชุมในปีหน้า เพื่อส่งเสริมมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกันต่อไป

อย่างไรก็ตามสหรัฐฯเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทย รองจากจีน และญี่ปุ่น มูลค่าการค้าระหว่างไทย-สหรัฐ เฉลี่ยปีละประมาณ 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยในช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค. 64) ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มูลค่า 34,137 ล้านเหรียญสหรัฐ (1.066 ล้านล้านบาท) ส่งออกเพิ่มขึ้น 20.05% โดยไทยได้ดุลการค้ามูลค่า 22,270 ล้านเหรียญสหรัฐ (691,247 ล้านบาท) ได้ดุลเพิ่มขึ้น 43.36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน