กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส เอ400เอ็ม 2 ลำ

สัญญาดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในปี 2565 ซึ่งจะทำให้จำนวนประเทศผู้ใช้เครื่องบิน A400M มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 10 ประเทศ ข้อตกลงดังกล่าวจะครอบคลุมในเรื่องการให้บริการโปรแกรมดูแลบำรุงรักษาและการฝึกอบรมอย่างครบถ้วน นอกเหนือจากนี้ ในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) ยังมีการลงนามเพื่อจัดซื้อเครื่องบิน A400M เพิ่มเติมอีก 4 ลำในอนาคตอีกด้วย

“คำสั่งซื้อใหม่นี้จะส่งผลให้เครื่องบิน A400M ถูกนำมาใช้ในปฏิบัติการกันอย่างทั่วถึงมากขึ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เครื่องบิน A400M โดดเด่นด้วยสมรรถนะที่หลากหลาย ช่วยให้กองทัพอากาศของประเทศอินโดนีเซียสามารถปฏิบัติการบินด้วยเครื่องบินที่มีแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งลำเลียงสิ่งของขนาดใหญ่หรือน้ำหนักมากไปยังพื้นที่ห่างไกล อีกทั้งยังช่วยแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจทางอากาศที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากความสามารถในการเติมเชื้อเพลิงทางอากาศอันเป็นที่น่าไว้วางใจ” ไมเคิล เชิลล์ฮอร์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอร์บัส ดีเฟนซ์ แอนด์ สเปซ (Michael Schoellhorn, CEO of Airbus Defence and Space) กล่าว

เครื่องบินรุ่นนี้สามารถปฏิบัติการได้ตั้งแต่สภาพรันเวย์ที่ขรุขระไปจนถึงทางวิ่งระยะสั้น โดย A400M จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับขีดความสามารถในการลำเลียงทางอากาศของกองทัพอากาศอินโดนีเซีย เพื่อตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถเห็นได้จากเหตุการณ์สึนามิถล่มเมื่อปี 2561 ที่เกิดขึ้นภายหลังจากแผ่นดินไหวในประเทศ A400M เป็นเครื่องบินลำเลียงขนาดใหญ่ลำแรกที่สามารถขนส่งสิ่งของที่มีน้ำหนักมากได้ เช่น รถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง รถขุด อาหาร เสื้อผ้า ไปจนถึงเวชภัณฑ์ โดยสามารถขึ้นและลงจอดบนรันเวย์ในเมืองปาลู (จังหวัดสุลาเวสีกลาง ประเทศอินโดนีเซีย) ซึ่งมีทั้งสภาพชำรุดเสียหายและมีระยะทางที่สั้น

“เครื่องบิน A400M เป็นแพลตฟอร์มอเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังจะช่วยพัฒนาขีดความสามารถทางยุทธวิธีทางอากาศสู่อากาศ (air-to-air) ของกองทัพอากาศอินโดนีเซียได้เป็นอย่างมากแล้ว เครื่องบินลำนี้ยังมีบทบาทสำคัญในภารกิจสำคัญอื่น ๆ รวมถึงปฏิบัติการพลร่มและการลำเลียงสินค้าขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมาก นอกจากนี้แล้ว เราก็กำลังพิจารณาจัดหาเครื่องบิน A400M เพิ่มเติมในระยะเวลาอันใกล้นี้ ประกอบกับการพัฒนา A400M ต่าง ๆ ในอนาคต เช่น การดับเพลิง ซึ่งเป็นความสามารถที่สำคัญที่เรากำลังมองหาร่วมกันกับแอร์บัส A400M จะกลายเป็นทรัพย์สินของชาติและเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับภารกิจการช่วยเหลือมนุษย์และการรับมือกับภัยพิบัติ นอกเหนือจากความสามารถทางยุทธวิธีและทางอากาศสู่อากาศ” ปราโบโว ซูเบียนโต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Prabowo Subianto, Minister of Defence of the Republic of Indonesia) กล่าว

A400M สามารถบรรทุกของหนักและเกินขนาดข้ามระยะทางเชิงยุทธศาสตร์ได้ โดยสามารถส่งมอบสิ่งเหล่านี้ไปยังพื้นที่ทางยุทธวิธีต่าง ๆ ในขณะเดียวกันก็มีความสามารถในการเติมเชื้อเพลิงทางอากาศอีกด้วย A400M จึงเป็นโซลูชันที่ดีที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งในเรื่องเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศและลำเลียงสิ่งของให้กับกองทัพอากาศ

ด้วยความสามารถในการบินอย่างรวดเร็วในระยะความสูงทั้งในระดับที่สูงและต่ำมาก A400M จึงเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับการเติมเชื้อเพลิงทางอากาศให้กับเครื่องบินขับไล่และเครื่องบินหลักอื่น ๆ โดยใช้ถังเติมเชื้อเพลิงใต้ปีกสองถัง ความสามารถในการเติมเชื้อเพลิงจากอากาศสู่อากาศในตัวของเครื่องบินรุ่นนี้ทำให้การปรับเปลี่ยนให้เป็นเครื่องบินบรรทุกน้ำมันเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว สามารถปรับให้เข้ากับสถานการณ์การปฏิบัติงานและภารกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างง่ายดาย ความสามารถในการปรับเปลี่ยนให้เติมเชื้อเพลิงได้ในขณะบินนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในแอร์บัส รุ่น A400M เท่านั้น