posttoday

ค่ายรถส่งสัญญาณหวนลงทุนไทย อัพเกรดโรงงานออกรุ่นใหม่ป้อนตลาดปีหน้า

13 ธันวาคม 2564

‘สุริยะ’ ชี้หลังเปิดประเทศนักลงทุนเชื่อมั่นขานรับมาตรการหนุนลงทุนอุตฯยานยนต์ เตรียมผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ คาดปี’65 ไทยสามารถผลิตรถยนต์ได้ 1.7 ล้านคัน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า วิกฤตโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกทำให้การผลิตชะลอตัว นักลงทุนจึงมีการทบทวนแผนการลงทุน และปรับแผนการผลิตในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยมีค่ายรถยนต์หลายบริษัท หันมาให้ความสนใจเพิ่มการลงทุนในประเทศไทย แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ชิ้นส่วนในไทย และนโยบายของรัฐบาล อย่างต่อเนื่อง เพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปสู่อุตสาหกรรม           ยานยนต์สมัยใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-Curve) ของประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติที่มุ่งเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศไทย ยกระดับการเป็นฐานการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนสมัยใหม่

รวมทั้ง มาตรการส่งเสริมการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีและบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เพื่อยกระดับให้ไทยเป็นผู้นำอาเซียนในการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนด้วยการใช้หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศหลังการเปิดประเทศ

ทั้งนี้การผลิตยานยนต์มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดในประเทศ และตลาดส่งออกฟื้นตัว มีแนวโน้มขยายตัวที่ดี คาดว่า การผลิตในปี 2564 รวม 1.6 ล้านคัน ขยายตัวร้อยละ 15 และปี 2565 คาดว่า การผลิตจะขยายตัวอยู่ที่ 1.7 ล้านคัน

อย่างไรก็ตามล่าสุด บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 900  ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 28,000 ล้านบาท ในการยกระดับกระบวนการผลิตในโรงงานด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและเพิ่มหุ่นยนต์อุตสาหกรรม เพื่อรองรับการผลิตรถกระบะ Ford Ranger และรถยนต์นั่งเอนกประสงค์ Ford Everest เจเนอเรชั่นใหม่ สำหรับจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปตลาดสำคัญทั่วโลก โดยการลงทุนเพิ่มครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนในประเทศไทยครั้งใหญ่ในรอบ 25 ปี ส่งผลให้บริษัท ฟอร์ดฯ เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์รายใหญ่ของประเทศไทย มีมูลค่าการลงทุนสะสมกว่า 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 100,000 ล้านบาท

“การลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี และเพิ่มหุ่นยนต์อุตสาหกรรมมาใช้ในส่วนของการผลิตของโรงงานประกอบรถยนต์ทั้ง 2 แห่ง สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการยกระดับภาคอุตสาหกรรมด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีสายการผลิตไปสู่ Industry 4.0 ช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและเพิ่มผลิตภาพของภาคอุตสาหกรรมไทย รวมทั้ง มีส่วนช่วยสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ มีเป้าหมายให้ไทยเป็นผู้นำการผลิตและใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติของอาเซียนภายในปี 2569 อีกด้วย”

ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยคิดเป็นประมาณ 5.9% ของ จีดีพี (หรือประมาณ 11% ของ จีดีพี ภาคอุตสาหกรรม) ในปี 2563 ไทยมีการผลิตรถยนต์รวม 1.4 ล้านคัน เป็นอันดับที่ 11 ของโลก ประมาณร้อยละ 50 ของการผลิตเป็นการส่งออกไปยัง 170 ประเทศทั่วโลก มีมูลค่าการส่งออกรวม 919,000 ล้านบาท (เป็นอันดับ 1 ของสินค้าส่งออกของไทย)

ทั้งนี้โครงสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ไทยประกอบด้วยผู้ผลิตรถยนต์ 19 ราย ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ 10 ราย ผู้ผลิตชิ้นส่วนมากกว่า 2,300 ราย รวมแรงงานในภาคอุตสาหกรรม 750,000 คน โดยผลิตภัณฑ์ที่เป็น Product Champion ของไทยประกอบด้วยรถปิกอัพ 1 ตัน รถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (ECO Car) และรถจักรยานยนต์คุณภาพสูง