posttoday

OR เจอพิษโควิดกระทบรายได้ไตรมาส 3 ชี้ 9 เดือนยังกำไรพุ่ง 55.4%

10 พฤศจิกายน 2564

OR แจง 9 เดือน กำไรสุทธิ 9,121 ล้านบาท แม้รายได้ไตรมาส 3 ลดลงจากโควิดระลอกใหม่ จับมือคู่ค้าฝ่าวิกฤตออกมาตรการลดค่าใช้จ่ายพยุงสภาพคล่องผู้ประกอบการ-เอสเอ็มอี

นายพิจินต์ อภิวันทนาพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า ผลงานการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 2564 ที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ จำนวน 9,121 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 3,253 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 55.4% ทั้งจากรายได้ขายและ EBITDA  ที่เพิ่มขึ้น 34,652 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.0% และ 3,394 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27.1% ตามลำดับ จากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ในปีนี้

ภาพรวมผลการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจน้ำมันดีขึ้นจากกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันจะปรับลดลง 8% และกลุ่มธุรกิจ Non-oil ปรับตัวลดลงเล็กน้อยก็ตาม

เมื่อเทียบผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้กับไตรมาสที่แล้ว รายได้จากการขายและบริการปรับลดลงเล็กน้อยจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยระลอกใหม่ในสายพันธุ์เดลต้าที่ขยายวงกว้างมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อกลุ่มธุรกิจน้ำมันและกลุ่มธุรกิจ Non-Oil โดยปริมาณการขายของกลุ่มธุรกิจน้ำมันลดลง แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์น้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

ส่วนกลุ่มธุรกิจ Non-Oil รายได้ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนตามอุปสงค์ที่ลดลง เป็นปัจจัยกดดันให้ปริมาณขายรวมลดลง แต่ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย การออกกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายผ่านช่องทางอื่น ๆ อาทิ การนำกลับบ้าน (Take Away ) บริการจัดส่ง (Delivery Service) รวมถึง Drive-Thru ทำให้ยอดขายของกลุ่มธุรกิจ Non-Oil ลดลงไม่มากนัก ด้านกลุ่มธุรกิจต่างประเทศยังทรงตัว โดยไตรมาสที่ 3 OR มีรายได้ขายและบริการ 116,792 ล้านบาท ปรับลดลง 1.6% จากไตรมาสที่แล้ว

ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด – 19 ที่รุนแรงและต่อเนื่องยาวนาน ส่งผลกระทบต่อประชาชน รวมไปถึงผู้ประกอบการที่เป็นคู่ค้าของ OR ด้วย OR จึงได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือคู่ค้า แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมันหรือ LPG รวมถึงลดการจัดเก็บค่า Royalty fee และ Marketing fee สำหรับผู้ประกอบการ franchisee ร้านคาเฟ่อเมซอน รวมไปถึงการลดอัตราค่าเช่าให้กับผู้ประกอบการร้านเช่า เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs รักษาการจ้างงาน และสามารถผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน

นอกจากนี้ ยังคงส่งมอบความช่วยเหลือสังคมชุมชนในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านโครงการ ส่งกำลังใจ..สู้ไปด้วยกัน #ORStayStrongTogether อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนบุคลากรด่านหน้าด้วยการบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ ร่วมสมทบกองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด 19 (และโรคระบาดต่างๆ) ในการจัดสร้างห้องผู้ป่วย Semi ICU ให้กับโรงพยาบาล 5 แห่ง มอบอุปกรณ์รถวัคซีนเคลื่อนที่ BMV สนับสนุนการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มอบเครื่องช่วยหายใจชนิด High Flow สนับสนุนโรงพยาบาลในเครือบางปะกอก ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 และการดูแลชุมชนสังคมที่อยู่ในพื้นที่ที่มีสถานประกอบการของ OR ตั้งอยู่ เป็นต้น

อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา OR ได้จัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อทดลองดำเนินธุรกิจการบริการยานยนต์ออนไลน์ (Online Automotive Service) เพื่อเป็น platform ขายสินค้าอะไหล่ยานยนต์ออนไลน์และเชื่อมต่อลูกค้า online กับร้านอู่ซ่อมรถ เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อตอบสนองผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งได้ร่วมกับ Flash Express ในการเปิดตัวจุดบริการส่งพัสดุในร้านคาเฟ่ อเมซอน หรือ “Flash Express Drop Off” ที่ร้านคาเฟ่ อเมซอน 71 สาขา เพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้า

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 4 OR ยังคงมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อต่อยอดและสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Mobility & Lifestyle มุ่งตอบสนองผู้บริโภค อำนวยความสะดวกให้ทุกการเดินทางเพื่อตอบโจทย์คนเดินทางในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างทางเลือกสำหรับการดำเนินชีวิตที่ครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ โดยยังคงแสวงหาพันธมิตรธุรกิจใหม่ ๆ รวมถึง Start-up ที่มีศักยภาพในการเติบโตและสอดคล้องกับกลยุทธ์ของ โออาร์ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) การท่องเที่ยว (Travel) สุขภาพ (Health and Wellness) รวมไปถึง Digital Lifestyle ต่าง ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของ OR รวมทั้งผู้ประกอบการไทยให้มีโอกาสในการก้าวสู่ความสำเร็จและเติบโตร่วมกันต่อไป